จันทร์ดวงเดียวกัน..

317 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 ตุลาคม 2009 เวลา 20:31 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4273

เย็นนี้ ไปหาป้าหวาน เพื่อดูผลการตรวจเลือด ที่ผัดผ่อนมาหลายครั้งแล้ว ผลดีหมด ไม่มีอะไรเกินมาตรฐาน ดีใจเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ประมาท เพราะอายุมากขึ้นทุกอย่างเป็นไปได้หมด

ป้าหวานแนะนำให้มาตรวจเบาหวานอีกครั้งในวันที่พาพ่อครูบาฯมาเจาะเลือด โดยอดอาหารมาด้วย


พูดถึงเรื่องสุขภาพนั้น เมื่อผมไม่ทานเนื้อไม่ดื่มเหล้า และไม่เที่ยวเตร่เหมือนสมัยหนุ่มกลัดมัน ก็เท่ากับป้องกันความผิดปกติไปได้ไม่น้อยทีเดียว สมัยเที่ยวนั้น ผมมักไปเที่ยวตามเพื่อนมากกว่าจะชวนออกนอกบ้าน เพื่อนเป็นนักดื่ม สมัยนั้นผมสูบบุหรี่ด้วย ยิ่งวันไหนดื่มก็ยิ่งสูบ

ตอนทำงานโครงการไทย-ออสเตรเลีย ฝรั่งชาวออสซี่สามารถสั่งเบียร์มาเป็น lot ใหญ่ๆแบบยกเว้นภาษีตามสิทธิของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ผมก็ขอแบ่งเบียร์กระป่องมาหลายโหล แช่ตู้เย็นทุกวัน กลับจากทำงานก็เปิดดื่มทุกวัน ลูกสาวยังเล็ก เขายังมาแย่งเปิดเองทุกครั้ง

เมื่อลูกสาวเข้าโรงเรียนก็เป็นคนห้ามไม่ให้ผมดื่ม เพราะครูที่โรงเรียนสั่งไว้อย่างนั้น ผมจึงต้องแอบดื่มตอนเขาหลับแล้ว อิอิ

แต่มาเลิกหมดทุกอย่างก็ตอนตัดสินใจทานเจนั่นแหละ เมื่อ 10 ปีเศษที่ผ่านมา

เพื่อนๆที่ยังไม่เลิกดื่มต่างก็มีปัญหาสุขภาพกัน มากบ้างน้อยบ้าง… ตอนดื่มมันสนุก แต่ตอนป่วยนี่ซิ โส..น้า..น่า อิอิ

งานเขียนยังไม่ลุล่วงดี แต่ก็อยากเอาจันทร์มาฝาก รูปบนนั้นถ่ายตอนเย็น รูปนี้ถ่ายเมื่อกี้นี้เองข้างหลังบ้าน ยังเห็นเงากิ่งก้ามปู…สวยมาก นึกเลยไปถึงหากจัดเฮที่ภูคา น่าน คงสวยมากๆ และอากาศหนาวๆ มานั่งสุมไฟคุยกัน คงสนุกมาก

ขอบคุณป้าหวานที่ช่วยตรวจเลือดเพื่อเช็คสุขภาพให้เป็นอย่างดี

และดีใจที่สุขภาพยังอยู่ในระดับมาตรฐาน …

เอาดวงจันทร์ขอนแก่นมาให้ดูว่าสวยเท่าสวนป่าของ 5 ท่านหรือไม่ หรือเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก กรุงเทพฯ ปักษ์ใต้ ทั่วประเทศ ที่ไหนสวยกว่ากัน…

แต่..มันก็จันทร์ดวงเดียวกันนะ……



เขียนให้ นพ.บุญเลิศ ผอ.รพ.หลังสวน

2610 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 23:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 32219

เมื่อวานผมได้รับโทรศัพท์ติดๆขาดๆ บอกว่า เฮ้ย บู๊ด กูเลิศ..โว้ย


ตอนนี้กูอยู่โขงเจียม จะไปหามึงพรุ่งนี้ที่มุกดาหาร…

บุญเลิศ อนันตรัตนา นายแพทย์ ผอ.โรงพยาบาลอำเภอหลังสวน ชุมพร เดินทางมากับภรรยาที่รักเที่ยวเลาะชายโขงขึ้นมาเรื่อยๆ ภรรยาก็เพื่อนเรา เรียนมาด้วยกันที่ มช. ไอ้เลิศ(ขออภัย เราสนิทกัน) ก็สนิทกันเราพักห้องเดียวกันมาสมัยเรียนที่ มช. อดอยากข้าวปลามาด้วยกัน

ไอ้เลิศ..เป็นนักเรียนแพทย์ที่ยากจนที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นคนตาคลี ตอนเรียนแพทย์ ทางบ้านมีหนี้สินท่วมหัว มันว่างั้น เมื่อออกไปเป็นแพทย์ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานราชการเต็มที่ เขาให้อยู่โรงพยาบาลจังหวัด ไม่เอา ขอไปอยู่ที่อำเภอหลังสวน เพราะ ภรรยาเป็นคนที่นั่น

ขณะนั้นภรรยาเป็นอาจารย์ที่คณะศึกษาศาสตร์ มช.ต้องทำเรื่องขอย้ายสังกัดไปเป็นครูประจำโรงเรียนอำเภอที่บ้าน เพื่อมาอยู่กับสามี ซึ่งก็เป็นเพื่อนกัน

การใช้ชีวิตบ้านนอก และประหยัดสุดๆ ทำให้ไอ้เลิศเก็บหอมรอมริบเงินทองได้ พอดีญาติมาแนะนำให้ซื้อที่ดินปลูกยางพาราด้วยไร่ละ 1000 บาทเมื่อสมัย สามสิบปีที่แล้ว ได้มาเกือบสองร้อยไร่

มีสองครอบครัวเป็นคนงานในสวน แต่เนื่องจากไอ้เลิศและภรรยาเป็นข้าราชการ ก็ไม่มีเวลาให้กับสวนยางเท่าที่ควร ถูกคนงานละเมิดสิทธิในการเก็บรายได้จากสวนยางมาตลอด ทั้งที่รู้บ้างและไม่รู้ แต่ไอ้เลิศก็บอกว่า ปล่อยๆมันเถอะ แต่ในที่สุด ความดี ความใจดี การไม่ใช้ไม้แข็งในการจัดการ ทำให้ ความดีของครอบครัวนี้ชนะ ผู้ประสงค์ร้าย คนที่อิงแอบผลประโยชน์จากสวนยางโดยอาศัยการที่เจ้าของสวนยางไม่มีเวลาให้ ต่างพ่ายแพ้ความดีหมด

มาวันนี้ สองคนมีลูกสาวเพียงคนเดียวโตแล้วมีงานทำแล้ว และดูท่าทางจะไม่ยอมกลับไปรับงานทำสวนยาง เพลิดเพลินกับงานที่เขาชอบที่กรุงเทพฯ

เรื่องหนึ่งในหลายเรื่องที่เขาประทับใจที่ตัวเองได้ทำลงไป คือ ช่วงที่เปิดคลินิกเล็กๆที่บ้านหลังสวน มีชาวบ้านเป็นคนไข้ป่ามารักษา เมื่อรักษาแล้วก็บอกว่าเขาไม่มีเงินเลย ไอ้เลิศรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น มันบอกว่า กูยากจนมาก่อนกูรู้ว่าสภาพนั้นคืออย่างไร… จึงไม่เอาเงินแถมเอายารักษามอบให้ไปอีก ทั้งคู่ลืมไปหมดแล้ว ผ่านไปสามปี มีคนหนึ่งเดินมาหาที่บ้าน เพราะไม่ทำคลินิกแล้ว บอกว่าเมื่อสามปีก่อนเขาคือคนไข้คนนั้น วันนี้เขาต้องการเอาเงินค่ารักษามาให้….

