คนใต้คนหนึ่งที่ผมรู้จัก..
อ่าน: 8015คิดถึงเพื่อนรักที่ชื่อนายสถาพร ศรีสัจจัง
เพราะน้องครูปูชักชวนเพื่อนลานไปงานบวชเม้ง และระบุโปรแกรมไปที่เกาะยอ เลยนึกถึงเพื่อนรักลูกช้างรุ่นเดียวกันที่เป็นคนที่มีพลังในการทำงานมากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อวานซืนเขาเพิ่งโทรจากเกาะยอไปหาผมที่ขอนแก่นด้วยความคิดถึงกัน สถาพรชวนไปเที่ยวที่สวนที่เกาะยอ จะเลี้ยงไวน์ว่างั้น อิอิ พอดีผมและครอบครัวมีโปรแกรมลงใต้มาตรังช่วงเช็งเม้ง เขาก็ชวนให้ไปนอนคุยกันที่นั่น ผมเองก็มีเพื่อนรายทาง หลังสวน ชุมพร ภูเก็ต พังงา… แต่โปรแกรมครอบครัวติดขัดบางประการ..
เลยถือโอกาสนี้แนะนำเพื่อนรักสถาพร ศรีสัจจังคนมีพลังทำงานเหลือเฟือคนนี้ครับ
คำประกาศเกียรติคุณนายสถาพร ศรีสัจจัง
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
ประจำปี 2548
นายสถาพร ศรีสัจจัง ปัจจุบัน อายุ 55 ปี เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2493 ที่จังหวัดพัทลุง เป็นกวีและนักเขียนที่สร้างผลงานหลายประเภททั้งกวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวยนิยาย บทความ ปกิณกะคดี และวรรณกรรมเยาวชน ผลงานหลายเรื่องได้รับการยกย่อง ได้รับรางวัล และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น บทกวี “ดาวเหนือ” เรื่องสั้น เรื่อง “คลื่นหัวเดิ่ง” วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง “เด็กชายชาวเล” เป็นต้น
สถาพร ศรีสัจจัง เป็นกวีและและนักเขียนที่เป็นนักคิด นักอุดมคติ และนักต่อสู้เพื่อสังคม ผลงานวรรณศิลป์ของสถาพร ผูกติดอยู่กับความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงทางสังคม สถาพรวัยหนุ่มอยู่ในช่วงที่ประชาชนถูกย่ำยีด้วยอำนาจอันไม่เป็นธรรม เขาเข้าร่วมกระบวนการต่อสู้นั้นด้วยพลังกาย พลังใจ และพลังปัญญาที่กลั่นออกมาเป็นเรื่องสั้นและบทกวีมากชิ้น งานเขียนของเขากล่าวแทนใจของนักต่อสู้คนหนุ่มสาวในยุคแสวงหา ผลงานของเขาจึงเป็นการสานต่อแนวคิดของกลุ่มวรรณกรรมเพื่อชีวิต และวรรณกรรมเพื่อประชาชน แม้ว่างานเขียนของสถาพร ศรีสัจจัง จะสะท้อนอัตลักษณ์ของท้องถิ่น แต่สามารถสร้างประสบการณ์ร่วมแก่ผู้อ่านทั่วไป สำหรับสถาพร ศรีสัจจัง อุดมคติ วิถีชีวิต และการสร้างสรรค์วรรณกรรมคือสิ่งเดียวกัน หากเป็นการเดินเรือ เขาหันหัวเรือเข้าสู่คลื่น ในงานวรรณศิลป์ เขาหันเข้าปะทะความไม่ถูกต้องอย่างไม่หวั่นกลัว ดังนั้น จุดเด่นในงานประพันธ์ของเขาคือ การสร้างจิตสำนึกในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเป็นธรรม และการต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาโดยไม่ย่อท้อหวาดหวั่น โดยใช้กลวิธีทางวรรณศิลป์ที่งดงาม คมคาย และเข้มข้นด้วยพลังอารมณ์สะเทือนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทกวีของเขามีลีลาจังหวะ และมีพลังเสียงที่ประสานกับพลังของถ้อยคำอย่างหนักแน่น บทกวีของเขาจึงมีความโดดเด่น มีน้ำเสียง เข้ม ห้วน และมีพลังแรง ราวประกาศเอกลักษณ์ของคนใต้ แต่ขณะเดียวกันมีความหวานซึ้งของอารมณ์กวี สถาพรมีความจัดเจนในถ้อยคำ เขาสามารถเล่นคำ เล่นเสียง ผสานคำท้องถิ่นและส่วนกลางได้อย่างมีรสอารมณ์ ยิ่งประกอบกับการที่เขามีความตระหนักในปัญหาของสังคม และมีความเข้าใจเห็นใจชีวิตของคนทุกข์ยากที่ถูกเอาเปรียบ กวีนิพนธ์ของเขาจึงเข้มข้นทั้งเนื้อหาและลีลาวรรณศิลป์ ขนอาจกล่าวได้ว่า กวีนิพนธ์ของสถาพร ศรีสัจจัง เป็นต้นแบบของตระกูลช่างสลักถ้อยคำ เป็นงานวรรณศิลป์ที่สืบสานต่อมาในกลุ่มกวีร่วมสมัยที่เป็นชาวใต้ เป็นนักอุดมคติที่ไฟไม่เคยมอด ด้วยฝีมือในเชิงช่างวรรรศิลป์ที่ไม่เคยตก สถาพร ศรีสัจจัง ยังสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงบันดาลใจแก่กวีและนักเขียนรุ่นน้องให้สืบต่ออุดมการณ์ความคิดและ สืบสานอัตลักษณ์แห่งวรรณศิลป์ของเขาต่อมา
สนใจผลงานเขาดูเพิ่มเติมที่ http://www.tsu.ac.th/ists/article/sathaporn/