แตงกะน้ำ..

11 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 20:13 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 970

บางทราย: แตง…เธอคิดอย่างไรต่อแดง…ชาวบ้านแถวบ้านเธอคุยกันว่าอย่างไรบ้างล่ะ

แตง: โอย…เมื่อสองสามวันมีคนไปประกาศว่าให้ไปลงชื่อเป็นสมาชิกแดง เอาทักษิณกลับประเทศไทย แล้วจะได้เงินใช้ ก่อนหน้านี้เขาก็เอาเงินมาแจก หนูยังไปรับของเขาเลย ได้มา 500 บาท..

บางทราย: ชาวบ้านคิดอย่างไรล่ะ..

แตง: เขาชอบทักษิณ เพราะทำให้ชาวบ้านมีเงินกู้ เศรษฐกิจดี

บางทราย: น้ำ เธอคิดอย่างไรต่อแดงล่ะ

น้ำ: เขาดีนะ คนจนๆรักษาฟรี มีเงินในหมู่บ้าน ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

บางทราย: น้ำ เธอไม่รู้ใช่ไหมว่า สามสิบบาทรักษาทุกโรคนั้น ทักษิณไม่ได้เป็นคนคิด คุณหมอสงวนและเพื่อนๆหมอเป็นคนคิด แล้วทักษิณเห็นดีก็เอาไปเป็นนโยบายของพรรคการเมืองเขา

น้ำ: หนูไม่รู้หรอก แต่เขาก็ดีนี่นะ อภิสิทธิ์มาแย่งตำแหน่งเขาไป

……..

สังคมไทยเรานั้นตกอยู่ภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อ หรือ..

สังคมไทยเราตกอยู่ภายใต้การนำของระบบสื่อสารมวลชน หรือ..

สังคมชนบท กลุ่มคนรากหญ้า หรือคนชั้นล่างนั้น รับเฉพาะสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน สิ่งที่ได้มา แต่เหตุผลเบื้องหลังของที่เห็น การได้ยิน การได้มาคืออะไร ไม่มีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในสิ่งที่เห็น ได้ยิน…

น่ากลัวจริงๆ… เพราะสิ่งใกล้ตัวของผมนั้นคือพี่น้องดงหลวงก็ไม่ก้าวข้ามสิ่งที่ผมกล่าวมานั้น

หากว่าคนไทยนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธมีคำสอนมากมายถึงเรื่องที่ผมกล่าวมาทั้งหมดว่าอย่าเชื่อเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ และ…..

แต่จริงๆพุทธศาสนิกชนก็เป็นแค่คนที่มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนที่ระบุว่ามีศาสนาพุทธเท่านั้นหรือ….

โครงการพัฒนาเช่นที่ผมทำ และรับผิดชอบอยู่นี้จะมีส่วนมากน้อยแค่ไหนต่อประเด็นเหล่านี้ คือโจทย์ใหญ่ที่แบกอยู่


เที่ยวลาวใต้ 6 ตลาดและตาดฟาน

331 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 17:38 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5710

วันสุดท้ายที่เราอยู่ในปากเซ เมืองจำปาสักนั้น เราไปชมตลาดใหม่ของเมืองปากเซ มีคำกล่าวว่า หากจะดูความอุดมสมบูรณ์ของท้องที่ใดๆก็ให้ไปดูที่ตลาด เราพบว่าเมืองปากเซนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก


ระบบตลาดยังเป็นแบบเดิมๆส่วนใหญ่ก็เป็นแบบแบกะดินของกินของใช้มากมายโดยเฉพาะของกินนั้นมีครบสารพัดที่เป็นแบบพื้นเมืองพื้นบ้าน



หากเอาปริมาณและชนิดของอาหารมาเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ ปากเซก็มีความสมบูรณ์มากๆโดยเฉพาะผลผลิตที่มาจากลำน้ำโขง ทั้งปลานานาชนิด หลายชนิดผมไม่เคยเห็นมาก่อน พืชผัก ต่างๆมาจาก “ดอน” หรือเกาะแก่งที่อยู่กลางลำน้ำโขง โดยเฉพาะที่เรียกว่า “สีพันดอน” นั้นคืออู่ข้าวอู่น้ำของเมืองปากเซ จำปาสัก และผมเดาว่ายังส่งอาหารเหล่านี้ไปเมืองอื่นๆด้วย


