เจ้าเป็นไผ ๑ จากใจวัยโจ๋
หลังจากอ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ1 จบ รู้สึกว่าตัวหนูนี่เกิดมาสบายจริงๆ อยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ อยากเรียนอะไรท่านก็สนับสนุน แต่อีกมุมหนึ่งของโลกใบเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนที่เลือกเกิดไม่ได้ อยากได้อะไร ก็ต้องพยายามให้ได้มา อ่านแล้วเข้าใจชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
หนังสือเรื่องเจ้าเป็นไผให้อะไรกับเราบ้าง ?…………………..
ให้แง่ คิดหลายเรื่องเลยหล่ะครับ ทั้งการดำรงชีวิตและความเพียรพยายาม ทำให้เรารู้ว่าควรจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร เรื่องที่ผมชอบก็คือเรื่องของ อ.ปู อ่ะครับ…..ในความเห็นของผม อาจารย์เป็นผู้หญิงที่เก่ง มีน้ำใจและกล้าแสดงออก ….” ผมคิดว่าที่อาจารย์ปูมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะความพยายามทั้งนั้นเลย”
……………………………….อ.ปู เป็นอาจารย์ ที่เก่งมากจริง ๆ [นี่ผมไม่ได้แกล้งชมอาจารย์นะ] มันคือความคิดผม !! >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยทำอะไรไม่ดี..ทำให้รู้จักคำว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่อะไรก็เอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกเรื่อง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราเกิดมาโชคดีที่มีพ่อแม่คอยเป็นกำลังส่งให้เราเรียนไม่ต้องไปลำบากอะไร เราก็ควรจะตั้งใจเรียน ในเมื่อเราได้โอกาสมาแล้ว เราก็ควรจะทำให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะบางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะเรียนหนังสือ แต่เค้ายังไขว่่คว้าหาโอกาสนั้น ถ้าเค้ายังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ “เราก็คนเขาก็คน”
….นี่เป็นแง่คิดจากการวิเคราะห์ของผมครับ !!!
ชอบตอนของอาจารย์อ่ะคับ อาจารย์เคยลำบากมาเท่าไหร่ กว่าจะได้มายืนจุดนี้ได้ ขนาดถึงกับถือวิทยุไปอัดเสียงฝรั่ง ผมนับถือเลย !! อาจารย์มีความตั้งใจมาก ถึงแม้ทางบ้านจะไม่พร้อมก็ตาม แต่อาจารย์ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ อาจารย์จึงประสบความสำเร็จ
…ผมคิดว่า คุนค่าของคน ก็คือความตั้งใจนี่หล่ะครับ ^^
ณัตพล เอี่ยมวิไล ปวส.1/4
อาจารย์ปูคะ…ชอบมากค่ะหนังสือเล่ม นี้ แต่หนูยังอ่านไม่จบเลยค่ะ แต่ที่อ่านมาบ้างแล้ว ชอบแทบทุกคนเพราะทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน
ทั้ง 7 คนที่อ่านมามีแนวทางการแก้ปัญหา สู้กับปัญหา ค้นหาตัวเองอย่างแท้จริง แต่ที่ชอบพิเศษของคุณตฤณ ตัณฑเศรษฐี เพราะเป็นคนเก่ง เป็นผู้ริเริ่มอะไรใหม่ ๆ เยอะมากและเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เจ๋งจริง ๆ เลยค่ะ
ส่วนอีกคน ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ถึงชีวิตเขาจะเจอปัญหา แต่ก็มีเรื่อง ฟลุค ๆ บุญหล่นทับหลายครั้ง มีโอกาสในชีวิตเยอะเลยค่ะและที่ขาดไม่ได้..หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อ.ปู จะมีชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมากมายจริง ๆ ฝ่าฟัันทุกอย่างมาด้วยตัวเอง