ภรรยาลาออกจากราชการหลายปีมาแล้ว ไอ้เลิศก็ลามือราชการลง มอบหมายให้น้องๆเข้ามารับผิดชอบงานมากขึ้น…ท่องเที่ยว

ทั้งคู่วางแผนการเที่ยวโดยไม่ใช้รถตัวเอง เช่ารถจาก AVIS เขาให้ทัศนะว่า ไม่ต้องขับรถยาวจากชุมพรไปไหนๆ รถเช่าสภาพดี มีประกันทุกอย่าง ขับรถโดยไม่ต้องเสียดาย หากรถมีปัญหา เขาพร้อมเอารถคันใหม่มาเปลี่ยนให้ตลอดเส้นทาง และค่าเช่าก็ถูก โดยใช้การซื้อสิทธิ์ช่วงที่เขามี promotion การเช่ารถในช่วงรัฐบาลรณรงค์เที่ยวไทย ซึ่งเขาจัดทุกปี เราก็เลือกใช้สิทธิภายใน 1 ปี

วางแผนดีดี แล้วก็บินมาลงอุบล เอารถ Camry คันโตตะลอนเที่ยว เยี่ยมเพื่อนรายทาง จะเลาะโขงไปเรื่อยๆ จะไปจบลงที่เชียงใหม่ แล้วส่งรถที่นั่น แล้วบินเข้า กทม ต่อไปยังชุมพร

สองคนบอกว่า ขอใช้ช่วงนี้เที่ยว เถอะ ทำงานมามากแล้ว…

เดือนธันวาสองคนวางแผนจะขึ้นไปเที่ยว ดอยภูคา น่าน ผมก็ว่า เออ อาจจะได้เจอะกันที่นั่น

เพราะ เฮฮาศาสตร์มีแผนจะไปที่น่าน เอ…รึเปล่า????


จดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณ โดย : ศ.นพ.ประเวศ วะสี

429 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 14:53 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 10655

สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่านน่ะครับ ผมขออนุญาติเอามาเผยแพร่ในนี้ ตามเจตนาทางสร้างสรรค์สังคมไทยที่ดีกว่าของท่าน อ. ศ.นพ.ประเวศ วะสี
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/analysis/20091021/82610/จดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณ-คุณมีศักยภาพทำเรื่องใหญ่กว่านี้.html
การเมือง : บทวิเคราะห์
วันที่ 21 ตุลาคม 2552 08:29

คุณทักษิณที่รัก ใครๆ ก็ลงความเห็นว่า คุณทักษิณเป็นคนที่มีศักยภาพยิ่งกว่าใครๆ ในแผ่นดิน ที่จะบันดาลให้เกิดความปั่นป่วนก็ได้หรือความสงบก็ได้

นายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ที่ถูกรัฐประหารแล้วจะไปลับ แต่คุณเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่รัฐประหารก็กินไม่ลง คุณยังบันดาลให้เกิดอะไรๆ ในประเทศไทยได้ เช่น ทำให้ สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ สั่งให้พรรคเพื่อไทยซ้ายหัน ขวาหันก็ได้ ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงคึกคักหรือซบเซาก็ได้ ไม่มีใครมีศักยภาพที่จะทำได้เท่าคุณทักษิณ

เมื่อพบกันครั้งสุดท้ายในงานศพภรรยาอาจารย์หมอเสม พริ้งพวงแก้ว ขณะนั้นคุณเป็นนายกรัฐมนตรี คุณกล่าวถึงผมว่า มาตรฐานของผมสูงเกิน คุณยังทำไม่ได้ ผมว่ามาตรฐานของผมไม่สูงหรอก แต่คุณนั่นแหละมีศักยภาพสูงมากที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ ใหญ่กว่าเรื่องที่คุณกำลังทำอยู่ขณะนี้

ผมคิดว่าขณะนี้ประเทศติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดมิคสัญญีกลียุค เพราะกรรมร่วมหลายอย่างบรรจบกัน ซึ่งรวมเรียกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา แนวคิดทางการเมืองอยู่ในเรื่องการโค่นล้มและการแก้แค้นกันไปมา เมื่อคณะราษฎรโค่นล้มเจ้า พวกเจ้าก็โค่นล้มคณะราษฎร หลัง 14 ตุลาเมื่อเห็นว่าขบวนการนักศึกษาชักจะมีอำนาจมากก็เกิดการฆ่านักศึกษากลางเมืองเมื่อ 6 ตุลาคม แนวทางกระทำและปฏิกิริยาต่อการกระทำดำเนินเรื่อยมา และก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ

จริงอยู่ คุณทักษิณ สามารถ shake loose หรือเขย่าให้ทุกองค์กรและสถาบันในประเทศไทยหลวมหมด ซึ่งอาจมองว่ามีข้อดีที่จะประกอบเครื่องไปสู่ “การพัฒนาระดับใหม่” (New Order) แต่ก็สุ่มเสี่ยงเกินไปที่จะหลุดเข้าไปสู่มิคสัญญีกลียุค เพราะในยามที่สังคมมีอารมณ์รุนแรง ย่อมเกิดการรับรู้ผิดๆ และคิดผิดๆ ไม่มีปัญญาพอที่จะใช้วิกฤติเป็นโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่จุดลงตัวใหม่ได้

ผมไม่คิดว่าการต่อสู้ตอบโต้กันไปมาอย่างที่เป็นไปขณะนี้จะสามารถพาสังคมไทยออกจากหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์ได้ วิกฤตการณ์ของเราใหญ่และลึกเกินกว่าที่การต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันจะมีพลังพอที่จะขยับสังคมไทยออกจากมหาวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้

เราต้องการอะไรที่ใหญ่กว่านั้น

แล้วไอ้ที่ว่าใหญ่กว่านั้นมันคืออะไร?

เรื่องใหญ่ที่สุดคือ จิตสำนึกใหม่ (New Consciousness)

คนไทยเรามีจิตสำนึกเล็กๆ แคบๆ มองไม่เห็นทั้งหมด ทำเฉพาะส่วนอย่างแยกส่วน ทำเพื่อตนและพวกตน นำไปสู่การเสียดุลยภาพอย่างรุนแรงทั้งหมดทั้งสิ้น คือ เสียดุลระหว่างกายกับใจ เสียดุลทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเมือง การเสียดุลยภาพคือความเจ็บป่วย และนำไปสู่การล่มสลาย

วิถีดุลยภาพ คือทางไป

แต่วิถีดุลยภาพเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเรายังมีจิตสำนึกเล็กๆ แคบๆ เราต้องการจิตสำนึกใหม่ที่เป็นจิตสำนึกที่เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของทั้งหมด (The Same Oneness) ของคนทั้งหมดและธรรมชาติทั้งหมด

จิตสำนึกใหม่ที่เข้าถึงความเป็นทั้งหมดจะทำให้เป็นอิสระ มีความสุขอันลึกซึ้ง เกิดความรักอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติทั้งหมด ทำให้ดำเนินไปบนวิถีดุลยภาพได้