เราเดินทางต่อไปยังตาดฟาน ตาดคือน้ำตก ที่นั่นมีรีสอร์ทอยู่ด้วย พบว่ามีฝรั่งมาเช่าพักกันมาก ตาดฟานเป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่า 200 เมตร อยู่ในหุบเขาใหญ่ เราต้องยืนดูที่ขอบหุบเขาหนึ่งแล้วดูไปที่อีกหุบเขาหนึ่งทางทิศตะวันตก จะเห็นตาดฟาน


รอบๆคือป่าทึบ ผมชอบที่นี่มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่น้ำตกสวยแม้จะไกลเราไม่มีโอกาสสัมผัสนอกจากดู แต่ก็ดีไปอย่างที่น้ำตกจะไม่มีการท่องเที่ยวไปรบกวนความเป็นธรรมชาติของเขา ที่รีสอร์ทนี้มีอาคารที่จำหน่ายอาหาร กาแฟเครื่องดื่มต่างๆ ต้นไม้ครึ้มไปหมด ชอบมากครับ


เนื่องจากเป็นหุบเขากว้างใหญ่ จนไม่ได้ยินเสียงน้ำตก ฝรั่งแต่ละคนที่มายืนดู เขาใช้เวลานานมาก จนเรานึกในใจว่า ขยับเสียทีซิจะได้ยืนตรงนั้นบ้างเพราะเป็นจุดที่ดูดีที่สุด อิอิ

เรานั่งดื่มกาแฟสดและดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่นานพอสมควร เราไปแบบครอบครัวจึงใช้เวลาได้เต็มที่ มองไปรอบๆเห็นภาพคนไทยจำนวนมากที่ดังๆมาเยี่ยมที่นี่แล้ว ดูเอาเองว่าใครเป็นใครนะครับ



เที่ยวลาวใต้ 5 หลี่ผี คอนพะเพ็ง

419 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 13:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 8363

ที่โรงแรมจำปาสักพาเลสนั้นห้องพักกว้างขวางมีความเป็นมาตรฐาน ที่แปลกคือ รอบห้องนั้นเป็นทางเดิน


อันเนื่องมาจากเดิมเป็นการก่อสร้างเป็นพระราชวังของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียก่อนรัฐบาลใหม่จึงดัดแปลงมาเป็นโรงแรม ท่านดูรายละเอียดได้ที่นี่ ประวัติโรงแรมจำปาสักพาเลส

คณะรัฐมนตรีสมัยทักษิณเคยมาที่นี่และถ่ายรูปไว้ดังภาพซ้ายมือล่าง

หลังจากอาหารเช้าที่อยากทานเท่าไหร่ก็เชิญตามสบาย แต่มีแต่คนไทยไปแย่งกันเอง ผมเห็นการบริหารจัดการเรื่องอาหารแล้วยังด้อย และทานแบบทิ้งขว้างก็เยอะ เพราะเป็นบุปเฟต์ คนเราจึงตักอาหารมากันเต็มที่ แล้วทานไม่หมด คนนั้นคือคนไทยครับ

เราเดินทางไปดูน้ำตกหลี่ผี ระหว่างทางนั้นต้องหยุดพักและข้างทางให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ จึงมีอาชีพสร้างห้องน้ำขึ้นในลาวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวซื้อบริการ ผมว่าเป็นการพัฒนารองรับการท่องเที่ยวที่บูมกันมากๆ ทำให้ผมย้อนไปนึกถึงการเดินทางไปเที่ยวเวียตนามในดินแดนลาวนั้นเส้นทางนั้นยังไม่มีบริการนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวไทยนั่งรถไปเที่ยวต้องวิ่งเข้าป่าทั้งชายหญิง ทุลักทุเล ไม่ทราบว่าเส้นทางนั้นก่อสร้างห้องน้ำบริการแบบเส้นทางไปน้ำตกหลี่ผีหรือยัง


สักพักใหญ่ๆเราก็มาถึงท่าเรือเข้าไปในเขตสีพันดอน เพื่อเที่ยวดูน้ำตกหลี่ผี ข้ามเรือไปแล้วก็เห็นบริการห้องน้ำอีก เขียนเชิญชวนทั้งภาษาอังกฤษและภาษาลาว ว่า “บริการห้องน้ำ คนละ 1000 กีบ เท่ากับ 5 บาทไทย”


