ตลาดสิงค์โปร์..

634 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 ธันวาคม 2009 เวลา 23:03 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 11991


แขวงสะหวันนะเขตมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด ตัวเมืองสะหวันนะเขตจึงมีสถานกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำอยู่ที่นี่ รับผิดชอบเลยออกไปจนถึงจำปาสัก พลเมืองในตัวเมืองมีมาก เป็นพื้นที่ที่อดีตผู้นำประเทศลาวเกิดที่นี่หลายท่าน คนไทยไปลงทุนไม่น้อย แต่ที่ไม่น้อยไปกว่ากันคือมาเลเซียและสิงค์โปร์ ตลาดกลางเมืองสะหวันนะเขตแห่งนี้เจ้าของผู้มาลงทุนคือ สิงคโปร์ จึงเรียกตลาดสิงค์โปร์

ตอนอาว์เปลี่ยนอยู่มุกดาหาร ข้ามมาหลายครั้งเพราะสนใจ “ปื้มลาว” อาว์เปลี่ยนเป็นคนสนใจภาษาลาว อ่านได้เขียนได้ลึกซึ้ง จึงเป็นหลักในงานหลายชิ้นที่ต้องผ่านมืออาว์เปลี่ยน

ตลาดสิงค์โปร์เป็นตลาดเสื้อผ้าเหมือนโบ้เบ้บ้านเรา นอกนั้นก็มีกระเป๋าที่มีรุ่นใหม่ทุกยี่ห้อ ใครอยากทันสมัยหิ้ว “หลุย….” ข้ามไปสะหวันนะเขตก็จะมีให้เลือกจนจุใจสนนราคา ตั้งแต่ 80 บาทจนถึง 500 กว่าบาท อิอิ ปลอมมาจากจีนทั้งน้านนนนน


อาเจ๊ท่านนี้กำลังทำแหวนทองที่เห็นแดงสุกอร่ามนั่นแหละเธอเพิ่งจะเผามันด้วยไฟแก๊ส..

ทอง..ร้านทองที่นี่ดูซบเซากว่าคราวก่อนที่ผมมา ในตู้มีทองวางไม่เต็มตู้ บางตาไปมาก ไม่เข้าใจเหตุผล แต่ทองที่นี่ออกแดงๆ ไม่เหลืองทองอร่ามเหมือนบ้านเรา นอกจากทองก็มีเครื่องเงินที่เป็นเครื่องประดับสวยครับ ฝีมือละเอียด ใครชอบเครื่องเงินก็ไม่ผิดหวัง

นอกนั้นก็เป็นของใช้สำหรับสตรี เครื่องประทินโฉมต่างๆ ก็ดูจะมาจากบ้านเราเป็นส่วนใหญ่


ผลไม้.. ด้านหลังตลาดเป็นเพิงง่ายๆ บริเวณใหญ่พอสมควรมีแต่ผลไม้ที่มาจากเมืองจีนทั้งทางเรือและทางรถ สารพัด เหมือนที่มีวางขายบ้านเราแหละครับ


ร้านขายปื้ม..ไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนบ้านเรา แต่ก็มีหลากหลายพอสมควร ทั้งแบบเรียน นิตยสาร อ่านเล่น วิชาการ การ์ตูน ดูเล่มขวามือซิครับ ท่าน ว.วชิรเมธี ก็มีวางขายที่นี่ เพราะตลอดริมโขงฝั่งลาวและลึกเข้าไปจนถึงชายแดนติดเวียตนาม สามารถรับทีวีไทยได้ทุกช่อง เขาจึงติดละครบ้านเราเหมือนคนไทยติด ข่าวสารต่างๆได้รับหมด การเมืองบ้านเราเป็นอย่างไร เขาตามทันโม้ดดดด


