ที่ว่างของชาวบ้าน..

412 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 ตุลาคม 2011 เวลา 0:52 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 8077

ก่อนจะมาอีสานผมคุยกับเพื่อนๆว่า เราต้องรู้จักคน ดิน น้ำ ป่า ของอีสาน เราต้องเข้าใจพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้ มิเช่นนั้นเราจะทำงานไม่ตรงกับคนและสภาพของอีสาน

วันหนึ่งมีการสัมมนาที่สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่นเกี่ยวกับเรื่องน้ำในอีสานนี่แหละ มีนักวิชาการผู้ชำนาญการหลายท่านมาให้ความรู้ความเข้าใจและความเห็นต่อการบริหารจัดการน้ำในอีสาน ผมเห็นวิทยากรท่านหนึ่งถูกแนะนำว่าเป็นชาวบ้าน เป็นปราชญ์ เมื่อท่านพูด นำเสนอประสบการณ์ของท่าน ผมก็ทึ่งว่าชาวบ้านท่านนี้ทำไมใช้สื่อเพื่อการนำเสนอเก่งจัง สาระก็เป็นฐานรากของปัญหาและประสบการณ์การแก้ไขที่ท่านลงมือทำเอง

เนื่องจากผมทำงานพัฒนาชนบทมาพอสมควร รู้จักชาวบ้านพอสมควร ย่อมรู้ดีว่า ชาวบ้านนั้นเป็นนักปฏิบัติ พูดไม่เก่ง ยิ่งนำเสนอเป็นเรื่องเป็นราวนั้นยิ่งไปใหญ่เลย แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่เด่นชัดเจน ชาวบ้านเหล่านั้นมักเป็นคนที่มีตำแหน่ง มีหน้าที่อยู่ในชุมชน หรือท้องถิ่นนั้นๆ แต่ท่านผู้นี้วาจาคารมคมคายนัก ง่ายๆ ตรงๆ และถูกใจผมมาก

แม้ว่าจะมีการแนะนำตัวผมก็ไม่รู้จักท่าน จริงๆ แล้ววันเวลาก็ผ่านเลยไปจนผมก้าวเข้ามาในสังคมเสมือน Cyber community ที่ Go to Know หรือที่เรียกกันภายในว่า G2K ผมก็มาพบชาวบ้านท่านผู้นี้อีกครั้ง ท่านเขียนบันทึกทุกวัน มากมายนับไม่ถ้วน ผมกลายเป็นแฟนคลับท่านไปโดยไม่รู้ตัว เพราะติดใจในสาระและรสอักษรของท่าน ….

ผู้นำหลายคนที่ทำเก่งมาก แต่พูดไม่ได้ความ ผู้นำบางคนทำพอใช้ได้ แต่พูดเก่งเป็นไฟ และก็มีบางคนที่พูดน่าฟัง มีหลักมีเกณฑ์ แต่ไม่ได้ทำเท่าไหร่ การพูดคนธรรมดานั้นหลายท่านก็เอาเรื่องอยู่ เพราะวัฒนธรรมการใช้ภาษาของแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน ต้องตีความหมาย และชาวบ้านจะไม่พูดอะไรเป๊ะๆ แต่จะใช้ภาษาแบบประมาณนั้น, คล้ายๆแบบนั้น, ทำนองนั้น, ฯลฯ แต่ท่านผู้นี้ใช้ภาษาได้ดี โดยเฉพาะภาษาไทยโบราณ จนบางคำผมลืมไปแล้ว

ผมชอบใจที่ท่านพูดดี เขียนก็ดี และที่สำคัญทำงานก็ดี สรุปบทเรียนดี เป็นคุณสมบัติที่หายากยิ่งในระดับชาวบ้าน

ผมมีโอกาสเดินทางไปชุมนุมเพื่อนร่วมก๊วนเขียนบล็อก ที่บ้านของท่านผู้นี้ ผมต้องทึ่งอีก เพราะที่พักของท่านแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ หลากหลาย ร่มรื่น และที่นี่เองเป็นห้องเรียนสารพัดเรื่อง