จิตสำนึกใหม่ที่ว่านี้เกิดขึ้นได้จริงๆ คุณลองไปอ่านเรื่องของมนุษย์อวกาศที่ชื่อ Edgar Mitchell เมื่อเขายืนบนดวงจันทร์ มองมาเห็นความเป็นหนึ่งเดียวของโลกทั้งใบ จิตเขาเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เขากล่าวว่า “I came back to Earth, a totally changed man” เขารู้ว่าจิตสำนึกใหม่เกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันมหัศจรรย์เพียงใด จึงตั้งสถาบันที่เรียกว่า Institute of Noetic Sciences ที่แคลิฟอร์เนีย เพื่อค้นคว้าวิจัยและเผยแพร่เรื่องจิตสำนึกใหม่ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องไปนอกโลก แต่มีวิธีอันหลากหลายที่ทำให้เกิดขึ้น

ขณะนี้หนังสือกลุ่มที่ขายดีที่สุดในโลกคือ กลุ่มที่เกี่ยวกับจิตสำนึกใหม่ เพราะในตะวันตกเกิดตระหนักกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่าวิกฤติโลกคราวนี้เป็นวิกฤติอารยธรรม หรือแบบแผนการดำรงชีวิต ไม่มีทางที่มนุษย์จะดำเนินไปในอารยธรรมเดิม โดยไม่ทำลายดุลยภาพของการอยู่ร่วมกัน ลาสโล โกรฟ และ รัสเซลล์ ในหนังสือของเขาชื่อ Consciousness Revolution เห็นว่าทางเดียวเท่านั้นที่มนุษยชาติจะอยู่รอดได้ คือ “การปฏิวัติจิตสำนึก”

หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ ปีเตอร์ รัสเซลล์ เขียนคนเดียว ชื่อ Waking up in time ก็ทำนองเดียวกันที่ไม่เห็นว่าโลกจะรอดได้เพราะเทคโนโลยีใหม่หรือเศรษฐกิจใหม่ใดๆ นอกจากจิตสำนึกใหม่

วิถีทางใหม่ที่มนุษยชาติ คือ วิถีดุลยภาพ ซึ่งจะเป็นไปได้ด้วยจิตสำนึกใหม่เท่านั้น

วิกฤตการณ์ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับวิกฤตการณ์โลกที่เกิดจากการดำเนินไปบนวิถีที่ขาดดุลยภาพ ไม่มีทางออกด้วยการแก้เล็กแก้น้อย หรือด้วยการทะเลาะวิวาทแบบเด็กตีกัน แต่เราต้องการวิถีทางใหม่ซึ่งเป็นวิถีดุลยภาพ ซึ่งจะเป็นไปได้ต่อเมื่อคนไทยมีจิตสำนึกใหม่

ถ้าคนไทยมีจิตสำนึกใหม่ เข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยทั้งหมด จะเกิดความเป็นอิสระ เกิดความสุขอย่างล้ำลึก เกิดความรักอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติทั้งหมด นำไปสู่วิถีชีวิตใหม่ที่ก้าวข้ามความขัดแย้งและความติดขัด

คุณทักษิณ คุณเป็นคนมีศักยภาพสูงที่จะทำเรื่องใหญ่ ปล่อยความแค้นหรือการคิดแก้แค้นใดๆ เพราะมันอยู่ในอกุศลภูมิแห่งโลภะ โทสะ โมหะ เท่านั้นเอง คุณต้องไปทำเรื่องใหญ่กว่านั้น คือเรื่องการสร้างจิตสำนึกใหม่ของคนไทยทั้งหมด และมนุษย์ในโลกด้วย ด้วยศักยภาพของคุณผมคิดว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงจากการทำเพราะแรงแค้น อันเป็นเรื่องในระดับต่ำๆ ไปสู่การทำงานใหญ่เรื่องสร้างจิตสำนึกใหม่ คุณจะพบความสงบและความสุขที่ไม่เคยได้พบมาก่อน ใครๆ ก็จะหันมารักคุณ และในที่สุดอย่าว่าแต่เรื่องเงิน 70,000 กว่าล้านของคุณเท่านั้นเลย ใครๆ ก็อยากจะเห็นคุณมีมากๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพของคุณในการทำเพื่อเพื่อนมนุษย์

คุณมีหลานสาวคนหนึ่งที่มีความรู้ความชำนาญเรื่องจิตสำนึกใหม่ ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ เขาคงยินดีเดินทางไปพบคุณที่ดูไบหรือที่อื่นใด ผมขออธิษฐานให้คุณเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Transformation) ของมนุษยชาติ

ด้วยความระลึกถึง


ไปกราบหลวงพ่อกล้วย..

2506 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 20:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 16495

ญาติมาเยี่ยมหลังจากไปทอดกฐินที่อุดรฯแล้วก็ชวนไปทำบุญที่วัดป่าธรรมอุทยาน หลวงพ่อกล้วยของอ.ไร้กรอบ ที่บ้านสำราญ


ใกล้แค่นี้เองแต่เพิ่งจะมีบุญได้ไปกราบท่าน พวกเราไปสายนิดหน่อยเพราะคณะใหญ่รถตู้สองคัน กว่าจะรวมตัวกันได้ กว่าจะไปหาอาหารไปถวายพระ เดินทาง เข้าเขตวัดก็ได้ยินพระท่านสวดมนต์แล้ว พระทุกองค์เริ่มฉัน แต่หลวงพ่อกล้วยซึ่งผมเห็นท่านเป็นครั้งแรก ท่านเทศนาเพื่อให้เวลาญาติโยมรวมกันและหาที่นั่งและนั่งนิ่งๆสักพัก ท่านก็หยุดและพระทุกองค์ก็เริ่มฉัน แต่ท่านก็ยังไม่ฉันนั่งคอยญาติโยมที่มาใหม่เตรียมอาหารมาถวายเพิ่มเติม โดยใส่ม้าที่มีล้อ เมื่อพระอาจารย์ตักอาหารแล้วก็เลื่อนให้พระองค์อื่นๆเอาไปพิจารณาตักอาหารเพิ่มเติมต่อไป


อาจจะเป็นเพราะผมนั่งแตกกลุ่มออกมาท่านพระอาจารย์ก็มองมาทางผมบ่อยครั้ง เลยใช้โอกาสที่พระท่านกำลังฉันและญาติโยมเริ่มทยอยออกไปศาลาโรงธรรมที่เป็นธรรมเนียมว่าญาติโยมก็ไปหาอาหารที่นั่นทานกัน ผมเข้าไปกราบพระอาจารย์แล้วแนะนำตัว ต้องขออนุญาตกลุ่มลานปัญญา อาจารย์ไร้กรอบ ที่ผมได้อ้างถึงกลุ่มและท่านอาจารย์ พระอาจารย์พยักหน้า แล้วก็ถามว่าเพิ่งจะมาหรือ อยู่ที่ไหนล่ะ ..ฯ เอ้า มีบุญวาสนากันก็มาพบกัน มีโอกาสก็มานะ ใกล้กันแค่นี้มาเมื่อไหร่ก็มา เดี๋ยวไปทานอาหารร่วมกับญาติโยมแล้วก่อนไปก็ไปพบกันที่กุฏินะ