ที่แปลกตาในตลาดแห่งนี้ก็มีภาพที่เห็นนี่แหละครับ นี่คือกลุ่มสตรีที่มารับจ้างแต่งเล็บทั้งตัด ทำความสะอาด และปรนเปรอเล็บ นิ้วทั้งมือทั้งเท้า มีคนบอกว่าส่วนใหญ่เป็นสตรีมีเชื้อสายเวียตนามที่มักนิยมมาทำอาชีพนี้ มุมนี้มีจำนวนมาก แต่ก็เดินไปมุมไหนก็มีทุกทุม ครับ แบบเรียกไปทำให้ที่ร้านขณะนั่งขายสินค้าก็ได้.. ผมเห็นเล็บเธอหลายคนทาสี แต้มจุดสวยเลย… สตรีที่ไหนๆก็รักสวยรักงามนะครับ


ด้านหน้าตลาดนั้นถูกพัฒนาขึ้นเป็นสถานที่ขายสมุนไพรที่มีร้านวางสินค้าชัดเจน ซึ่งหลายปีก่อนนั้นแค่วางแบบกะดิน คุณยายท่านนี้นั่งหลับเอามือเท้าคางอยู่ สินค้าหลายตัวก็มาจากฝั่งไทยครับ เช่นยาหม่องสมุนไพรที่มีเนื้อสีเขียวๆ (ผมก็ใช้อยู่) อีกมุมหนึ่งกองสุมสมุนไพรเต็มไปหมด ปนกับพระพุทธรูป และเครื่องรางชนิดต่างๆ


ที่แปลกตาดูจะเป็นสองรูปนี้ครับ ซ้ายมือคือผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนคนมีทั้งเพศชายและหญิงมัดเป็นคู่ๆ เขาบอกว่าคนจีน หรือคนที่ทำมาค้าขายจะซื้อเอาไปเคารพบูชาเพราะจะทำให้ทำมาค้าขึ้น.. ส่วนขวามือนั้นเป็นจิ้งจกตากแห้ง มีสองหาง.. เจ้าตัวซ้ายมือนั้น หางเป็นพวงเลย ใครอยากรู้สรรพคุณ ค้นคว้าเอาเองนะ อิอิ..


สังคมบ้านเราและแถบอินโดจีนนี้ก็พบเสมอคือ วณิพก สองท่านนี้นั่งอยู่ที่หน้าตลาด คุณลุงตาบอดและน่าจะมีอาการอื่นๆประกอบด้วยผมใส่เหรียญไทยไปมีเสียงดัง แล้วเดินเลยมา คุณลุงยังยกมือไหว้อยู่เลย…

มีคนสรุปไว้ว่า ผู้ที่ทำมาค้าขายในตลาดนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนลาวครับ เป็นคนจีนและเวียตนาม…


พระธาตุอิงฮัง..

1819 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 ธันวาคม 2009 เวลา 21:12 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 39933

ผมไม่ได้ข้ามไปฝั่งสะหวันนะเขตบ่อยนัก นอกจากมีภารกิจเท่านั้น แต่คราวนี้ต้องพาผู้ใหญ่เบอร์สองไปเที่ยว ก็เลยต้องข้ามไป ก็แปลกหูแปลกตาไปพอสมควร


ยังจำได้ว่าเราเคยพาคณะกรรมการตลาดชุมชนของ 4 จังหวัดไปฟังประธานหอการค้าจังหวัดพูด สมัยนั้นคือ ดร.อีดิธ เป็นฝรั่งนะครับพูดไทยได้ และเป็นประธานหอการค้าจังหวัด ท่านอย่าแปลกใจว่าทำไมฝรั่งมาเป็นตำแหน่งสำคัญนี้ ก็เพราะเธอแต่งงานกับคนไทย เธอทำธุรกิจศูนย์ โตโยต้า ที่มุกดาหาร

หลังจากนั้นเราก็พาเกษตรกรข้ามประเทศไปคารวะท่านกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำแขวงสะหวันนะเขต ฟังท่านบรรยายและทานอาหารกลางวัน พอเดินทางกลับมาฝั่งไทย ส่งทุกคนกลับบ้าน ข่าวสึนามิถล่มฝั่งอันดามันไทยก็ประกาศลั่น


อาคารนี้สำหรับซื้อตั๋วเข้าพระธาตุ            อาคารเล็กๆนี้สำหรับสตรีนุ่งผ้าถุง

ข้ามไปฝั่งสะหวันนะเขตก็ต้องไปกราบพระธาตุอิงฮัง ซึ่งไกลออกไปประมาณ 14 กม. พระธาตุองค์นี้มีความสำคัญเท่ากับพระธาตุนครพนม ชาวบ้านสองฟากฝั่งให้ความเคารพบูชาเหมือนกัน เท่ากัน ผมชอบประเพณีที่นี่คือ ห้ามสตรีเดินเข้าไปชั้นในของตัวองค์พระธาตุ ได้แต่กราบไหว้ด้านนอกเท่านั้น และจะเข้าบริเวณวัด จะต้องนุ่งผ้าถุง.เท่านั้น….???