พ่อชาดี วงษ์กะโซ่ ปราชญ์ชาวบ้านแห่งดงหลวงนั้นมีความเป็นตัวของตัวเองสูงนักเกินชาวบ้านทั่วไป ท่านยึดมั่นหลักการยิ่งนัก พ่อแสน แห่งดงหลวงก็เช่นกัน รับรางวัลมาหลายครั้งทั้งระดับจังหวัดและระดับชาติ ก็เพราะท่านเป็นนักสังเกตธรรมชาติและเอามาดัดแปลงใช้ในป่าครอบครัวของท่าน การค้นพบหลายอย่างของท่านก็มาจากการปฏิบัติ และเฝ้าพิจารณาเมื่อพบความจริงก็เอามาขยายต่อ ทดลองทำจนพบความสำเร็จ นายสีวร หนุ่มผู้อกหักจากการเร่ร่อนไปรับจ้าง แต่ก็มาปลื้มกับเกษตรผสมผสานหลังบ้านแปลงเล็กๆที่เหลือกินเหลือใช้ ขายจนมีรายได้วันละ 200-300 บาท

ท่านเหล่านี้ผมได้นำชีวิตท่านยกขึ้นบนเวทีสาธารณะในสังคมเสมือน เพราะผมตั้งเจตนาไว้ประการหนึ่งว่า บล็อก นี้ควรจะเป็นเวทีสำหรับชาวบ้านบ้าง ผ่านเราผู้ไปพบไปเห็นไปสัมผัส ก็ควรนำท่านมาสู่สาธารณะบ้างตามวาระ

ในสังคมสื่อสารนั้นไม่ว่าหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าจอทีวี เสียงทางวิทยุ หรือแม้แต่ Social network ต่างๆนั้น ล้วนเป็นคนชั้นกลางขึ้นไปทั้งนั้นที่มาวาดลวดลายบนสื่อเหล่านี้ ทั้งทำเองและนักสื่อสารหยิบเอามาทำข่าวด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆกัน แต่ไม่มี หรือมีน้อยมากๆที่จะเป็นพื้นที่ของชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

เมื่อผมคุ้นชินกับสังคมเสมือนและกลายเป็นสมาชิกของสังคมนี้ ผมดีใจที่สังคมแห่งนี้มีพื้นที่สำหรับชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านอย่างปราชญ์แห่งอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ชื่อ ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญาพฤทธิ์ ที่ผมเรียกท่านว่าพ่อครูบาฯ ท่านสร้างเวทีของท่านเอง ท่านสร้างพื้นที่ในสังคมแห่งนี้ขึ้นมาเอง และบรรเลงเพลงชีวิตการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชาวชนบท ที่มักเป็นอันดับท้ายๆของการพัฒนาจริงๆ แต่เป็นอันดับต้นๆของการประชาสัมพันธ์โดยรัฐและการชอบอ้างถึงของนักการเมืองยุคทุนนิยม

ประสบการณ์ที่อัดแน่นในชีวิตของพ่อครูบานั้นเป็นครูสำหรับคนทั่วประเทศ เป็นห้องสมุดให้นักศึกษามาค้นคว้าทำปริญญากันมากมาย เป็นลายแทงให้นักแสวงหาทั้งหลายมาค้นหา เป็นทองคำบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วสารทิศมาร่อนเก็บเอาไป ฯลฯ และเป็นบึงใหญ่น้ำใสแจ๋วให้ลูกหลานได้ดื่มกินจนชุ่มชื่นใจ

พื้นที่แห่งนี้คือพื้นที่ของพ่อครูบาฯ ชาวบ้านของปวงชนที่สร้างขึ้นมาเพื่อสังคม ผู้แสวงหาเท่านั้นจึงจะค้นพบ…

พ่อครูบาฯ….. ชาวบ้านน้อยคนนักที่จะมีที่ยืนเช่นนี้


พ่อครูบาฯ กับผึ้ง..