ผมเดาว่าเป็นประเพณีปฏิบัติที่เมื่อพระฉันอาหาร ญาติโยมก็ปลีกตัวไปหาอาหารตามที่พระอาจารย์เชื้อเชิญ ผมนั้นเตรียมอาหารจากตลบาดเพื่อจะไปทานอาหารเช้ากับญาติที่บ้านจึงไม่ไปทานอาหารตามญาติโยม ถือโอกาสเดินชมพื้นที่ ก่อนไปวัดผมดูทาง Google มาบ้างแล้ว เมื่อมาเห็นกับตาก็ต้องบอกว่าร่มรื่นน่าพักอาศัยยิ่งนัก น่ามาตั้งสติ สมกับที่มีมงคลสูตรกล่าวถึงที่ว่า ปฏิรูปะเทศะวาโสจะ เอตัมมังคะละมุตตัมมัง อยู่ในประเทศ(สถานที่)อันสมควรเป็นมงคลยิ่งนัก


มีภาพสวยๆมากมายระหว่างทางที่ผมเดินชมพื้นที่ ไก่วัดกลุ่มนี้ยังมีความสุขกับการ “นอนคอน” ไม่สนใจว่าจะมีใครเดินผ่านไปมา ความสุขของเขาก็คือการอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ไม่มีใครคิดจะทำอะไร ยามจะกินก็มีของกินมากมายทั้งตามธรรมชาติ และที่พระ และญาติโยมเอาอาหารมาให้ เอ..รึว่ามานอนตรงนี้เพื่อมานั่งฟังพระอาจารย์เทศนา


ผมเดินไปพบคุณลุงกำลังเก็บกวาดวัด จึงถามคุณลุงว่าบ้านอยู่ที่ไหน ลุงบอกอยู่ที่บ้านสำราญติดกันที่นี่แหละ แล้วก็ชมคุณลุงที่เก็บกวาดวัดได้สะอาดสวยงามน่าเดินสมาธิ น่าพำนัก น่ามาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติจิต.. เดินคุยไปมาเลยถือโอกาสนั่งลงคุยกัน


ผมถามคุณลุงว่าที่เห็นนั่นมันคืออะไรทำไมเหมือนสถานที่เผาศพแบบพื้นบ้าน แต่ทำไมสร้างเสียสวยเชียว คุณลุงตอบว่า เดิมสถานที่ตรงนี้คือสถานที่เผาศพชาวบ้านตอนนี้ย้ายไปตรงโน้น ตรงนี้เลยสร้างไว้เตือนสติ

ผมถามต่อว่า: ไผ่สวยๆนี่ชาวบ้านเอาไปทำประโยชน์อะไรหรือไม่

คุณลุง: คุณเอ้ย…บริเวณนี้ทั้งหมดเดิมเป็นป่าช้าเก่าแก่ ใครตายก็เอามาฝังที่นี่แล้วปลูกต้นไผบ้างต้นไม้ไว้บ้าง รกทึบมากไม่มีใครอยากเข้ามา แม้วัวควายมันยังไม่เข้ามาเลย ออกจากบ้านก็แค่เลาะชายป่าไปรอบๆเท่านั้น พระอาจารย์ท่านมาจำวัดในป่าช้านี่นะ….ตั้งแต่แรกๆไม่มีวัดแล้ว


ที่ศาลาหลังใหญ่แห่งนี้คุณลุงจะแนะนำใครๆให้ไปกราบพระประธานซึ่งสร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์และคราวที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เกศนั้น ในหลวงทรงพระราชทานพวงมาลัยมาถวายด้วย นับว่าเป็นบุญตายิ่งนักที่ได้มาเห็น


ผมเองก็ผ่านวัดวามาพอสมควร ก็นับได้ว่าวัดป่าธรรมอุทยานของหลวงพ่อกล้วยแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างขวาง และร่มรื่นด้วยไผ่ ที่มีญาติโยมและผ้าขาวที่มาปฏิบัติธรรม ช่วยกันทำความสะอาดทุกวันตั้งแต่เช้ามืด ฟ้าสว่างขึ้นมาก็สะอาดร่มรื่น

ผมและคนข้างกายพูดตรงกันว่า เห็นทีเราจะมาบ่อยครั้งแล้วหละ

วัดป่านั้น ป่าไม้ที่ร่มรื่นคือเสน่ห์ดึงดูดจิตใจคนโดยธรรมชาติ เข้ามาแล้วจิตใจเย็น สงบลงเยอะ พระอาจารย์เหมือนท่านเข้าใจจริตคนสมัยใหม่ว่า ต้องการสถานที่และบรรยากาศแบบไหนจึงถูกจริตคนรุ่นใหม่ในการเข้าวัด วัดป่าธรรมอุทยานเป็นวัดหนึ่งที่ผมศรัทธาในบารมีของพระอาจารย์กล้วยยิ่งนัก ทั้งหมดนี้ผมเพียงสัมผัสครั้งแรกเท่านั้น คงไม่เทียบเคียงอาจารย์ไร้กรอบที่ลึกซึ้งยิ่งนัก


จดหมายเปิดผนึกถึงพ่อครูบาฯ ลุงเอก อาม่า ป้าจุ๋ม และชาวลานทุกท่าน

98 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 ตุลาคม 2009 เวลา 9:58 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 5443


ที่ http://lanpanya.com/dongluang/archives/1207#comment-681

คุยกับ Nothing เกี่ยวกับวันเด็ก สั้นๆ แล้วเกิดความคิดว่า หากสมาชิก Lan เราเขียนเล่าชีวิตวัยเด็ก เน้นเฉพาะวัยเด็กเอามาสู่กันฟังก็น่าสนใจนะครับ เหตุผลนั้นผมคิดว่าอยากศึกษาว่าชีวิตวันเด็กแต่ละคนนั้นเติบโตมาในสภาพใด จนมาเป็นปัจจุบัน

ผมสนใจการบันทึกอดีตของปัจจุบันผ่านตัวบุคคล โดยเริ่มจากสมาชิกลานก่อนซึ่งมีอยู่ทุกภาคทุกส่วน น่าที่จะสะท้อนสิ่งต่อไปนี้

