เจ้าเป็นไผ ๒ รุ่นทันพอดีระพีเสวนา
กระจายหนังสือเจ้าเป็นไผ ๑ ออกไปยังไม่ถึงเดือน นั่งยิ้มเผล่ ปลื้มอกปลื้มใจเหงือกยังไม่ทันแ้ห้งสนิทดีเลย
ก็ได้ยินเรื่องแผนการจะจัดทำหนังสือเจ้าเป็นไผ ๒ อีกแล้ว (เหรอ?)
กระจายหนังสือเจ้าเป็นไผ ๑ ออกไปยังไม่ถึงเดือน นั่งยิ้มเผล่ ปลื้มอกปลื้มใจเหงือกยังไม่ทันแ้ห้งสนิทดีเลย
ก็ได้ยินเรื่องแผนการจะจัดทำหนังสือเจ้าเป็นไผ ๒ อีกแล้ว (เหรอ?)
เดือนเมษายนที่ผ่านมาครูปูทำงาน VBAC มาครบ 11 ปี จึงฉลองด้วยการกลับบ้านที่สุราษฎร์ธานี เพื่อเลี้ยงหลานและสนุกสนานกับครอบครัว 1 เดือนเต็ม ๆ อิ่มเต็มและมีความสุขมาก ขณะเดียวกันก็แอบคิดถึงพี่ ป้า น้า อา บนลานปัญญาพร้อมทั้งรอคอยการคลอดของ จปผ ๑ อย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากอ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ1 จบ รู้สึกว่าตัวหนูนี่เกิดมาสบายจริงๆ อยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ อยากเรียนอะไรท่านก็สนับสนุน แต่อีกมุมหนึ่งของโลกใบเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนที่เลือกเกิดไม่ได้ อยากได้อะไร ก็ต้องพยายามให้ได้มา อ่านแล้วเข้าใจชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
เพราะถูกท่านประธานกรรมการบริหารขอร้องแกมบังคับมาตามสายโทรศัพท์จากอเมริกา จึงต้องไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 7 วัน 6 คืน หลักสูตรการพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาและสันติสุข ณ วัดผาณิตาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันที่ 18 - 24 มีนาคม 2546 แทนท่าน
การเดินจงกรม ด้วยการกำหนดทุกอริยาบถที่ร่างกายทำ แล้วให้ระลึกรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แรก ๆ ให้ส่งเสียงเลยว่านี่กำลังก้าวนะ นี่กำลังยกนะ หลัง ๆ ก็ห้ามพูด ให้กำหนดเงียบ ๆ อยู่ในใจ
ครูปูทำไม่ได้ค่ะ
ตรวจงานคนงานก่อสร้าง เดินเคาะพื้นกระเบื้องเพื่อรับงาน จนได้ฉายาว่าเป็น VBAC รุ่นเคาะกระเบื้อง
ช่วงก่อนสอบ Entrance นั่งปรึกษาตัวเองพร้อมตัดสินใจว่า อย่าเรียนต่อเลยนะเรา สงสารแม่ น้อง ๆ ยังเล็ก ให้น้องเรียนแทนดีกว่า คิดไม่ออกหรอกว่าจะไปทำมาหากินอะไร รู้แต่ว่าถ้าเราไม่เรียนสักคน แม่คงประหยัดสตางค์ได้โขอยู่
อยู่ดี ๆ เหมือนฟ้าผ่า เช้าตี 5 วันหนึ่ง แม่ขึ้นมาปลุกที่ห้องบอก “พ่อมาหา”
แม่ผู้หญิงเรียนน้อยแต่มักมีความคิดทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ใช้วิธีเลี้ยงลูกแบบรุนแรงแบบที่คนแถวนั้นมักใช้กัน ไม่ตี ไม่บ่น ไม่เคยด่าว่า ไม่มีการตวาดออกอารมณ์ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมไม่ตีลูกบ้าง แม่กับยายจะตอบว่า
“ไม่อยากตีมันหรอก ไอ้เรามันคนโมโหร้าย ตีแล้วก็จะตายเปล่า ๆ”
ครูปูได้ยินทีไร แอบหัวเราะคิก ๆ อยู่ในใจทุกที รู้แล้วว่าเราได้เชื้อโม้มาจากใคร
เขาเล่ากันว่า… พ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเย็บผ้าที่ใหญ่ที่สุดในสัตหีบ รับเย็บเครื่องแบบทหารส่งฐานทัพเรือ รวมทั้งเย็บส่งเรือรบอเมริกันที่มาเทียบท่าที่ฐานทัพเรือสัตหีบด้วย ใคร ๆ มักบอกว่า พ่อเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ซื่อสัตย์ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ จิตใจดี พูดเพราะ ใจคอกว้างขวาง และเป็นช่างตัดเย็บที่มีฝีมือ พ่อทำงานหนัก หามาได้เท่าไหร่เลี้ยงพ่อแม่ดูแลญาติ ๆ ทุกคน เพื่อนฝูงตกทุกข์ได้ยากมาจากไหนพ่อรับไว้หมด