ครูขอโทษนะลูก
เช้าตรู่ของทุกวัน อาจารย์ที่ไปถึงโรงเรียนแต่เช้าจะชินกับภาพของนอร์ หนุ่ม ปวส. หน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ ใคร ๆ ชอบแซวว่า “ลูกชายอาจารย์ปู” นั่งจ๊องอยู่หน้าห้องพักครู ครูที่มาถึงคนแรกจะได้รับการต้อนรับดูแลช่วยเหลือ ถือของ ทุกอย่างเท่าที่นอร์จะทำได้
แต่น้อยคนที่จะจำได้ว่าตอนเรียน ปวช. นอร์เป็นเด็กดื้อมาก่อน แต่งตัวสไตล์แร็พโย่ ใส่ต่างหูเพชรเม็ดเป้งที่หูด้านซ้าย ไม่เคยยกมือไหว้ใคร ตาขวาง อารมณ์ร้อน เถียงทุกคำ จึงมีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง คุณแม่ที่ถูกเชิญมารับทราบพฤติกรรมยังถูกนอร์ขู่ฟ่อ ๆ จนครูต้องเป็นฝ่ายช่วยปรามนอร์แทนคุณแม่อีกต่างหาก
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
จากการสังเกตครูปูพบว่า นอร์มีลักษณะพิเศษคือสามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลได้มากกว่าเด็กในวัยเท่ากัน พูดคุยกับนอร์ไม่ต้องใช้ภาษาระดับเด็ก คุยกับเขาเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่เท่าเรา พูดออกไปตรง ๆ แม้กระทั่ง ความรู้สึกที่เรามีต่อพฤติกรรมที่เขาทำลงไป ก็บอกเขาไปตรง ๆ นอร์จะใช้เวลาประมวลผลไม่เกิน 2 วัน แล้วจะกลับมาพร้อมคำอธิบายพฤติกรรมตัวเอง และสะท้อนถึงผลที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างได้อย่างน่าทึ่ง
คุณแม่เองกลับดีใจว่า “ดีจัง เขามีคนที่คุยกับเขารู้เรื่องแล้ว” ด้วยเหตุนี้เองแม้นอร์จะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนบ่อยครั้ง แต่ครูปูยังคิดเสมอว่าการไล่ออกไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกจุดสำหรับเด็กอย่างนอร์ นอร์จึงถูกกักตัวไว้ทำงานกับพวกอาจารย์ทั้งก่อนเข้าเรียนและหลังเลิก
ถูกกำหนดให้รับผิดชอบงานในสำนักงาน ให้เข้าร่วมประชุมวางแผนงานกิจกรรมกับพวกอาจารย์ด้วย จะได้เห็นและเข้าใจวิธีการทำงานของผู้ใหญ่ คนอื่น ๆ ฝึกงานกันเทอมเดียว ของนอร์ต้อง 2 เทอม ไม่รวมกิจกรรมอื่น ๆ แล้วแต่จะถูกมอบหมายอีก พบว่าตลอด 4 ปีมานี่นอร์มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด ทั้งการพูดจา และด้านสังคม มีเพื่อนเยอะขึ้น ทั้งเรียนและทำงานมีสมาธิมากขึ้น
ครูปูก็สบายใจแล้ว คิดว่า อืม คงเป็นเพราะคนในบ้านไม่มีใครค่อยพูดคุยหรือใช้เหตุผลกับเขาละมั้ง เด็กเลยสับสน ถ้าจัดประสบการณ์ดี ๆ ให้ ด้วยความเข้าใจหน่อย เขาคงข้ามช่วงวัยอันสับสนนี้ได้แล้วล่ะน่า มั่นใจ ๆ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนอร์มีปัญหาชกต่อยกับรุ่นน้องในสนามบาสอีก
