หากทบทวนว่าในชีวิตได้ตัดสินใจทำอะไรที่ผิดหวังตัวเองบ้าง ก็มีหลายประการครับ ขอเก็บไว้เป็นบทเรียนชีวิตก็แล้วกัน หากถามต่อว่ามีอะไรที่ประทับใจตัวเองบ้าง แบบยังติดในความรู้สึกดีดี จนปัจจุบันก็มีหลายประการเช่นกัน พอเอามาเล่าสู่กันฟังได้บ้างคือ
เมื่อเรียนจบก็ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่ชนบทด้วยสำนึกพุ่งกระฉูดตามยุคสมัยคนเดือนตุลา เป็นโครงการพัฒนาชนบทที่สะเมิง เชียงใหม่ ในป่าเขาหลังดอยสุเทพ เป็นโครงการของมูลนิธิหนึ่งของประเทศเยอรมัน เงินเดือนครั้งนั้นจำได้ว่าสามพันห้าร้อยบาท ซึ่งสูงกว่าการเป็นข้าราชการใหม่ที่ได้ประมาณ สองพันกว่าบาท แม้ว่าเราจะกินนอนอยู่ในชนบท แต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ออกมาที่ตัวเมืองเชียงใหม่ เช่าบ้านทิ้งไว้ที่หมู่บ้านสันติธรรม มาทราบปัจจุบันว่าท่านจอมป่วนมีบ้านหรูอยู่ตรงนั้นด้วย เราอยู่กัน 4 คน แบ่งค่าเช่ากัน ใช้มอเตอร์ไซด์วิบากที่โครงการจัดหาให้เป็นพาหนะ มีหมวกกันน๊อค ใส่ถุงมือใส่รองเท้าหุ้มแข้งตามหลักปลอดภัยที่ฝรั่งเจ้าของโครงการบังคับให้เราปฏิบัติ ก่อนที่กฎหมายเมืองไทยจะบังคับนับสิบปี
แม้จะมีสำนึกในการทำงานเพื่อสังคมชนบทแต่ก็อ่อนประสบการณ์ และก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ก็ดื่ม สูบบุหรี่ เที่ยวดูหนังกับกลุ่มเพื่อน แต่ก็แบ่งเวลาไปเชื่อมกับน้องๆนักศึกษาที่ยังเรียนในมหาวิทยาลัยแหล่งที่เราเรียนและทำกิจกรรมมา
พ่อขึ้นไปเยี่ยมหาและเข้าไปดูว่าลูกคนนี้เรียนจบแล้วทำงานอะไรทำไมไม่สอบบรรจุเป็นข้าราชการตามที่พ่อแม่หวัง เหมือนเพื่อนๆที่เรียนจบไปแล้วส่วนใหญ่ พ่อเข้าไปถึงพื้นที่ท่องไปตามหมู่บ้านที่ผมทำงาน นั่งหลังห้องเมื่อผมทำหน้าที่ประชุมชาวบ้านในเรื่องกลุ่มเครดิตยูเนี่ยน และวันสุดท้ายที่พ่อจะเดินทางกลับ ผมควักเงินที่สะสมไว้บ้างมอบให้พ่อเหมือนที่ใครๆทำกันว่า เมื่อจบแล้วมีเงินเดือนก็ส่งให้พ่อแม่บ้างนะ พ่อรับเงินจากมือผมพร้อมกับมองหน้าผมแล้วกล่าวว่า “ขอบใจลูก” สายตาที่พ่อมองผม ผมสัมผัสได้ว่าพ่อต้องการสื่ออะไร พ่ออยากจะบอกอะไรกับลูกคนนี้บ้าง พ่อไม่เอ่ยอีกเลยว่า พ่ออยากให้ลูกเป็นข้าราชการ สายตาพ่อวันนั้นมันติดตาผมมาตลอดสื่อถึงความเข้าใจและเข้าใจว่าลูกพ่อคนนี้กำลังทำอะไร
หลายปีต่อมาพ่อไม่สบายมากนอนที่โรงพยาบาล ผมไปเยี่ยมและนั่งข้างเตียงพ่อ นวดให้พ่อ คืนนั้นพ่อลูกคุยกัน แล้วผมก็ถือโอกาสบันทึกเทปสิ่งที่เราคุยกัน แล้วขอให้พ่อเล่าชีวิตพ่อให้ฟังทั้งหมด พ่อมีความสุขมากที่ได้เล่าชีวิตพ่อให้ผมฟังหลายเรื่องผมรู้มาก่อนแล้วแต่ก็มีหลายเรื่องที่ผมไม่รู้มาก่อน บางช่วงบางตอนพ่อหัวเราะงอหายทั้งๆที่ป่วยหนัก บางช่วงน้ำตาพ่อก็ล่วงหล่นมา ยันสว่างคาตา ที่พ่อลูกคุยกัน แม่ตื่นขึ้นมาก็เตือนพ่อว่า ลูกต้องขับรถกลับไปขอนแก่นทำงาน เดี๋ยวขับรถไม่ไหว นั่นเองเราจึงหยุดคุยกัน
หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็เสียชีวิต..