ได้แนวทางการแก้ปัญหา…สอนให้เรามี สติในการใช้ชีวิตและมีจุดหมายในชีวิต ได้เรียนรู้ว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกคนสามารถสร้างชีวิตของตัวเองได้ ตอนนี้เหมือนกับหนูมีแรงฮึกเหิมที่จะทำให้ชีวิตหนูประสบความสำเร็จบ้าง เพราะทุกท่านที่อ่านมาสอนให้รู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข แก้ด้วยมือของเราและค้นหาตัวตนที่แท้จริงว่าเราเป็นอย่างไร ชอบอะไร และจะทำอะไรต่อไป…และหนูจะนำความรู้ที่อาจารย์ปูมอบนี้กลับไปใช้ให้ สำเร็จให้ได้ค่ะ
หนูชอบตอนของอาจารย์ปูค่ะ เพราะเป็นต้นแบบที่เห็นได้จริงและรู้สึกได้จริง
เพราะไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์มี ชีวิตที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย สู้กับทุกอย่างจนประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะตอนแรกที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หนูคิดว่าอาจารย์ปูต้องมีครอบครัวที่มีฐานะและเพียบพร้อมทุกด้านเพราะ อาจารย์ปูดูสง่างามซะทุกด้าน แต่พอได้อ่าน ทำให้หนูทึ่งในตัวอาจารย์มาก ๆ เป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่มีแรงและกำลังในการต่อสู้มหาศาลจริง ๆ และที่สำคัญทำให้หนูเลิกกลัวอาจารย์ปูแต่กลับกล้าที่จะเข้าใกล้และรู้สึกว่า รักอาจารย์คนนี้จัง อาจารย์มอบของขวัญในวันครูที่มีค่ามากมายเหลือเกิน
น.ส.ปอแก้ว โพธิ์มณี ปวส.1/1
สวัสดีค่ะอาจารย์ปู หนูชื่อนางสาวรุ่งรัชนี ธนเมธางกูร ปวส.1/5 สาขาการตลาด
หนูได้อ่านหนังสือแล้ว หนูรู้สึกว่าอาจารย์ปูเป็นคนที่เก่งมากมากเลย หนูอ่านแล้วมีบางตอนก็หัวเราะ เป็นตอนที่อาจารย์จะไปโรงเรียนแต่คุณแม่ของอาจารย์ลืมปักชื่อที่นอนแล้ว อาจารย์ก็ร้องไห้จนสลบไป หนูฮามากเลย จนคุณแม่อาจารย์ปักเสร็จ แล้วก็เรียกอาจารย์อ่ะค่ะ ฮามากมากเลย ทำ้หนูเศร้า้ตอนที่อาจารย์ไปอยู่กับอาแล้วไปนอนในห้องเก็บของที่มีแต่ฝุ่น มีช่วงหนึ่งที่อาจารย์คิดถึงแม่ของอาจารย์แล้วโทรศัพท์ไปหาท่าน ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ไม่เคยพูดหวานหวานหรือแสดงความรักกับท่านเลยแล้วอาจารย์ก็ไปบอก ท่านว่า..หนูคิดถึงแม่…ทำเอาหนูซึ้งเลยค่ะ เพราะหนูก็ไม่เคยแสดงความรักกับพ่อแม่หนูเหมือนกัน หนูไม่เคยพูดหรือคุยแบบหวานหวานเลย และตอนที่อาจารย์ไปเรียนแล้วก็มีเรื่องกับเด็กผู้ชาย โห…อาจารย์เก่งมากเลยสู้ได้ไง แรงผู้ชายนะคะกัดเขาจนเนื้อเกือบขาดสุดยอดเลยอาจารย์
เวลาผมทะเลาะกับแม่แล้วผมพูดคำแรง ๆ ออกไปพอกลับมานึก ผมก็เสียใจทุกครั้ง
ผมจึงคิดว่า ถ้าผมพูดอะไรออกไปผมจะคิดก่อนที่จะพูดหรือฟังใครก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจว่าดีหรือไม่ดี
นายอดิศร ดีคุ้ม ปวส.1/5
ข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ
โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือแบบมีสาระอยู่แล้วใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆ
ถ้าหนังสือที่ชอบอ่านบ่อยที่สุดก็จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับดาราหรือคนในวงการบันเทิง
ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแต่พออาจารย์ สั่งให้อ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ
เชื่อรึเปล่าคะว่าหนูใช้เวลาอ่านอยู่ 3 วัน กว่าจะจบ พออ่านจบแล้ว ก็ได้ข้อคิดว่า
ไม่ว่าคนเราจะเกิดมาจนหรือว่ารวย แต่เราก็ยังคงความเป็นคนเหมือนกัน
มีชีวิต มีความรู้สึก และรู้ผิดชอบชั่วดี และหนังสือเล่มนี้ได้ให้ข้อคิดหลายอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตการต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
คิดว่าโชคดีมากที่เกิดมามีทั้งพ่อและแม่ที่คอยให้ความรักและการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
และหนังสือเล่มนี้ทำให้คิดถึงอนาคตขึ้นมาว่าถ้ามัวแต่ทำตัวอย่างนี้
อนาคตข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร คิดว่าหนทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง
และเราพร้อมที่จะรับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ เราเข้มแข็งพอรึยัง
เพราะการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องอาศัยความขยันความตั้งใจ
ความอดทนอดกลั้น และการเอาชนะต่อความรู้สึกของตัวเอง
คนเราต้องมีจุดมุ่งหมาย ความฝัน และต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเรา
อีกทั้งความกตัญญูก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลา
ถ้าถามว่าได้อะไรจากการอ่านและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
ทำให้มองโลกกว้างขึ้น มองเห็นความลำบากของผู้อื่น และคิดว่าการที่เราจะมีจุดยืนเป็นของตัวเองได้นั้น เราต้องยืนหยัดอยู่ในสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้ รู้จักช่วยตัวเองก่อนที่จะหวังไปพึ่งคนอื่น และคำ ๆ นี้ทำให้ดิฉันเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง การที่เราไม่รู้ค่าของตัวเอง เป็นการสูญเปล่าที่ไม่น่าให้อภัย อ่านแล้วรู้สึกว่าคำ ๆ นี้มีความหมายมากและรู้สึกว่ามันครอบคลุมทุกอย่างไว้แล้ว ต่อไปก็คงไม่ทำตัวไร้สาระจะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด เพราะต่อไปภายภาคหน้าคงจะต้องเจออะไรอีกเยอะ
นางสาวมณีนุช จันนอก ปวส.1/2 เลขที่ 30
จักรินทร์ มีชัย ปวส.1/3 เลขที่14
ได้ข้อคิดเห็นดังนี้
จากที่ได้อ่านมา ทำให้หนูรู้สึกว่า กว่าที่ทุกท่านจะมาถึงจุดนี้ ทุกท่านต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี… แต่ประวัติของบุคคลที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นของอาจารย์ปูมั้งคะ เพราะว่าอาจารย์ปูที่โรงเรียนมีตำแหน่งใหญ่พอสมควร เมื่อเริ่มต้นอ่านประวัติของอาจารย์ปูที่ผู้แต่งเกริ่นไว้ว่า “เรื่องของลูกกำพร้า นิยายดาวพระศุกร์ชิดซ้ายตกขอบเลยเชียวแหละ”
ก็งงว่า เอ่… ประวัติของอาจารย์ปูจะเศร้าขนาดนั้นเลยหรอ เพราะที่หนูรู้จัก คือ อาจารย์เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม เป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต ฐานะทางบ้านก็ต้องดีด้วยเป็นแน่