615 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 พฤษภาคม 2010 เวลา 0:07 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 32030

วันที่ไปจ่ายตลาดที่สตึกวันนั้น ผมเดินตามแม่ครัว บังเอิญผมไปเห็นคุณยายท่านนี้นั่งขายรังผึ้งอยู่ มีหลายรังครับ ผมจึงนั่งลงถามคุณยาย


บางทราย: คุณยายผึ้งรังนี้ราคาเท่าไหร่ครับ ผมชี้ไปที่รังใหญ่นั่น

คุณยาย: รังนี้ราคา 70 บาทจ้า

บางทราย: คุณยายไปเอามาจากไหนครับ

คุณยาย: ไปรับเขามา เขาเอามาจากหลายที่ตามชายแดน

บางทราย: คุณยายมานั่งขายทุกวันเลยหรือ…

คุณยาย: มาขายทุกวันแหละจ้า..

…..


ผมนึกย้อนไปถึงพ่อครูบาฯ เย็นวันนั้นพ่อครูเล่าให้ฟังว่า

คุณแม่ผมท่านอายุมากแล้ว ไม่สบายหนักมากคุณหมอไม่รับแล้ว พ่อครูบอกว่า ตัดสินใจเอามาสวนป่า พร้อมชี้มือไปที่อาคารหลังเล็กนั่น เอามาอยู่ที่นี่ ใจก็คิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับแม่…

พ่อครูไม่รู้จะรักษาแม่อย่างไร ข้าวปลากินไม่ได้แล้ว ก็ไปเอารังผึ้งมา คัดเลือกเอาเฉพาะลูกผึ้งที่เป็นตัวอ่อนของผึ้งที่อยู่ในรัง บีบเอาน้ำลูกผึ้งมาผสมกับน้ำผึ้ง หยอดใส่ปากแม่ ค่อยๆทำไป พอดีแม่พอกลืนกินได้ พบว่าอาการแม่ดีวันดีคืน ถึงกับลุกขึ้นมาฝึกเดินใหม่ได้จากการนอนแบบกับพื้น

พ่อครู เล่าว่า คุณแม่มีอายุยืนต่อมาถึง 7 ปี…

สาธุ สาธุ สาธุ..


อภิปรายคำถามหลักพ่อครูบาฯ

595 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 สิงหาคม 2009 เวลา 10:40 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 15075

คำถามหลัก
อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กระบวนการจัดการความรู้ตามแนวคิดของครูบา
สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ทำให้ชุมชนหรือสังคม มีการพัฒนาไปสู่การเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา และการเรียนรู้

อภิปรายคำถามหลัก จากการวิเคราะห์คร่าวๆ

  • เป็นความลงตัวระดับหนึ่งของตัวคนคือครูบาฯ และระบบสื่อสารในยุคนี้คือ blog แต่เนื่องจากครูบามีต้นทุนในหลายประการอยู่ในตัวตน มีสวนป่าที่น่าสนใจยิ่ง มีคนที่รู้จักมักจี่ในท้องถิ่นใกล้ ไกลมากมาย มีบุคลิกท่าทีที่มีเสน่ห์ใครเห็นก็เย็นตาเย็นใจ ยิ่งเนื้อในมีความรู้ มีสาระ ใส่สีสันวาทะเข้าไปก็กระเจิดกระเจิง ถูกใจโก๋ กี๋ กิ๊ก กั๊ก ทั้งหลายแหล่
  • พ่อครูบาเขียนบันทึกลง Blog อันเนื่องมาจาก blog นี่เองและปัจจัยต้นทุนดังกล่าว ก็มีสิงห์เหนือเสือใต้ หมี แมว ทั้งหลายเดินเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี ก็เกิดรู้จักกัน เกิดไปมาหาสู่กัน เลยกลายเป็นข่ายเป็นเครือทั้งเหนือทั้งใต้ ออก ตก กลายเป็น Cyber Community / bond / net / node
  • เมื่อคนรู้จักกัน ก็ย่อมปะทะสังสรรค์ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ ความคิดเห็น ในสาระต่างๆทุกแนวก็เกิดขึ้นและพัฒนาต่อเนื่องต่อไป
  • การปะทะสังสรรค์ย่อมเกิดผลออกมา ที่สำคัญคือ การเรียนรู้สาระต่างๆซึ่งกันและกัน ต่อยอดความรู้ มันเป็นเครือข่ายความรู้ online รู้ตัวคนที่เป็นฐานความรู้ ประสบการณ์เฉพาะด้าน ใครอยากรู้อะไรก็ไป shopping ใน blog ท่านนั้นๆ หรือติดต่อโดยตรงส่วนตัว ก็เกิดการถ่ายเทความรู้กัน หากการถ่ายเทความรู้นี้มีแสงไฟประกายออกมา เราคงจะเห็นแสงสว่างวูบวาบไปตลอดเวลา สว่างมากน้อย แล้วแต่วาระ ความสนใจ ประเด็น ฯลฯ นี่คือสังคมแห่งการเรียนรู้
  • ความรู้มีหลายลักษณะ เช่น สิ่งที่ต้องรู้ สิ่งที่ควรรู้ สิ่งที่รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้ ฐานวิชาชีพของแต่ละคนแตกต่างกัน สิ่งที่ต้องรู้ที่อิงอาชีพจึงแตกต่างกัน ความหลากหลายจึงเกิดขึ้น แต่ทั้งหมดที่คล้ายๆกันคือ ฐานความรู้การดำรงชีพให้มีความสุข ยืนนาน ทุกคนควรจะมีพื้นฐานอันเดียวกัน ใกล้เคียงกัน ก็ขึ้นกับความสนใจ การเอื้อมากน้อยที่ต่างกัน