อีกเรื่องที่ผมประทับใจในสิ่งที่ได้ทำ คือ ได้ช่วยเพื่อนที่เดือดร้อน…เขาคือเพื่อนร่วมงานเธอคือสาวชาวบ้านที่เพื่อนชอบพอและได้เป็นสามีภรรยากัน เมื่อโครงการพัฒนาชนบทปิดโครงการ พวกเราก็แตกกระสานซ่านเซ็น ตามเงื่อนไขปกติที่เรารู้ชะตาชีวิตอยู่แล้ว ผมเผ่นจากเหนือมาอีสาน เพื่อนไปทำงานที่แม่ฮ่องสอน เมื่อโครงการที่นั่นจบก็ไม่มีงานโครงการที่จะสมัครเข้าไปทำงานอีก จึงหันหน้าเข้ากรุงเทพฯ ไปขายน้ำเต้าหู้ แต่ก็โดนตำรวจเทศกิจไล่จับ สองคนผัวเมียกับลูกน้อยก็หิ้วหม้อน้ำเต้าหู้ร้อนๆวิ่งหนีตำรวจ….ไม่ไหวกลับบ้านเกิดภรรยาที่เชียงใหม่ดีกว่า แต่ไม่มีเงินเลยเขาขอเงินผม ก็ส่งไปให้แล้วบอกว่า ไม่ต้องคืนเงินจำนวนนี้ แต่ขอให้นายได้ช่วยคนอื่นต่อไปเหมือนเราช่วยนาย…
หลายปีต่อมาสองคนผัวเมียมีเงินมีกิจการหลายล้านบาท และได้เอาเด็กมาเลี้ยง ให้ทุนการศึกษา ช่วยเหลือสังคมต่างๆมากมาย ด้วยเพราะทำตามที่เราบอกกล่าวเขาไว้เมื่อเขาตกยาก…. ผมประทับใจ “ลูกโซ่แห่งการทำดี” แบบนี้จังเลยนึกเมื่อไหร่ก็ประทับใจเพื่อนที่เขามีสำนึกแห่งการเอื้ออาทร
อีกซักเรื่อง ผมทำงานเป็นที่ปรึกษาโครงการพัฒนาชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรม ซึ่งทำหน้าที่อบรมให้แก่ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำและเจ้าหน้าที่โครงการ เจ้าหน้าที่ข้าราชการกรมชลประทาน และการใช้ชีวิตที่สนุกสุดขีดทั้งที่มีครอบครัวแล้วและมีลูกน้อยแล้ว ดื่ม สูบบุหรี่ เที่ยวกับเพื่อน และน้องๆร่วมงาน
เย็นวันนั้นผมได้รับโทรศัพท์ว่าทำงานเสร็จแล้วจะไปคอยหน้าสำนักงานนะ คนข้างกายโทรมาบอกให้ไปรับ ผมรับปาก แต่แล้วน้องๆก็ชวนไปนั่งดื่มเบียร์หลังเลิกงาน โดยน้องไม่ทราบว่าผมมีนัด และผมก็คิดว่า เออ ไปร่วมคุยกับน้องๆซักหน่อยเดี๋ยวก็ค่อยไปรับเธอ…..เพลินครับเมื่อดื่มไปแล้วก็เพลิน คุยกันสนุก พักใหญ่ๆนึกขึ้นได้..ตายแล้ว…ตายแล้ว…ทิ้งเธอไว้ที่นั่นยังไม่ได้ไปรับ เท่านั้นเองรถคันเก่าๆก็บึ่งเต็มที่ไปรับเธอ เมื่อถึง ผมเห็นตาเธอแดงๆ โดยไม่พูดอะไร เท่านั้นเอง ผมรู้ตัวดีว่าผิดพลาดอะไร…
วันรุ่งขึ้นขณะที่นั่งทำงานที่ห้อง มีรถโฆษณาผ่านหน้าที่ทำงาน โฆษณาถึงท่านอาจารย์ชิงไห่ Supreme Master จะมาปาฐกถาธรรมที่โรงแรมโฆษะ ผมจึงตัดสินใจพาลูกสาวไปฟังในคืนนั้น คนเต็มห้องล้นออกมาข้างนอก สามชั่วโมงที่ท่านปาฐกถาธรรม แล้วก็เชิญชวนให้มาปฏิบัติธรรมโดยทานเจและนั่งสมาธิกัน ลูกสาวนั่งหลับจึงพามาส่งบ้านแล้วผมกลับไปร่วมกิจกรรมต่อโดยตัดสินใจเด็ดขาดเข้าร่วมเป็น Follower นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมเป็นคนทานเจ ปฏิบัติธรรมแบบพลิกฝ่ามือจนภรรยาและเพื่อนร่วมงานแปลกใจ สมาชิกวงเหล้าวงเบียร์ขาดผมไปแล้ว กลุ่มผู้สูบบุหรี่ไม่มีผมอีกต่อไป การเที่ยวเตร่ไม่เห็นหน้าผม แน่นอนเพื่อนผมหายไปมาก แต่เราก็มีความสุข นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เมื่อวันก่อนคนข้างกายบอกว่ารู้สึกเจ็บๆที่ไหล่ซ้าย กดดูก็ไม่มีก้อนอะไร และพิจารณาดูรู้สึกว่าเจ็บมากขึ้น มากขึ้น
เอ๊ะ..ไม่ได้เรื่องแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเอาใจใส่สุขภาพอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าจะทำบ้างไม่ทำบ้าง บัดนี้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้งในเรื่องสุขภาพ ที่ต้องเคร่งการกินอยู่ของเราทั้งสองคน เพื่อรักษาสุขภาพ
เราตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตมาก็หลายครั้ง มาครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ต้องทำต้องดำเนินการเรื่องสุขภาพร่างกายของเราทั้งสองคน… เราจะนั่งคุยกันว่าจะจัดตารางสุขภาพอย่างไรบ้าง หากไม่ทำวันนี้ ก็ไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไปแล้ว…..
นี่คือเจตนาที่ผมตั้งใจจะทำครับ..
ขอ TAG ต่อไปที่ อาว์เปลี่ยน หวังว่ายังไม่โดน Tag นะ อีกท่านก็ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้า BM.chaiwut โดยมีข้อตกลงตาม กติกา นี้ครับ