  1. วิถีครอบครัวของคนสมัยนั้น
  2. วีถีสังคมที่อยู่อาศัย ท้องถิ่น ระบบสังคม ญาติพี่น้อง
  3. สิ่งแวดล้อมต่างๆ ดิน น้ำ อากาศ ต้นไม้ คน ฯลฯ
  4. ระบบวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ปรากฏการณ์ต่างๆทางสังคม ฯลฯ
  5. ระบบการศึกษา โรงเรียนวัดนั้นไม่เคยเห็นแล้วในปัจจุบัน แบบเรียนหนังสือ ระบบการตี การท่องบ่น ฯลฯ
  6. การทำมาหากิน อาชีพ การพึ่งพาอาศัย ดินฟ้าอากาศ
  7. การเติบโตของคนไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงสังคม เล่าให้ละเอียดว่าสังคมเปลี่ยนอย่างไร แล้วส่งผลต่อเราอย่างไรต่อครอบครัว ต่อเพื่อนบ้าน ท้องถิ่นอย่างไร
  8. เพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงมีอิทธิพลความคิดเราอย่างไร
  9. วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ไฟฟ้า เข้ามาเมื่อไหร่ มีอิทธิพลอย่างไร
  10. ใครเคยใช้ตะเกียงลาน ตะเกียงโป๊ะ ตะเกียงเจ้าพายุ(ศัพท์ภาคกลาง)บ้าน เป็นอย่างไร
  11. งานสังคมเป็นอย่างไรบ้าง เช่น งานศพ แต่งงาน งานโกนจุก บวชนาค เข้าพรรษา ออกพรรษา วันพระ ทอกกฐิน ผ้าป่า ฯลฯ
  12. ตลาด หรือการซื้อขายสินค้าเป็นอย่างไร
  13. เสื้อผ้า การแต่งกาย รสนิยม ค่านิยม ฯลฯ
  14. คนเฒ่าคนแก่ ทำอะไร ปฏิบัติกันอย่างไร การเข้ากรรม เข้าศีล เป็นอย่างไร กินหมากกินพลู เด็กสมัยนี้ไม่ได้เห็นแล้ว ควรหารูป และบันทึกไว้
  15. ไปสัมภาษณ์พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ท่านยังมีชีวิต ถามถึงการเปลี่ยนแปลง ความคิด ความรู้สึกของท่านจากอดีตสู่ปัจจุบัน…
  16. แรงบันดาลใจ ฝังใจ ชอบใจ พลังใจ ฯลฯ
  17. ปัญหาสังคมต่างๆในอดีต ทั้งปัญหาครอบครัวและสังคมต่างๆ การแก้ปัญหานั้นๆในอดีต
  18. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

นี่อาจจะเรียกว่าเป็นงานวิจัยย่อยๆก็ได้

ทั้งหมดข้างต้นอาจจะเรียกว่า Interview guide หรือ Semi structure life review ก็ได้

การบันทึกออกมาจากตัวเองมีข้อดีที่เรามีเวลาใคร่ครวญไตร่ตรอง ไม่ได้เอาคะแนน ไม่ได้ไปส่งอาจารย์ แต่บันทึกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมผ่านตัวบุคล

แรงบันดาลใจต่างๆมาจากอะไรจนทำให้เรามาเป็นวันนี้

น่าเสียดายที่ประวัติศาสตร์นี้จะหดหายไปกับการสิ้นสุดชีวิตคน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ระดมการบันทึกอย่างเป็นระบบในทุกภูมิภาคผ่านลานปัญญาครับ

ด้วยความเคารพรักยิ่ง

เรียนมาปรึกษาหารือครับ


สวยแต่เสียว..

399 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 ตุลาคม 2009 เวลา 20:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9623

 

 

 

โตขึ้นจะเป็นผีเสื้อสวย

ปัจจุบันก็สวย แต่มีเสียว

ตอนนี้กินใบจันกะพ้อ อยู่ตัวเดียว

รอวันโตจะบินเดี่ยวผีเสื้องาม

เราอนุญาตให้กินตามสบาย

เพราะใบมีมากมายไม่มีหนาม

คงไม่กินหมดต้นให้ตูมตาม

เป็นข่าวช่องสามเช้าจรดเย็น

——–

หนอนสวยที่ต้นจันกะพ้อ


แดงพันธุ์แท้..

1888 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 ตุลาคม 2009 เวลา 1:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 41327

แม้ว่าตัวจะแดง แดงทั้งตัว แดงของจริง แดงทั้งรัง แดงทั้งเผ่าพันธุ์

เมื่อวานก็แดง  วันนี้ก็แดง พรุ่งนี้ก็แดง แดงตลอดไป

แต่ก็ไม่ทำร้ายใครก่อน เลย….

แต่หากเราถูกรบกวน ละก็…

เรายอมสละกระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องสังคมของเรา

ตัวเราเล็ก แต่จิตใจต่อสู้นั้นใหญ่กว่าขนาดตัวอย่างเทียบกันไม่ได้

ไม่เชื่อก็เข้ามาซิ….


เฮ่อ Super Store..

195 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 ตุลาคม 2009 เวลา 13:45 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2888

บ่นซะบ้างก็ดี..

นั่งเขียนงานแบบลุ้นให้ทันเวลา

เขียนไปเขียนมาก็เบื่อ…สุดๆ..ต้องเดินไปโน่นนี่ แล้วกลับมาทำต่อ..

เก้าอี้เจ้ากรรม ดันมาลูกล้อเลื่อนแตก..

เลยหาเรื่องออกนอกบ้านไปหาซื้อลูกล้อเก้าอี้


เป้าหมายคือ Home pro อุตสาห์หลอกตัวเองให้ออกจากบ้าน

เราก็เดินเข้าไปถามพนักงานด้านในให้ช่วยหาให้

ได้มา 4 ตัว ราคา 160 บาท ก็ตกตัวละ 40 บาท


ทำอิดออดโน่นนี่แล้วก็บึ่งกลับบ้าน กะว่าซ่อมขาเก้าอี้เสร็จก็ทำงานต่อ

ยกกล่องเครื่องมือมา…จัดการเปลี่ยน….จ๊ากสสสส์ ไม่ได้ ไม่ได้

 

รุ่งขึ้นไปเปลี่ยนใหม่ที่ Home Pro พนักงานเกาหัวแล้วบอกว่า แบบตัวอย่างนั้นที่นี่มีแบบเดียว ส่วนมากเป็นแบบใหม่หมดแล้ว เขาทำเรื่องคืนเงินให้

เราก็บึ่งไป Global House ยื่นตัวอย่างให้ก็ไม่มี

ไปร้านขายเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆเหมือน Home Pro เขาบอกว่าไม่มี มีแต่ขายเก้าอี้ใหม่เลย..??

ไปร้านไหนๆที่มีร้านขนาดใหญ่ๆ ล้วนบอกไม่มี เก้าอี้เราเป็นรุ่นเก่า เก๋ากึก..อะไรทำนองนั้น

หมดท่า นี่วอนจะให้เราซื้อเก้าอี้ใหม่รึ…มันก็ยังดีอยู่นะ เป็นแค่ส่วนล้อเลื่อนตัวเดียวเท่านั้นเอง ใจนึกว่า ไม่ซื้อ ไม่หาแล้ว ไปเอาไม้มาหนุนเอาก็ได้ ไม่ต้องล้อ ไม่ต้องแล้ แล้ว หาไม้มาหนุนก็หมดเรื่อง

ระหว่างทางกลับบ้านนึกได้ว่ามีร้านขายเหล็กและเครื่องต่างๆในตัวกลางเมือง เราเคยมาซื้อของร้านนี้ประจำตั้งแต่ก่อนจะมี Home pro, Global House หรือ Big C, Lotus ซะอีก แวะไปถามหน่อย

ยืนตัวอย่างให้เด็กหน้าร้านดู..เขาก็ถามว่า เอากี่อัน..??????

ผมถาม อันละเท่าไหร่…. เด็กตอบ 30 บาทครับ ..???

เฮ่อ…..ไอ.. Home pro ไอ.. Global House…. สู้ร้านเก่าๆ โทรมๆ เครื่องเหล็กแน่นไปหมด ไม่มีความสวยงามใดๆเลย แต่ตอบสนองความต้องการเราได้….

ตอนนี้ก็ได้นั่งเก้าอี้..ที่มีล้อหมุนครบแล้วครับ…

เฮ่อ ขอทำงานต่อนะ…


เพื่อนร่วมถิ่นอาศัย..