  • แต่ละคน(Subject) มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสนใจ(Subject area) ซ้ำกันบ้าง เหลื่อมกันบ้าง เหลื่อมมากเหลื่อมน้อยบ้าง แต่ต่างมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอยู่บนฐานของ “เอาใจมาให้กัน” นี่คือจุดเด่นของชุมชนแห่งนี้

คำถามรอง
1. กระบวนการจัดการความรู้ตามแนวคิดของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ มีกระบวนการอย่างไร
2. มีปัจจัยสำคัญใดบ้างที่เป็นปัจจัยส่งเสริมในกระบวนการจัดการความรู้ตามแนวคิดของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
3. มีปัญหา และข้อจำกัดอะไรบ้าง ในกระบวนการจัดการความรู้ตามแนวคิดของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

ไม่อภิปรายในข้อหนึ่ง

ข้อสอง

ปัจจัยที่เสริมในกระบวนการเรียนรู้น่าจะเป็น

  • ความเป็นครูบาสุทธินันท์ Personality ที่มีองค์ประกอบในหลายประการ อาจจะเรียกรวมๆว่าเสน่ห์ เช่น ท่วงท่า ลีลา การวางตัว อักษรที่จารลงไปในบันทึก ฯลฯ
  • องค์ความรู้ ที่เป็นทุนภายในของครูบาสิทธินันท์ มีมากมาย เพราะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมามาก เรียนรู้มาเยอะ ทั้งของตนเองและเชื่อมต่อกับท่านอื่นๆ
  • หากย้อนไปดูนิวาสถานที่อยู่อาศัยเป็นป่ากลางทะเลทราย นี่ก็เป็นสถานตักศิลาที่เหมาะสม ใครๆเห็นก็อยากจะมา มากกว่าเป็นตึกรามใหญ่โตแต่แห้งแล้ง ธรรมชาติคือองค์ประกอบสถานที่ที่มีคุณค่าแก่การมาเรียนรู้อย่างยิ่ง ทั้งเรียนรู้ธรรมชาติ และเรียนรู้เรื่องอื่นๆท่ามกลางธรรมชาติ โบราณก็เรียนในป่าทั้งนั้น
  • เครือข่าย อันนี้หายากครับ หากใครมีเครือข่าย หรือพูดง่ายๆคือเพื่อนที่อุดมความรู้ ท่านครูบาไม่รู้ไปทุกเรื่อง และใครๆก็เป็นเช่นนั้น แต่สามารถระดมความรู้มาได้ บอกกล่าวได้ เชื่อมได้
  • วิธีคิด มุมมอง ทัศนคติ ในประเด็นต่างๆนั้น ครูบามีแตกต่างจากท่านอื่นๆ ใครที่ตามมาคุยด้วยก็จะได้เปิดสมองส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา
  • ฯลฯ