ที่นี่เรียกบ้านดอนเดด เราต้องนั่งรถ 5 แถว เปิดโล่งโจ่งพาเราไปหลี่ผี บนถนนแบบชาวบ้านจริงๆฝุ่นเต็มไปหมด เห็นนักท่องเที่ยวไทยหลายคันใส่หน้ากากกันทุกคน ถนนก็แคบเวลาสวนกันคันหนึ่งต้องหยุดเพื่อให้อีกคันไปก่อน หลายคนคงบ่นว่าล้าหลัง ฝุ่นเต็มไปหมด ทำไมไม่ลาดยางเหมือนฝั่งไทย ผมกลับคิดว่า เออ นี่แหละเสน่ห์อย่างหนึ่ง ฝรั่งหลายคนใช้วิธีเช่าจักรยานไปดูน้ำตก และเช่าโฮมเสตย์แถบนี้นอนกันเป็นสัปดาห์เลย


ระหว่างเส้นทางไปน้ำตกหลี่ผีนั้นไกด์สาวลาวชี้ให้ดูซากหัวรถจักรไปน้ำที่ฝรั่งเศสมาสร้างและทิ้งไว้ ผมนึกย้อนหลังคราวไปเที่ยวหลวงพระบางที่ไปดูหลุมศพ อองรีย์ มูโอต์ ชาวฝรั่งเศษที่มาสำรวจแม่น้ำโขงย้อนขึ้นไปจนไปเสียชีวิตที่หลวงพระบาง ก่อนเสียชีวิตเขาเขียนรายงานแล้วในที่สุดฝรั่งเศษต้องยกเลิกการยกกำลังที่จะบุกจีนทางแม่น้ำโขงเปลี่ยนไปเป็นแม่น้ำหอมในเวียตนามแทน แต่ก็ถือโอกาสยึดเวียตนาม เขมร ลาว และเกิดเรื่องราวกับไทยอย่างที่เราเรียนกัน

เจ้าหัวรถจักรนี้คือความพยายามที่จะยกเรือขึ้นบกเพื่อหลบหลักคอนพะเพ็ง หลี่ผี และเกาะแก่งต่างๆทีมีมากมายในแม่น้ำโขง ซึ่งที่มุกดาหารก็มีเรือมอริส เป็นประวัติศาสตร์ทิ้งไว้เพราะเรือบางลำได้นำขึ้นบกแล้ววิ่งขึ้นไปได้ เช่นมอริส แล้วพ่อค้าไทยหัวใสก็ซื้อมาจากฝั่งลาวมาทำร้านอาหารในแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว จอดเฉยๆ ผมไม่ทราบเหตุผล อาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมาเกิดการยิงกันตายถึง 5 ศพในเรือลำนี้ก็ได้…


รถ 5 แถวพาเราไปจอดใกล้ๆหลี่ผีเราต้องเดินเข้าไปอีกสัก 30 เมตร ข้างทางก็มีร้านชาวบ้านมาขายกล้วยปิ้ง น้ำ ขนมพื้นบ้าน ส้มตำ


เราเดินถึงหลี่ผีก็เห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งฝรั่งต่างหามุมมองน้ำตกและถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอกัน มองเห็นหลี่ เครื่องมือจับปลาอันเป็นที่มาของชื่อหลี่ผี.. มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวระวังอันตรายที่อาจพลัดตกลงไปได้ ซึ่งมีบ่อยๆ


น่าตกใจที่มีแต่หิน น้ำมีนิดเดียว..??!!! เหลือเพียงร่องรอยระดับน้ำที่เคยมีอยู่ หากเดินทางเป็นพันกิโลจากไทยเพื่อมาดูหินก็เซ็งเป็ดเลย… ผมซูมกล้องไปที่น้ำใสๆก้นหลี่ผีก้พบเศษขยะมากพอสมควร ขวดเบียร์ กระป๋องเบียร์ และอื่นๆลอยวนอยู่ก้นหลี่ผีนั่น แหล่งท่องเที่ยวกับขยะเป็นของคู่กันนะ…อิอิ