25 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 ตุลาคม 2009 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1071

ช่วงนี้นั่งเขียนงานที่บ้าน ตกเย็นก็พักผ่อน ลากเก่าอี้ตัวโปรดมานั่งนอกชานหลังบ้าน นั่งเงียบๆเดี๋ยวก็มีสัตว์อาศัยมาให้ดู


อย่างที่เคยบันทึกไว้บ้างแล้วว่า ฤดูฝนก็ทำให้หลังบ้านเขียวขจี ต้นก้ามปูก็โตใหญ่ มากจนมองไปว่า เริ่มจะมากเกินไปแล้ว เพราะหากมันหักโค่นมาอาจจะกระทบตัวบ้านได้

ริมขวาสุดนั้นคือต้นจันกะพ้อ ที่รอวันให้ดอกในช่วงฤดูหนาวนี้อีกครั้ง ปีนี้เขาแตกใบอ่อนและเติบโตจนขยายกิ่งเข้ามาติดชานบ้านแล้ว


ที่ต้นจันกะพ้อเป็นที่อาศัยของมดแดง อยู่สองรัง เจ้ามดแดงตัวนี้ก็ออกมาเดินบนราวแสตนเลส แปลกที่เวลามันเดินบนราวนี้จะชูก้นโด่งสุดๆ แต่เมื่อเข้าเดินกลับไปบนต้นจันกะพ้อ ก้นเขาก็อยู่ในระดับปกติ


เอามาให้ดูอีก ผึ้งรังขนาดย่อมๆ มาอยู่หลายเดือนแล้วยังไม่ไป ขาประจำวันก็เจ้านกกะปูดตาแดงจึ้งขึ้ง



เจ้าขาวเจ้าแดงนี่จะมาช่วงเช้าและบ่ายๆ บางทีเขาเห็นเราก็แอบนิ่ง มองเราเฉยๆเป็นนานๆ หากเราไม่ขยับเขาก็นิ่งมองเรา พอเราส่งเสียงหรือขยับ ก็วิ่งปรู๊ดไปต้นไม้อื่น


เดือนก่อนน้ำท่วมพื้นที่สาธารณะหลังบ้าน มาวันนี้น้ำแห้งลง แต่ยังมีน้ำตกค้างในคูซึ่งแน่นอนปลา และสัตว์น้ำอื่นๆก็หลงน้ำมาตกอยู่ในคูน้ำแห่งนี้ สัญชาติญาณของนกกะยางนั้นรู้ดีว่าคูน้ำนี้มีอาหารของเขา ก็จะมานั่งเฝ้าอย่างเงียบๆ คอยจังหวะ โอกาสที่จะมาถึงและมักไม่พลาดที่จงอยปากเขาจะทำงานอย่างได้ผล


นานๆจะเห็น เจ้านกเขา ที่ซ่อนตัวอยู่ในใบไม้เขียวแห่งนี้

มีเพื่อนร่วมโลกหลายชนิด หากเรานั่งเงียบๆ เขาก็จะปรากฏตัวให้เห็น แต่หากส่งเสียง หรือทำกิจกรรมใดๆแล้ว เจ้าเพื่อนร่วมโลกเหล่านี้ก็หนีไป หรือหลบไป

ธรรมชาติช่วยให้เปลี่ยนความหมกมุ่นกับการเขียนงานได้มากทีเดียว

ว่าแล้วก็กลับนั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่อ อิอิ..


ข้าว IR-8 และกระจับ

46 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 ตุลาคม 2009 เวลา 12:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2888

สมัยประมาณปี พ.ศ. 2507-2509 เรียนชั้นมัธยมที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ต้องเดินเท้ามาจากบ้านประมาณ 5 กม. ทุกเช้า หากเข้าฤดูฝนก็ต้องหิ้วรองเท้าผ้าใบสีกากี ที่ขาดตรงหัวแม่โป้ง ถุงเท้าสีกากีที่ขาดที่ส้น หิ้วจากบ้านจนถึงตลาดวิเศษ แล้วจึงล้างเท้ากับแม่น้ำน้อยที่ไหลผ่านตัวตลาดวิเศษไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยุธยา เมื่อใส่รองเท้าผ้าใบขาดๆแล้วก็เดินบนถนนปูนอีก 1 กม.จึงถึงโรงเรียนประจำอำเภอ คนดังๆจากวิเศษก็จบจากที่นี่ทั้งนั้น รวมทั้ง อ.เจิมศักดิ์


กรมชลประทานเริ่มขุดคลองชลประทานผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือเขื่อนชัยนาท เพื่อเอาน้ำเข้าทุ่งนาให้ชาวนาภาคกลางมีน้ำทำนา


คลองชลประทานมาพร้อมกับการเปลี่ยนพันธุ์ข้าวพื้นบ้านมาเป็นข้าว กข. ที่เริ่มใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ บ้านผมเป็นบ้านแรกๆที่ทดลองใช้ข้าว กข. สมัยนั้นยังเรียกข้าว IR-8 ซึ่งเป็นข้าวที่สถาบัน IRRI แห่งประเทศฟิลิปปินส์ เอาข้าวพื้นบ้านเราไปแปลงพันธุ์แล้วกลับเอาเข้ามาให้ชาวนาภาคกลางทดลองใช้ โดยเกษตรอำเภอเป็นผู้ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ว่าผลผลิตสูง ขายได้ราคาดี บังเอิญอาคนหนึ่งเป็นเกษตรอำเภอจึงเอามาให้พ่อทดลอง

กว่าจะปรับตัวได้กับข้าวพันธุ์ใหม่ เล่นเอาเหนื่อยไปหลายปี เพราะชาวนาภาคกลางไม่เคยทำนาดำ มีแต่นาหว่าน ข้าวฟางลอย อาศัยน้ำจากคลองชลประทานที่ขุดใหม่เป็นน้ำหลักในการปลูกข้าว IR-8 ลูกพ่อทุกคนต้องลงนาช่วยพ่อแม่ แม้ยามเปิดภาคเรียน ก็ต้องลงนาแต่เช้ามืดก่อนจะกลับบ้านไปอาบน้ำกินข้าวแล้วไปโรงเรียน (สายประจำ) แม่กับพี่สาวจะเป็นเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางทีก็ไปกินกันตามคันนา ….

คูน้ำข้างคลองส่งน้ำที่มีคันคูซึ่งต่อมาพัฒนาคันคูคลองส่งน้ำเป็นถนนนั้น เขาเรียกคูน้ำนั้นว่าบ่อยืม (แปลกนะขอยืมดินไปแล้วไม่คืนเลย อิอิ) คูน้ำ หรือบ่อยืมนี้แหละเป็นแหล่งเอาควายลงมาเล่นน้ำ กินน้ำ และเราเด็กๆก็แก้ผ้ากระโดดเล่นไปกับควายด้วย

หลายแห่งเจ้าของที่นาสงวนไม่ให้ควายลง กลับเอาไปปลูกต้น “กระจับ” เพื่อกินและขาย..


หลายคนไม่รู้จักกระจับ หลายคนไม่เคยเห็น หลายคนไม่เคยได้ยินว่ามีต้นไม้ชื่อแปลกๆเหมือนกระจับมวยด้วยหรือ เอ ต้นมันเป็นอย่างไร ใหญ่เท่าต้นมะนาว มะกรูดไหม…

กระจับเป็นพืชน้ำ ส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำโผล่ใบขึ้นมาอย่างต้นบัว มีผลหน้าตาเหมือนหัวควาย เพราะดูเหมือนเขาควาย เด็กๆชอบเอามาต้มกิน รสชาดออกมันๆเหมือนผล Chestnut ฝรั่งจึงเรียก water chestnut เด็กซนๆก็เอามาขวิดกัน สมมติว่าเป็นหัวควาย ใครเขาหักก่อนถือเป็นแพ้..