ดีจังเลย…สาวไทยที่นุ่งกางเกงเอวต่ำเอวสูงไม่มีสิทธิเข้าไปกราบนอกจากจะซื้อบัตรผ่านแล้วไปเอาผ้าถุงมาใส่ทับกางเกงเข้าไป ซึ่งเขามีบริการสุภาพสตรีครับ ค่าบัตรผ่านก็ราคา 5,200 กีบครับ คิดเป็นเงินไทยก็ 20 บาท สาวไทยยุคโลกาภิวัตน์บางคนก็ไม่เคยนุ่งผ้าถุงมาเลย ดูเขินๆ และคอยจะหลุดอยู่เรื่อย ต้องคอยจับ อิอิ..


ผู้ที่จะไปกราบพระธาตุจะต้องซื้อ เครื่องบูชา เหมือนบายศรี แบบที่เห็นนี้ จะมีชาวบ้านทำมาวางขายข้างทางริมถนนก่อนถึงพระธาตุ ที่บริเวณวัดจะไม่มีเครื่องบูชานี้ขาย จะมีแต่ธูปเทียนเท่านั้น



ขอไม่เล่าประวัติพระธาตุอิงฮังนะครับ สภาพทั่วไปก็ไม่หรูหรา เท่าพระธาตุพนมของเรา แต่ความหรูหราไม่ใช่สาระ ความศรัทธาต่างหากที่พี่น้องลาวไทยตลอดริมโขงบริเวณนี้ต้องมากราบไหว้สักครั้งในชีวิต


ใกล้ๆองค์พระธาตุจะมีศาลาหลังย่อมๆ มีพระและแม่ชีมานั่งประจำหมุนเวียนกัน เพื่อให้ผู้มีศรัทธาเข้าไปขอพรและให้ผูกข้อมือ โดยจะบริจาคหรือไม่ก็ไม่กะเกณฑ์ใดๆ


ด้านหน้าขององค์พระธาตุจะมีผู้เฒ่าคอยทำพิธีพิเศษให้ท่านที่ต้องการตรงบานประตูเข้าองค์พระธาตุ สังเกตเห็นว่า เครื่องบูชานั้นจะถูกนำไปวางเรียงกันที่ฐานองค์พระธาตุ และจะมีมะพร้าวอ่อนที่เปิดกะลาออกแล้วพร้อมดื่มน้ำ วางเรียงด้วยกัน ผมไม่มีโอกาสสอบถามรายละเอียด เดาเอาว่า น่าจะเป็นเครื่องบูชาอีกประการหนึ่ง ตามความเชื่อเฉพาะของที่นี่

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ หากใครเป็นคนช่างสังเกตที่บานประตูที่ปิดทองนั่นนะครับมีภาพ อีโรติคแกะสลักอยู่ ไม่ได้สอบถาม จึงไม่มีคำอธิบายครับ แต่เอามาให้ชมกันเป็น “รหัสธรรม” ก็แล้วกัน


มีโปรแกรมอื่นอีกเราก็เดินทางออกจากที่นี่ มาถึงปากซอยก่อนจะเลี้ยวเข้าตัวเมืองสะหวันนะเขต ก็เห็นภาพนี้ครับ


ชนบทที่ไหนๆก็มีภาพเหล่านี้ครับ

มุมหนึ่งก็นึกไปว่า ประเทศที่ปกครองด้วยอีกลัทธิหนึ่งนั้น ก็ไม่น่าที่จะมีภาพเหล่านี้ปรากฏ ก็ไหนว่า ลัทธิทุนนิยมงมงาย ฟุ้งเฟ้อ มีแต่ขยะทางจิตวิญญาณสะสมให้แก่เด็กยุคใหม่ที่จะเป็นอนาคตของประเทศ นี่คือความจริง