ปัญหาน่ะมีไหมในกระบวนการจัดการความรู้ของครูบาฯ

  • ไม่ว่าแบบไหนๆก็มีทั้งนั้นแหละ การศึกษาในระบบจึงมีคนสอบได้สอบตกไง มีคนแค่สอบผ่านกับคนที่ได้เกรียตินิยม ก็เป็นเรื่องปกติ
  • หากเอาปัจจัยของเสริมของครูบาตั้งขึ้น แล้วมองปัญหาในกระบวนการก็คือ ผู้ที่มาเรียนรู้ มาเพราะถูกบังคับให้มา มาเพราะเอาคะแนน อย่างคนทำวิทยานิพนธ์นี้ไง อิอิ หรือมาเพราะสนใจ อย่างหมอจอมป่วนบึ่งรถมาจากเมืองพิษฯตรงดิ่งยังกะกระทิงโทน ลุยตรงมาเลย แบบนี้ก็ได้ไปเต็มๆ
  • ผู้มาเรียนอาจจะสนใจจริง แต่รับลูกไม่ทัน ตามไม่ทัน เพราะไม่มีพื้นฐานมาก่อน ไม่มีการปูพื้นฐานมาก่อน เคนชินกับระบบเดิมๆ พอมาแบบนี้ก็งง แปลก เลย เก็บความรู้ตกๆหล่นๆ ต้องเตรียมตัวมาก่อน มีฐานการเรียนรู้มาก่อนจึงจะรับได้เต็มๆ พ่อครูบาใช้ชีวิตผ่านองค์ความรู้มามากมาย การพูดจาบางครั้งก็เป็นธรรมะ เป็นบทสรุปสุดยอด เด็กใหม่ไม่คุ้นชินก็ลำบากเหมือนกันในบางสาระ
  • เหมือนคนสนใจปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน บางคนชอบแบบสัมมาอรหัง บางคนคุ้นชินแบบยุบหนอพองหนอ หลายคนสนใจแบบคู้เหยียดแขน ทั้งๆที่ทั้งหมดเป็นอุบายเพื่อเดินทางเข้าสู่จิตสงบ บรรลุธรรมะ ดังนั้น หลายคนไม่ถนัดที่จะเรียนแบบครูบา ตรงข้ามหลายคนได้สัมผัสแล้วน้ำตาไหล..
  • ครูบาได้ใช้ประโยชน์เฮฮาศาสตร์มาก แต่เฮฮาศาสตร์ไม่ใช่สถาบันการศึกษา เช่นวงน้ำชา เชียงราย ที่วันดีคืนดีก็เรียกทีมงานมานั่งประชุมยกระดับกระบวนการให้เหมาะกับคนที่จะมาเรียนรู้ในสำนัก แต่เฮฮาศาสตร์เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่หลวมๆ โดยมีครูบาเป็นแกนกลาง เห็นเหง้าหลัก หากขาดไปก็อาจจะกระทบต่อกระบวนการนี้ได้ทันที อาจสุ่มเสี่ยงต่อความไม่ต่อเนื่อง และความยั่งยืน อนาคตอาจจะมีทางออกดีดีก็ได้

เอาแบบด่วนๆนะครับ อิอิ


เฮฮาศาสตร์เพื่อวันนี้และวันข้างหน้า

843 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 0:33 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 16465

เฮฮาศาสตร์ไม่ได้ก่อตัวเพียงเพื่อวันนี้ แต่จะก้าวไปเพื่อวันข้างหน้า

เมื่อผมก้าวเข้ามาเป็น Blogger ผมก็ยังเหนียมๆ เพราะผมมาจากขุนเขาที่ล้าหลัง สกปรก มีแต่กลิ่นโคลนสาบควาย ดงหลวงที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อผมเริ่มบันทึกเรื่องราวจากดงหลวงมากขึ้นก็มีเพื่อนมากขึ้น และผมก็ก้าวออกไปเยี่ยมเยือนบันทึกของท่านอื่นๆ โลกผมกว้างขวางอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

ผมตระหนักดีว่าเรื่องราวที่ผมบันทึกนั้นเป็นเรื่องเฉพาะชุมชนชนบท ซึ่งเป็นเพียงเสี้ยวส่วนของเรื่องราวทั้งหมดที่ปรากฏบน blog ผมทราบดีว่าเรื่องราวของบันทึกผมนั้นจำกัดผู้สนใจอยู่ในวงแคบๆเท่านั้น

แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เพียงรอให้ใครต่อใครเข้ามาเยี่ยมเยือนเรา แต่การเข้าไปเยี่ยมเยือนท่านอื่นๆต่างหากที่ช่วยเปิดโลกกว้างมากขึ้น แล้วผมก็ใช้เวลาท่องไปในโลกกว้างนั้น ทั้งที่ปรากฏตัวตนและท่องไปแบบเงียบๆ

และในที่สุดผมก็พบปราชญ์แห่งอีสาน ที่ใครๆก็ต้องแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยือน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ติดบันทึกของท่านผู้นี้งอมแงม โดยเฉพาะสาระที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผมสนใจ สำบัดสำนวนที่โดนใจ ลูกเล่นลูกฮา เพียบ ทำให้สาระที่แข็งกลับกลายเป็นมีเสน่ห์อย่างที่ยากผมจะทำตามได้

ท่านคือครูบาสุทธินันท์ที่ผมแอบศรัทธาท่านจนผมทนหัวใจเรียกร้องไม่ไหวต้องก้าวเข้าไปสัมผัสกลุ่มผู้เป็นกัลยาณมิตรที่สวนป่า ที่นั่นผมรู้จักเพื่อนตัวเป็นๆมากมายมากันทั่วสารทิศ ผมซึ้งความเป็นผู้ใหญ่ของพ่อครูบาฯ ครอบครัวของท่าน ผมประทับใจเพื่อนทุกคนที่ต่างก็หอบหัวใจมากองไว้ที่นั่น …..

ที่นั่นผมรู้จักเพื่อนๆมากกว่าเพียงพบกันใน blog และการพบกันแบบเป็นๆนี่เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมต่างๆที่เราเริ่มคิดอ่านทำร่วมกัน…และจะพัฒนาต่อไป..

แล้วคำว่าเฮฮาศาสตร์ก็เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในวงการ Blog โดยพ่อครูบาเป็นเสาหลักร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายท่าน รูปแบบของกลุ่ม blogger กลุ่มนี้ก็มีการตั้งคำถามจากคนนอกและแม้คนในด้วยกันเองว่าคืออะไร เพื่ออะไร จะไปทางไหน…. ซึ่งเรามักคุยกันว่าคำถามนั้นไม่มีคำตอบต้องเข้ามาสัมผัสเอง

เฮฮาศาสตร์กลายเป็นเวทีรวมตัวและหัวใจที่สร้างเรื่องทึ่งๆให้เกิดขึ้นมากมาย การเข้าร่วมที่มาจากเหนือสุด ใต้สุด ต่างหอบหัวใจมามอบให้แก่กันอย่างที่ไม่พบเห็นในสังคมนี้มากนัก การร่วมมือ การอาสา การให้ซึ่งกันและกันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า….

ผมไม่อาจกล่าวว่านี่คือสวรรค์ แต่ไม่ใช่นรกแน่นอน

ผมไม่อาจกล่าวว่านี่คืออุดมการณ์สูงสุด แต่นี่คือความสุขและสาระที่หาได้อย่างจริงใจ

ผมไม่อาจกล่าวว่านี่คือที่สิ้นสุด แต่นี่เป็นเพียงเริ่มต้น

ผมไม่เชื่อว่าอุปสรรคจะมาพรากเรา ตรงข้ามผมเชื่อมั่นว่านั่นคือโอกาส

ผมจึงกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มหัวใจว่าเฮฮาศาสตร์ไม่ได้ก่อตัวเพียงเพื่อวันนี้ แต่เพื่อวันข้างหน้า และอนาคตด้วย

ผมเชื่อมั่นว่าเราจะจับมือร่วมกัน…

ปัญหา อุปสรรค เป็นเพียงก้อนกรวดที่เราต้องช่วยกันเก็บกวาดและก้าวผ่านไปบนเส้นทางที่ยาวไกลโน้น…



Main: 0.051400184631348 sec
Sidebar: 0.062289953231812 sec