กลับไปวิเศษชัยชาญเข้าตลาดเห็นกระจับซึ่งไม่ได้เห็นมานานแล้ว ก็เอารูปมาฝาก เลยเถิดไปนึกถึงสมัยเก่าๆที่เราใช้ชีวิตเด็กๆที่นี่

แม่ค้าขนมหวานหลายแห่งซื้อกระจับมาแกะเอาเนื้อในมาเป็นส่วนผสม “ขนมรวมมิตร” ใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำเชื่อม ใส่ลูกต๋าว ใส่ข้าวเหนียว เอาน้ำเชื่อมใส่หรือเอาน้ำหวานสีแดงสีเขียว เอาหางนมใส่ โอย..เด็กๆก็ร้องให้แม่ซื้อให้กิน สมัยโน้นก็แค่ถ้วยละ 25 สตางค์ เท่านั้น…

ว่าแล้วก็ไปเอาของหวานมากินซะหน่อย อิอิ


ไปกราบหลวงปู่โต..

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 ตุลาคม 2009 เวลา 20:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1770

เชื่อว่าทุกท่านที่ผ่านพื้นที่ก่อสร้างสถานธรรมหลวงปู่โต ติดถนนมิตรภาพ ที่ผ่านเขื่อนลำตะคองมาแล้ว(ขาขึ้น) ท่านคงมีโอกาสมองความใหญ่โต และโอฬาร บานตะไทของสถานที่ที่สวยงามนี้ บางท่านอาจจะเคยแวะไปชมมาแล้ว..

ถือโอกาสเดินทางกลับจากทอดกฐินที่วิเศษชัยชาญสู่ขอนแก่น เพื่อให้คนข้างกายเร่งทำงานต่อให้ทันการประชุมในวันจันทร์ แต่เธอร้องขอให้แวะที่สถานธรรมแห่งนี้ เพื่อสักการะรูปหลวงปู่โต




ใครๆก็ทราบว่าสถานธรรมแห่งนี้มีคุณสรพงษ์ ชาตรี หรือพี่เอกนักแสดงผู้มีชื่อเสียงเป็นผู้นำใหญ่ในการก่อสร้าง เมื่อเข้ามาแรกสุดก็ประทับใจการจัดภูมิทัศน์ และการตกแต่ง สวยงามมาก ความสะอาดนั้นผมเที่ยววัดมามาก ไม่เคยเห็นที่ไหนสะอาดมากเท่านี้ เรียกได้ว่าทุกกระเบียดนิ้วจริง สัมผัสแล้วก็ชื่นอกชื่นใจ มัดใจได้

อาคารแรกที่เราจะต้องผ่านไปกราบหลวงปู่โตนั้น จะเป็นอาคารที่มัคทายกสถานธรรมแห่งนี้อยู่ประจำ และมีคุณสรพงษ์ยืนประชาสัมพันธ์บอกกล่าวให้ญาติโยมทำบุญสร้างนั่นสร้างนี่ เขาทำด้วยตัวเอง แล้วก็อนุญาตให้ถ่ายรูปได้โดยไม่เสียเงิน แน่หละวันๆคงจะเข้าไปอยู่ในกล้องนับไม่ถ้วนแน่ ดูซิ แม่ชีมาจากสุพรรณยังขอถ่ายรูปด้วยเลย

อาคารหลังนี้เป็นสถานที่จำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนก่อนขึ้นไปกราบหลวงปู่โต ที่อาคารถัดไป และสารพัดวัตถุธรรมที่มีจำหน่ายเพื่อหารายได้ เพื่อใช้ในการก่อสร้างที่ยังค้างอีกมากมายนัก


บังเอิญช่วงเวลาที่ไปนั้นบ่ายแล้วจึงได้ภาพนี้มา พูดถึงทางเดินจากอาคารหลังแรกไปกราบหลวงปู่โตนั้นต้องผ่านอ่างน้ำเล็กๆ เขาก็ออกแบบทางเดินได้สวยงามเป็น s shape แยกคนเดินทางไปและกลับ ไม่ปนกัน วัสดุที่ใช้…. คุณสรพงษ์ต้องหาเงินอีกกี่ร้อนล้านผมไม่ทราบ


ความมีศรัทธามากมาย ต่างก้มลงกราบ ท่องบ่นคำกราบไหว้หลวงปู่โต แล้วก็เดินขึ้นไปปิดทอง ตลอดเส้นทางเดินนั้นก็มีจุดทำบุญแบบต่างๆอีกหลายประการ ตามความสนใจและถูกโฉลกของญาติโยม

มีทั้งหนุ่มสาวและผู้เฒ่า ผู้สูงอายุ และเด็กๆ ที่พ่อแม่มักจะพามาด้วย นี่ก็เป็นการเรียนโดยไม่เรียนของลักษณะวัฒนธรรมไทยของเรา ที่เด็กๆเห็นผู้ใหญ่ทำอะไร พูดอะไร ก็จะจำและทำตาม ซึมซับโดยไม่ต้องเสียเวลาไปท่องและสอบเอาคะแนน..


ยังมีอาคารอีกหลังหนึ่งที่สร้างยังไม่เสร็จ บริเวณรอบๆปลูกทานตะวันเต็มหมดสวยงามมาก เห็นหลายคนลงไปถ่ายรูปกับเจ้าดอกไม้นี้ เราต้องเดินข้ามแอ่งน้ำไปด้วยทางเดินที่สวยงามและตลอดทางจะมีระฆังแขวนไว้ให้เดินเคาะไปตลอดจนถึงอาคารหลังนั้น

และทุกอาคารก็จะมีสถานที่ทำบุญในรูปแบบต่างๆ มีเจ้าหน้าที่คอยบริการโดยแต่งชุดขาว ทั้งหมดนั้นหน้าตาดี ดูน่าเชื่อถือ และเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

หากค่อยๆเดินออกไประบบทางเดินจะพาเราไปสู่สถานที่พักผ่อน และการเติมพลัง เช่น ร้านขายกาแฟ ไอศกรีม น้ำดื่มประเภทต่างๆ ถัดไปจะเป็นโรงธรรมอาหาร ที่ทำ “ราดหน้า” บริการฟรีสำหรับทุกท่าน โอย..อร่อยครับ ลองชิม 1 ถ้วยบางคนบอกว่าอร่อยที่สุดในโลก มีน้ำดื่มเย็นๆฟรี ใครอยากเข้าห้องน้ำก็มีสถานที่ถัดไปจัดไว้เป็นสัดส่วน จำนวนมากมาย แยกชายหญิงชัดเจน ที่เด่นคือ สะอาดมาก


ผมชื่นชม ภูมิทัศน์ ความสะอาด ให้คะแนนเต็มเลย ขนาดญาติโยมมามากมายแต่รักษาได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ ทีมงานทางสถานธรรมสุดยอดจริงๆครับ

คุณสรพงษ์จะต้องหาเงินอีกเท่าไหร่ ผมไม่ทราบ

ทำไมเขาถึงทำสิ่งนี้ นอกจากศรัทธาแล้ว มีอะไรอีก..