คิดอีกทีก็เพราะมีอย่างนี้น่ะซีจึงมีคนอย่างเราเข้ามาทำงานพัฒนาชนบท หากดีไปหมดเราก็ตกงานน่ะซี อิอิ อิอิ..ยุส่งไปเลย…


ไป Sawan Vegus..วันรัฐธรรมนูญ 52

11 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 ธันวาคม 2009 เวลา 21:55 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2829

รถมินิบัสคันสวยที่เห็นนี้ เห็นเผินๆก็น่าจะนึกถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง


แต่หากจะดูชัดๆที่หน้ารถคันสวยนี้จะเห็นคำว่า Sawan Vegus, Hotel & Casino

นี่คือรถที่รับคนจากฝั่งมุกดาหารไปแขวงสะหวันนะเขต ตรงรี่ไปที่ บ่อนคาสิโนใหม่ที่นี่


นี่คือป้ายใหญ่บอกว่าข้างหน้าคือโรงแรมหรูและคาสิโน หรือเรียกชัดๆคือ บ่อนใหญ่ที่ถูกกฎหมาย


ที่หน้าบ่อน Sawan Vegus มีโฆษณาใหญ่ที่เร้าใจคอพนันคือ โชคใหญ่ทุกเดือนคือรถปิคอัพโตโยตาไฮลัคคันนี้ ผมเห็นทะเบียน มุกดาหารด้วย….


นี่คือประตูทางเข้าบ่อนใหญ่ ท่านสังเกตไหมครับว่าเขาใช้ภาษาไทยและอังกฤษ ทำไมไม่ใช้ภาษาลาว??

ชายสองคนขวามือนั่นคือเจ้าหน้าที่ของโรงแรมและบ่อนแห่งนี้ ทำหน้าที่ตรวจบัตรสำหรับคนที่นั่งรถมินิบัสของบ่อนเข้ามาโดยตรง เขาจะ มีบริการพิเศษ แต่มีเงื่อนไขคุณจะต้องเล่นการพนันไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งอย่างต่ำ 100 บาท..นี่คือคำกล่าวของพนักงานขับรถที่ผมนั่งไป..

ก่อนก้าวไปข้างในบ่อนใหญ่แห่งนี้ พนักงานขับรถบอกว่าให้เก็บกล้องถ่ายรูปไว้ในรถ ห้ามเอาเข้าไปเด็ดขาด.. เลยไม่ได้ภาพมา ก็เล่าให้ฟังก็แล้วกัน

เป็นห้องโถงใหญ่มาก หลังคาสูง พื้นปูพรม ทั้งหมด เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พื้นที่ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่นี้ มีเครื่องเล่นการพนันที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์จัดการ มีพนักงานจัดการเล่นเป็นสตรีหน้าตาดี น่าจะมีสัก 30 โต๊ะกระจายอยู่ตรงกลางห้อง แต่ไม่ทราบเลยว่าแต่ละโต๊ะนั้นเรียกว่าอะไรบ้าง ด้านในสุดซึ่งตรงข้ามกับทางเข้าเป็นพื้นที่สล๊อทแมชีน.. มีจำนวนประมาณ 10 ตัว

มีจังหวะที่คุยกับพนักงานบ่อนแห่งนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี เขาพยายามอธิบายว่าเป็นอย่างไรบ้าง..

  • เด็กหนุ่มชี้ไปที่โต๊ะทุกโต๊ะว่ามีกระดาษขาวขนาดครึ่ง A 4 เขียนว่า ห้ามประชาชนลาวมาเล่นการพนันเด็ดขาด
  • ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีพนักงานแบ่งเป็น 3 กะๆละ 8 ชั่วโมง
  • ได้เงินเดือน 4000 บาท แต่มีสวัสดิการมาก พอใจ
  • ผมถามว่าเป็นคนที่ไหน เขาบอกว่าเป็นคนจำปาสัก ถามว่าเรียนจบอะไร เขาบอกว่า จบปริญญาตรีที่สะหวันนะเขตด้านภาษาอังกฤษ? พนักงานทุกคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้..!
  • เครื่องดื่มฟรี พร้อมกับชี้ไปที่พนักงานใส่เสื้อขาวแขนยาวว่าเขามีทีหน้าที่บริการด้านนี้
  • ก่อนที่จะถามอะไรไปมากกว่านี้เด็กหนึ่งคนนี้ก็ขอตัวไปก่อน