พอถูกนำตัวมาพูดคุย ก็ตอบตรงกันว่ารุ่นน้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็ต้องติงนอร์ด้วยเนื่องจากเป็นรุ่นพี่ มีประวัติในเรื่องการใช้อารมณ์ทั้งคู่ เป็นประเภทวูบเดียวเหมือนกันอีก พอนำตัวมาสงบสติอารมณ์เมื่อใดก็จะคิดได้ ขอโทษพร้อมอธิบายสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปได้ทุกครั้ง
ทั้งคู่ถูกสั่งพักการเรียนเพื่อให้ไปทบทวนพฤติกรรม ไม่ใช่เฉพาะที่ทำคราวนี้ แต่ให้พิจารณาสภาพของการเป็นระเบิดเดินได้ของตัวเองมา
นอร์ไม่ยอมหยุดอยู่บ้านเฉย ๆ ขอแต่งตัวมาช่วยงานที่โรงเรียนแต่เช้าทุกวันเช่นเคย ใครให้ช่วยงานตรงไหนก็ทำหมด ขอให้ได้มาโรงเรียนก็แล้วกัน สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันที่มาช่วยงานก็เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่พูดคุยกับใคร เพื่อนทักหรือมาชวนไปกินข้าวก็ไม่กล้าไป ครูเราก็สังเกตพฤติกรรมกันอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเรียนเชิญผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายมารับทราบและทำความเข้าใจ พร้อมกำหนดแนวทางการดูแลที่ใกล้ชิดขึ้น พร้อมให้เขียนใบลาออกไว้ทั้งคู่ หากมีกรณีความขัดแย้งที่เกี่ยวเนื่องอีก ก็ให้เป็นไปตามใบลาออกนั้น ในช่วงที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเรียนได้แต่ยังต้องอยู่ช่วยงานหลังเลิกเรียนทุกวันนั้น
อาจารย์ประจำวิชาแจ้งว่านอร์หนีเรียนคาบสุดท้ายอีก???
ครูปูงงมากเนื่องจาก 4 ปีที่ผ่านมานอร์ไม่เคยหนีเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ทีท่าถวิลหาอยากจะมาโรงเรียน อยากจะคลุกคลีอยู่แต่กับพวกอาจารย์
โมโหนอร์มาก ไม่เข้าใจว่าเพิ่งก่อเรื่องมาแท้ ๆ ทำไมถึงยังกล้าหนีเรียนอีก เรื่องชกต่อยที่เพิ่งผ่านมา ครูปูอุตส่าห์แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นตอนโดนสอบสวนแล้วนะ กลัวจะอาย อยากจะเหลือพื้นที่ไว้ให้กลับตัว
อย่างนี้แล้ว ยังจะมีหน้าก่อเรื่องด้วยการหนีเรียนซ้ำเข้าไปอีกเหรอ
อะไรกัน!!!
ยิ่งคิดยิ่งควันออกหู กดโทรศัพท์หานอร์ทันที
นอร์เหรอ ทำอะไรอยู่ลูก
อ๋อ อยู่บ้านครับอาจารย์ปู
นอร์ อาจารย์จะแค่โทรมาบอกว่าอาจารย์ผิดหวังในตัวนอร์มากนะลูก กับสิ่งที่เราพยายามกันมาโดยตลอดแล้วนอร์ก็เปลี่ยนตัวเองมาได้ตั้งเยอะ อยู่ดี ๆ นอร์กลับไปแย่กว่าเดิมได้ยังไงอาจารย์ไม่เข้าใจ อาจารย์มีเรื่องจะพูดแค่นี้แหละ
วางหู แกร่ก
วันรุ่งขึ้นก็มีพรายมากระซิบหลายสายว่านอร์อยากพบแต่ไม่กล้าเข้ามา ครูปูก็ทำเฉย ๆ เป็นสัญญาณให้อาจารย์ท่านนั้น ๆ รู้ว่า ยังไม่อยากให้พบ
3 วันต่อมา นอร์คงยืนเล็งอยู่หน้าห้องนานแล้ว สบโอกาสไม่มีใครอยู่ในห้องทำงานเลย เดินตรงดิ่งเข้ามาที่โต๊ะครูปู
อาจารย์ปูครับ ผมขออนุญาตคุยกับอาจารย์นิดเดียวได้ไหมครับ
ครูปูพยักหน้า