พักพอหายเหนื่อยเราก็เดินทางกลับไปน้ำคกคอนพะเพ็งต่อ เส้นทางกลับก็ผ่านร้านขายสินค้าแบบในไทย ที่ท่าเรือดอดเดด ผมเห็นร้านขายเครื่องดื่มไทยหลายอย่างและมีน้ำตราหัวเสือของลาววางขายด้วย


ระหว่างทางนั่งเรือกลับ เราเห็นน้องหมายืนบนหัวเรือสวนทางกับเรา เขาคงกลับบ้านดอนเดดนะคงไม่ไปเที่ยวหลี่ผีแน่เลย อิอิ ที่ท่าเรือนั้น ผมสังเกตเห็นรถบรรทุกสินค้าเต็มลำ จึงเข้าไปถามว่าในเก่งนั่นคืออะไร เขาบอกว่าเป็นปลาจากแม่น้ำโขงจะเอาไปขายที่ปากเซ แล้วในถุงแดงๆสามใบนั้นคืออะไร เขาบอกว่าทั้งหมดนั่นคือยอดผักหวานป่า เท่านั้นเองผมก็ขอเขาเปิดดูแล้วสัมภาษณ์ใหญ่เลยมามาจากไหน เอาไปไหน ราคาเท่าไหร่ เก็บอย่างไร ชาวบ้านชอบกินไหม มีใครเอามาปลูกในสวนบ้างไหมหรือเอามาจากป่าอย่างเดียว…พบว่า มาจากดอน หรือป่าที่เป็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง และจำนวนมากมาจากเขมร ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาทไทย ใจผมนึกอยากหิ้วกลับบ้านจัง เพราะในไทยที่มุกดาหารขาย กก.ละ 250-400 บาท


จากนั้นไกด์พาไปเที่ยวคอนพะเพ็งต่อ สวยสมใจครับ ยิ่งใหญ่สมราคาคุยจริงๆ ใครไม่รู้ตั้งสมญาว่า “ไนแอการาแห่งเอเซีย” ผมก็ยกมือให้สุดๆ ดูซิครับสภาพแบบนี้ตลอดทั้งปี แม้ฤดูน้ำหลาก น้ำก็จะมากกว่านี้แต่สภาพไม่ต่างไปจากนี้เท่าไหร่ แล้วจะเอาเรือข้ามไปได้อย่างไร ก็มีทางเดียวคือ ยกขั้นรถรางจากใต้คอนพะเพ็งไปเหนือคอนพะเพ็ง แล้วทำอย่างนี้เรื่อยไปตลอดแม่โขง แบบนี้ฝรั่งเศสสมัยนั้นจึงถอดใจ..


อยู่กับปลวก..

317 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 10:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6795

เพราะเราทั้งคู่ทิ้งบ้านให้เป็นที่นอนเล่นของผู้ช่วยแม่บ้าน แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจที่เธอไม่ค่อยทำงานเข้าตาเท่าไหร่ แต่ก็อยู่กันมานาน บอกอะไรก็ทำ แต่นานไปเธอก็ไม่ทำ อิอิ คิดเสียว่ารกคนดีกว่ารกหญ้า

แล้วมันเป็นไงล่ะ..

ปลวกซิครับท่าน ผมบ่นมาหลายบันทึกแล้ว ผมก็ควานหาวิธีการต่างๆที่ไม่ใช้สารเคมี


ป้าจุ๋มแนะนำไว้ ว่ามีเพื่อนที่รับทำการกำจัดปลวก ผมก็เก็บเป็นข้อมูลไว้..

น้องเบิร์ดแนะนำน้ำส้มสายชู เพราะหากถูกตัวเขาจะแสบแล้วเขาหนีไป..น่าสน

ไปบ่นให้พี่ใหญ่ที่ทำงานด้วยกันฟัง ท่านก็บอกว่า บ้านพี่นะก่อนสร้างเทปูน เอาแผ่นพลาสติกผืนใหญ่มาปูก่อนแล้วจึงเทปูน เขาว่ามันกลัวพลาสติก นี่ก็สร้างบ้านมานับสิบ สิบปีแล้ว ไม่มีปลวกครับ…เออ ผมก็เก็บข้อมูลไว้..