ทำไมต้องทำอะไรใหญ่โต มโหระทึก พิลึกกึกกือ เช่นนี้ …

แต่ศรัทธาก็หลั่งไหลมา ตลอด รถแน่นทุกวัน ตลอดวัน

หากมองในแง่บวก ผมต้องควักกระเป๋าบริจาคสมทบงานก่อสร้างสถานธรรมแห่งนี้ ที่คั่งค้างอีกมากมาย ผมเชื่อมั่นในตัวคุณสรพงษ์ ที่ลงทุนมายืนประชาสัมพันธ์เองทุกวัน และดูเหมือนเขามีแนวคิดการสร้างสถานธรรมในความหมายของการจัดการใหม่ การออกแบบที่ใช้ความรู้สถาปนิคยุคนี้แน่นอน แต่สร้างอาคารแต่ละหลังนั้นมหัศจรรย์ ยิ่งนักนั้น คงต้องใช้ความรู้จากโบราณแน่นอน…

มีโอกาสก็แวะเถอะครับ แค่ไปกราบหลวงปู่โตและนั่งในสถานที่สวยงาม สะอาดเช่นนี้ จิตใจเยือกเย็นลงเยอะทีเดียว ถือโอกาสพักรถไปด้วย แค่นี้ก็มหาศาลแล้วครับ


ฝากนกมาสื่อ..

135 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 ตุลาคม 2009 เวลา 21:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2333

 


โรตีสายไหม..

101 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 ตุลาคม 2009 เวลา 14:38 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2351

ก็แค่สุภาพสตรีขายโรตีสายไหม คนหนึ่ง ..??..


เห็นเขาเห็นเรา..

21 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 ตุลาคม 2009 เวลา 21:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 813

 

 

เมื่อเช้าเรามีนัดกับ อบต.พังแดง จะไปปรึกษาหารือเรื่องร่างข้อบัญญัติการบริหารงานสูบน้ำเพื่อการชลประทานที่เราโอนไปให้ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และรอบคอบก่อนที่จะเอาร่างนี้ไปผ่านที่ประชุมสภาพิจารณาจึงต้องมานั่งคุยกัน

ที่ขอบประตูรถของเรามีเจ้าผีเสื้อยักษ์ตัวนี้มาเกาะนิ่ง น้องเราเอะอะใหญ่ว่า ผีเสื้อยักษ์ เราก็คว้ากล้องมาถ่ายเก็บจังหวะชีวิตของเขาไว้ แล้วเราก็เดินทางไปยังเป้าหมายและนั่งประชุมกันทั้งวัน

กลับออกมามานั่งดูรูป เจ้าผีเสื้อยักษ์ตัวนี้น้อยครั้งที่เราจะเห็น ความกว้างระหว่างขอบปีกซ้ายไปถึงขวาเกือบ ฟุตหนึ่ง แต่ชายขอบปีกขาดรุ่งหริ่ง เหมือนผีเสื้อแก่เฒ่าตัวหนึ่งที่อยู่ในช่วงร่วงโรย

นึกถึงตัวเราเอง..

เอ….เราก็ร่วงโรยลงทุกวัน หลายอย่างก็หลุดลุ่ยไปเหมือนกัน


เพื่อนใหม่ร่วมบ้าน…

125 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 ตุลาคม 2009 เวลา 11:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2356

สองวันมาแล้วที่เราได้รับแขกมาร่วมบ้านแบบไม่ได้เชิญ เขามาเอง มาจากไหน มาเมื่อไหร่ จะอยู่นานไหมก็ไม่บอกไม่กล่าว


กลางวันก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้

ตกกลางคืนก็มาจองส่วนบนสุดของก๊อกล้างถ้วยชามในห้องครัว นั่งตรงนั้น จะเปิดน้ำ จะหมุนหัวก๊อก ก็ไม่ไปไหน นั่งเอาตามองเราปริบๆ


พอเราไปใกล้ก็ทำตาโปนๆใส่เรา

วันๆไม่รู้หากินอย่างไร ตกกลางคืนก็มานอนตรงนี้ ถ่ายมูลลงอ่างล้างพอดี

ไม่รู้หนีงู หนีนกฮูก หรือหนีภัยอะไรมาหรือเปล่า

มีปากก็ไม่พูด อิอิ..

(เร่งงานเขียน proposal อยู่ครับ)


ภาพหายากเอามาฝากเฮียตึ๋ง และทุกคน

2016 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 ตุลาคม 2009 เวลา 11:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 23907

ที่ว่ายากเพราะหากใครรู้นิสัยเจ้าฮูกตาโตก็จะเข้าใจดีว่า เขาเป็นนกที่ไม่ชอบคน หากเห็นคนแต่ไกลก็จะบินหนีไป ก่อนที่เราจะไปถึง หรือใกล้ตัวเขาแล้ว การจะได้รูปเขามานั้นต้องอยู่ไกลๆและใช้กล้องส่องทางไกล หรือซูมเอา


แต่เจ้าฮูกตัวนี้ผมได้มาอย่างบังเอิญจริงๆ เย็นวันนั้นผมเลิกงานก็มานั่งชมธรรมชาติหลังบ้านชั้นสอง เพราะฝนตกแมกไม้ต่างๆขึ้นเต็มไปหมด จนบางอย่างก็รู้สึกว่ามากไปด้วย ผมนั่งเงียบๆ ลมพัดเย็นๆรู้สึกสบายและชอบ ผมเตรียมกล้องไว้ถ่ายธรรมชาติก็ไปเห็นผีเสื้อสวยงามที่ผมเอามาให้ดูแล้วนั้น


นั่งถ่ายรูปผีเสื้อเงียบๆ เจ้าฮูกตัวนี้ก็บินเข้ามาแบบไม่ได้ยินเสียงเลย แต่ประสาทตาเราสัมผัสได้ว่ามีสัตว์บางอย่างเข้ามา มองหาก็พบเขาเกาะกิ่งไม้สูงขึ้นไปและจ้องมองมาทางเรา ผมรีบยกกล้องถ่ายทันที เพียงไม่ถึงนาทีเขาก็บินหนีไป(ตรวจสอบได้ที่รายละเอียดเวลาที่รูปโดยใช้ acd) เร็วจริงๆ ผมกดชัตเตอร์ไปสามครั้ง ครั้งที่สามได้แต่กิ่งไม้ ตัวเขาไปแล้ว


หากมีนกฮูกก็ไม่มีหนู งู ผมนึกถึงบนฝ้าเพดานห้องนอนแต่ก่อนมีหนูมาอาศัยวิ่งกันเป็นสนามเลย หลายปีมานี่ไม่มีหนูมาวิ่งให้ได้ยินอีกแล้ว

เป็นภาพชุดเดียวกันกับผีเสื้อแหละครับ ถ่ายในเวลาช่วงเดียวกันครับ

 

ผมเอาภาพผีเสื้อไปแซวเฮียตึ๋ง อย่างเกินความพอดีไป ต้องกราบขออภัยมาอีกครั้งครับ นะเฮียนะ..


ลีลาชีวิตของผีเสื้อสวย

42 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 ตุลาคม 2009 เวลา 23:41 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1983

ลีลาชีวิตของผีเสื้อสวย



ฝากพิเศษแก่เฮียตึ๋ง ครับ..อิอิ



Main: 0.14538097381592 sec
Sidebar: 0.066495895385742 sec