ผมไปนอนคิดมาตลอดเวลาตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ของอาจารย์ปู ผมพบคำตอบที่อาจารย์ปูต้องการมาตลอด 4 ปีแล้วครับ เพราะอาจารย์มักถามผมทุกครั้งที่่มีปัญหาว่า ทำไมผมต้องเป็นมนุษย์ระเบิดเดินได้ด้วย ทำไมเป็นคนชิว ๆ สบาย ๆ ใจเย็น ๆ แบบเพื่อน ๆ ไม่ค่อยได้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุใหญ่อันนี้แน่ ๆ ครับ
คืองี้ครับอาจารย์ พ่อผมแต่ก่อนเป็นคนสุภาพ เงียบขรึมไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่ก็เป็นคนดีมากครับ หาเลี้ยงครอบครัว หาเงินมาได้เท่าไหร่ให้แม่หมด เลี้ยงดูพวกผมเป็นอย่างดี ทุกคนยกย่องพ่อว่าเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่หายาก แต่คนนอกครอบครัวผมไม่เคยมีใครได้รู้เลยครับ ว่าพ่อผมมีสองคนในร่างเดียว ตั้งแต่เล็กจนโตถ้าพ่อผมอารมณ์ไม่ดีมาจากไหน หรือโกรธเรื่องอะไรนิดเดียว พ่อจะลงมือทำร้ายผมทันที เก้าอี้ ท่อเหล็ก ท่อนไม้ ไม้กวาด ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน พ่อจะทุ่มใส่ผมแบบไม่ดูว่าจะโดนอะไรบ้าง เตะต่อยไม่ต้องนับ ขนาดผมสลบไปแล้ว พ่อยังกระทืบอยู่ก็ยังมี จับแขนผมสองข้างเหวี่ยงจนตัวลอยในอากาศแล้วฟาดไปกับเสาปูนจนกระดูกซี่โครงผมร้าวไปหลายซี่
ครูปูพูดไม่ออกแม้แต่แอะเดียว นั่งตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้เลย
แม่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเข้ามาห้าม แม่ก็โดนด้วย พอพ่อไปแล้ว แม่ก็จะมาใส่ยาให้แล้วก็บอกว่า พ่อคงเหนื่อยนะนอร์อย่าโกรธพ่อนะลูก พ่อเลี้ยงเรามานะ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
ผมว่าผมคงเป็นเด็กเก็บกดเหมือนที่เขาพูดกันแหละครับอาจารย์ ตอนที่ผมอยากให้พ่อหยุดทำร้ายผมเพราะผมเจ็บมาก ผมก็ทำไม่ได้ ผมสู้พ่อไม่ได้ แม่บอกว่าไม่ควรสู้ด้วย มันเป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ ผมเลยไม่ไว้ใจใคร ผมเลยมาระเบิดกับคนที่ดูเหมือนจะทำให้ผมเจ็บเพิ่ม แล้วเวลาที่ผมระบายออกนี่มันก็ไม่ใช่ความโกรธที่ผมมีกับคน ๆ นั้นอย่างเดียวมังครับ แต่มันคงรวมกับความโกรธที่ผมมีต่อพ่อของผมด้วย
ยิ่งตอนนี้พ่อทิ้งแม่ไปมีเมียใหม่ บ้านผมลำบากมาก แม่เอาแต่เสียใจจนทำงานทำการไม่ได้ พี่สาวผมต้องออกไปหางานทำ ผมเหมือนเทวดาตกสวรรค์จากเคยเป็นคุณหนู ตอนนี้ผมต้องทำงานกะเย็นเลิกตีหนึ่งตีสอง แต่ผมก็ยังอยากจะมาโรงเรียนแต่เช้าเหมือนเดิม
อย่างน้อยมาเจอพวกอาจารย์ที่ใจดี พูดจาดี ๆ กับผม ก็ทำให้ผมมีกำลังใจได้บ้าง เมื่อวันก่อนผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยกับชีวิตสุด ๆ แล้ว อยู่ดี ๆ ผมก็เลยเดินออกไปเฉย ๆ ไปแทงสนุ๊ก อยู่หน้าปากซอยคนเดียวแป๊บนึงแล้วก็กลับบ้านนอน ผมไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ที่ไหนหรอกครับอาจารย์
นี่ล่ะครับสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสาเหตุของความใจร้อนของผม