ไปค้นข้อมูล เขาว่า หัวกลอย หากเอามาฝานแล้วแช่น้ำเอาน้ำมาพ่นมันจะตายและหนีไป เอาหละได้การที่ดงหลวงมีกลอยเยอะจึงสั่งชาวบ้านหากลอยให้หน่อย…

วันนั้นแวะไปเอากลอยกับผู้เฒ่าในหมู่บ้าน พ่อใหญ่ถามว่า อาจารย์เอากลอยไปกินหรือ..ทำเป็นไหมล่ะ ..ผมบอกพ่อใหญ่ว่าไม่ได้เอาไปกินหรอก จะเอาไปหมักพ่นฆ่าปลวก…

พ่อใหญ่บอกพร้อมชี้ไปที่บ้านข้างๆว่า นี่..นี่..อาจารย์บ้านลูกสาวนี่ใช้เกลือครับ เกลือแกงเรานี่แหละเทใส่โคนเสาไปเลย ไม่มีปลวกซักตัว มันคงเค็ม เออ..ผมได้หลายวิธีแล้ว

วันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนผมก็เอาทุกสูตรมารวมกัน ไปซื้อน้ำส้มสายชูมา 6 ขวด (ที่บ้านไม่ทานน้ำส้มสายชู ทานซีอิ้ว) ไปซื้อเกลือ เอาน้ำส้มควันไม้ หมักกลอย เอามาผสมกันกะว่า ฮื่อคราวนี้แหละปลวกก็ปลวกเถอะเห็นดีกัน…

วงกบข้างครัวเป็นที่ทดลองเพราะปลวกกัดกินจนโผล่หัวออกมาให้เห็น จัดการไปซื้อ ไซลิงค์แบบพลาสติก เอาเข็มแบบใหญ่มา จัดการซะบ้านเลอะไปเลย ทิ้งไว้สัปดาห์หน้าค่อยมาดู คนข้างกายก็ตระเวนไปทั่วประเทศ ผมก็เข้าดงหลวง ทิ้งบ้านไว้กับแจ๋ว ..ทั้งปี..อิอิ

ต่างคนต่างกลับมา ตรงรี่ไปดูผลงาน….ชะ ชะ ชะ ชะ เจ้าปลวกน้อย ยังก่อสร้างบ้านของเขาอยู่ เขี่ยเอาดินออกตัวเขาก็ร่วงลงมาเลย…สรุปว่าไม่ได้ผล หรืออาจเป็นเพราะผมทำไม่ถูกวิธี หรือเป็นเพราะเอามาผสมกันทุกอย่างแล้วฤทธิมันฆ่ากันเอง …

ผมขึ้นไปห้องนอน น้ำยาที่บริษัทมาฉีดไว้ ตรวจสอบดูก็ได้ผลเฉพาะส่วนที่พ่นน้ำยาไว้ ตรงอื่นๆผมยังได้ยินปลวกมันกัดพื้น ตัดสินใจยกเตียงออก เจาะพื้นกลางที่เตียงครอบอยู่

แม่เจ้า….อยากจะพูดให้เว่อไว้หน่อย ปลวกวิ่งพล่าน มากเป็นกำกำเลย ผมจัดการเอาน้ำยาที่บริษัททิ้งไว้ให้ราดลงไป ทีนี้ก็เกิดงานเข้าหละซี แกะตรงโน้นก็มี ตรงนี้ก็มี หมดกัน เลยตัดสินใจย้ายห้องนอนไปนอนข้างล่างห้องลูกสาวที่เจ้าตัวไม่อยู่เพราะมาทำงานกรุงเทพฯ ต้องรื้อพื้นปาเก้ และคงต้องทิ้งทั้งหมด ทำใหม่ ทีนี้คงปูกระเบื้องแล้วหละ…..

เราแพ้มันซะแล้ว สู้ไม่ไหว พิจารณามันเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่เห็นคือส่วนภูเขาข้างบนน้ำ ส่วนที่อยู่ใต้น้ำซิ มากมายนัก….

ดูรูปข้างบนซิ ยังกะนวัตกรรมพิสดาร ที่ใครมาสร้างไว้ จริงๆคือผลงานของปลวกตัวเล็กๆนี่แหละ



Main: 0.037708044052124 sec
Sidebar: 0.054934978485107 sec