มุมหนึ่งมีป้ายภาษาไทยขนาดใหญ่ว่า รับพนันกีฬา ใต้ป้ายนี้มีจอทีวีขนาดใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดการแข่งฟุตบอลต่างประเทศอยู่ หน้าจอนั้นมีโซฟาอย่างดีกลุ่มใหญ่รองรับคนที่สนใจการพนันประเภทนี้

มองไปที่ผู้เล่นการพนันตามโต๊ะต่างๆ ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 60-40 วัยกลางคน หน้าตาก็ธรรมดา ไม่ใช่คุณหญิงคุณนาย บางโต๊ะน่าจะเป็นสามีภรรยากันด้วยซ้ำไป มีโต๊ะว่างประมาณ 10 โต๊ะ

ผมยืนดูหญิงท่านหนึ่งเล่นสล๊อทอย่างเพลิน กดปุ่มนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ดูหน้าจอที่มีตัววิ่งอยู่ สักพักก็มีไฟวูบวาบ คล้ายส่งสัญญาณว่าถูกรางวัลนะ แต่ตัวเลขโชว์ 180 แล้วก็เล่นต่อ แล้วในที่สุดเครื่องกินหมด..


ที่นี่คนธรรมดาทั่วไปก็เข้าไปได้ โดยไม่ต้องเล่น เขายินดี นี่แหละที่ผมเข้าไปได้เพราะอยากเข้ามาดูว่า บ่อนที่มีตลอดแนวแม่น้ำโขงที่ไม่ใช่ฝั่งไทยนั้นเป็นอย่างไร .. จริงๆผมมีภารกิจอื่น แต่คนขับรถแนะนำว่า แวะไปดูเฉยๆก็ได้ เลยแวะมาดูซะหน่อย

ผมเห็นคนไทยนั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ลุ้นการพนันที่เขาเล่นอยู่นั่นแล้วก็ถอนหายใจ เฮือกใหญ่..ในสมองเขามีอะไร

เมื่อเดินทางกลับออกมา เห็นธงแดงค้อนเคียวปักอยู่ ผมก็นึกในใจว่า ตอนปฏิวัติสังคมนั้นก็โจมตีรัฐบาลว่ามอมเมาชาวบ้านด้วยการพนัน แต่มาวันนี้เขาทำแหล่งการพนันใหญ่โต แม้ว่าจะสร้างกฎว่าห้ามคนลาวเล่น แต่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาเงินเข้าประเทศ นึกเลยไปว่า มันก็ไม่ต่างจากการสนับสนุนประชาชนปลูกฝิ่น ผลิตเฮโรอิน แล้วสร้างกฎว่าห้ามคนประเทศนี้เสพ แต่ผลิตเพื่อขายเอาเงินเข้าประเทศ ทั้งสองประเทศมีศาสนาเดียวกันเป็นหลัก มีพระธาตุที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองฝั่งโขงที่ประชาชนกราบไหว้…


บนสะพานมิตรภาพไทยลาวที่ผมเดินทางกลับมุกดาหาร มีธงประดับสวยงาม ประกาศว่าวันชาติลาวเพิ่งผ่านไปเมื่อวันที่ 2 นี้เอง

ผมถามตัวเองว่า ชาติคืออะไร การสร้างชาติคืออะไร การเกี่ยวก้อยมิตรประเทศเดินไปในอนาคตด้วยกันสู่เมืองสวรรค์ดั่งชื่อเมืองนี้ ควรจะทำอย่างไร…

คนเล็กๆ(แม้ตัวใหญ่) อย่างเราที่ทำงานพัฒนาคิดมากมายไปหรือเปล่าหนอ..



Main: 0.78262400627136 sec
Sidebar: 0.095148086547852 sec