วันนี้ผมมารับโทษตามที่ผมได้ทำผิดลงไปทุกอย่างนะครับ อาจารย์ปูจะไล่ผมออกก็ได้ ผมเข้าใจดีเพราะที่ผมทำมาทั้งหมดนั่นก็มากเกินพอแล้ว เพียงแต่ผมขอสอบเทอมนี้ให้เสร็จไปก่อนได้ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมก็ไม่มีตังค์จะจ่ายค่าเทอมอยู่แล้ว ถ้าผมถูกออกตอนนี้ ผมก็คงจะไม่ได้เรียนแล้วล่ะครับเพราะคงต้องไปหางานช่วยแม่อย่างเดียว
พูดจบ นอร์นั่งก้มหน้าเหมือนจะรอคำพิพากษา
น้ำตาที่ปกติจะค่อย ๆ ไหลอาบแก้มลงมา แต่นาทีนี้มันเอ่อรวมกันเป็นเม็ดใหญ่เป้ง ๆ แล้วกระเด้งจากตาลงเอกสารที่รองอยู่บนโต๊ะ ดังเปาะ ๆ ๆ ๆ …
นอร์เห็นน้ำตาครูปู ยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
ไม่ไหวแล้วค่ะ
เสียอีกนาทีนึงก็ไม่ควร
ลุกไปทั้งน้ำตาอย่างนั้น อ้อมโต๊ะทำงานตัวเองไปหานอร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วบอก
นอร์มานี่มาลูก ให้อาจารย์กอดที
นอร์คงทำตัวไม่ถูก เลยสวมกอดกลับแบบทื่อ ๆ แต่ครูปูสิคะตั้งใจที่สุดในชีวิตเลยค่ะ
ครูขอโทษนะลูก ขอโทษทีที่เป็นครูที่แย่มาก อยู่กันมา 4 ปี ไม่เคยรู้เรื่องราวในชีวิตลูกเลยได้ยังไง
หลังจากรับทราบรายละเอียดทุกอย่างแล้วจึงวางแผนแก้ปัญหาร่วมกัน ส่งนอร์ขึ้นเรียนเดี๋ยวนั้นเพื่อคืนสภาพปกติให้เขาทันที ต่อจากวันนั้นก็ตามหนีบนอร์เป็นปาท่องโก๋ เพื่อขอร่วมรับรู้รับทราบผลที่เกิดจากแนวทางที่ตกลงกันไว้ทุกเรื่อง
เหตุการณ์นี้ถูก share ในที่ประชุมผู้บริหารและที่ประชุมอาจารย์ที่ปรึกษาประจำสัปดาห์ทันที หลายคนที่ได้ฟังก็อึ้งกันไป ตัวคนเล่าก็ควบคุมเสียงไม่ค่อยอยู่ น้อง ๆ หลายคนเลยน้ำตาซึม ๆ ตามเราไปด้วย
ครูปูว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าค่ะ ที่เห็นลูกศิษย์หลังโก่งก็เลยโมเมกันว่า คงเป็นสไตล์แร๊พโย่เขาล่ะ ชอบเดินเท่กันนัก หลังงอเลยเป็นไงล่ะ
แต่ป่าวเลย!!!
นั่นเป็นร่องรอยบาดแผลที่เด็กได้รับจากการใช้ความรุนแรงในครอบครัวต่างหาก
แย่จริง ๆ เลยเรา
คนเป็นครู ถ้าข้อมูลไม่เพียงพอ ไม่รู้จักลูกศิษย์จริง
แล้วทะลึ่งไปตัดสิน กำหนดชะตาชีิวิตเขาในสภาพที่ไม่รู้แบบที่ครูปูทำ
นอกจากไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังเป็นการผลักไสไล่ส่งให้เขาโดดเดี่ยวเข้าไปอีก
คนที่ไม่มีอะไรเหลือพอจะเป็นเป้าหมายให้ชีวิตได้บ้าง
เจ็บทั้งกาย
โดดเดี่ยวทั้งใจ
จะหันไปทางไหนก็มองไม่เห็นลู่ทาง
มันจะเอาแรงที่ไหนไปฮึดสู้ไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตได้
เพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำไปทำไม?
เพื่ออะไร?
เพื่อใคร?
บันทึกนี้เขียนไว้เตือนใจตัวเองว่าคราวหลังอย่าพลาดแบบไม่น่าให้อภัยแบบนี้อีกนะ… ครูปู
« « Prev : เด็กตีกันจนผู้ใหญ่ต้องหันมามอง
ความคิดเห็นสำหรับ "ครูขอโทษนะลูก"