แต่… เมื่ออ่าน ก็ทำให้รู้ว่ากว่าที่อาจารย์ปูจะมาถึงจุด ๆ นี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่อง การถูก Anti จากญาติ ๆ ของพ่อ และเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย (ถ้าหนูอ่านไม่ผิดนะ) แต่อาจารย์ปูก็ยังสามารถผ่านและทนต่อสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ทำให้หนูประทับใจมากกับการตัดสินใจ ที่จะเลือกไม่มองว่าใครไม่ชอบเรา แต่ถ้าเป็นหนูละก็ คงต้องวิตกกังวลอยู่แน่ ๆ เลย ว่าคนนู้นคนนี้จะมองหนูด้วยสายตาเช่นไร เนื่องจากหนูไม่ใช่ผู้หญิงนี่คะ
ยังไงก็ตาม เมื่อหนูได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รู้สึกว่ากว่าที่ทุกคนจะยืนอยู่บนที่สูงได้ ต่างก็ต้องมาจากที่ต่ำกันทั้งนั้น ขอบคุณอาจารย์ปูมากเลยค่ะ ที่ให้อ่านหนังสือ มีข้อคิดและคติเตือนใจมากมายขนาดนี้
http://lanpanya.com/sutthinun/?p=1444 หนูแอบไปเห็น Website นี้มาค่ะ ทำให้รู้ว่าอาจารย์ปูของเรานี่ก็ดังใช่ย่อยเลยนะเนี่ย>w< และนี่ก็คือข้อคิดทั้งหมดค่ะอาจารย์
จาก ลูกศิษย์ VBac
“เจ้าเป็นไผ”
จากการที่หนูได้อ่านพ็อกเก๊ ตบุ๊คเล่มนี้ เริ่มจากการอ่านคำนิยมของหนังสือ ก็คิดว่ามันน่าเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิต ซึ่งหนูก็ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่หนูคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิต เพราะบางอย่างอาจจะเลวร้ายเกินไป แต่พอได้อ่านไปเรื่อย ๆ กลับมีความคิดอย่างนึงว่า “ถ้ามีความพยายามมากเท่าไรก็จะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น” ซึ่งจากเรื่องของอาจารย์ปู ก็ทำให้หนูอดคิดไม่ได้ว่า หนูลำบากน้อยกว่าอาจารย์เยอะ!!!
เพราะเมื่อตอนหนูเรียนชั้น ประถมที่ต่างจังหวัด (นครศรีธรรมราช) หนูก็ลำบากมาก (ในความรู้สึกของหนูนะ) คือตอนนั้นอยู่กับคุณยาย เวลาไปเรียนหนูจะได้เงินไปประมาณ 2-3 บาทเท่านั้น โดยการนำขนมที่ยายทำไปขายที่ รร. ซึ่งถ้าวันไหนขายหมดก็จะได้เงินไปซื้อขนมหรืออย่างอื่นกิน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็กินขนมที่เอามาขาย เป็นอย่างนี้ทุกวันและเป็นอยู่ประมาณ 6 ปี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ตอนนั้นหนูไม่คิดว่ามันลำบากหรอก เพราะยังเด็กและยังไม่คิดอะไรมาก อีกอย่างอยากไปเรียนมากจึงทำทุกอย่างที่จะได้เงินมาซื้อกับข้าวกิน ไม่ว่าจะเก็บผัก ผลไม้ ทำขนม เดินไปขายที่ตลาด เดินประมาณ 8 กม.ในตอนตี 2 กับยายทุก ๆ วัน
เวลาที่ฝนตก ก็อดคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้ จนบางครั้งแอบไปนั่งร้องไห้อยู่ริมหน้าต่าง เพราะท่านทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะได้เจอกันแต่ละครั้งก็ต้องรอเป็นปี ๆ ปีละประมาณ 2 ครั้งได้ พอหลังจากจบป.6 ก็ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ฯ เป็นต้นมา ทำให้คิดได้ว่า ตอนนั้นเราลำบากจริง ๆ เนอะ แต่ก็ภูมิใจที่สามารถผ่านชีวิตแบบนั้น เพราะนั่นคือกำไรชีวิต เพราะสามารถทำให้หนูตระหนักอยู่เสมอว่าหนูเคยลำบากมาแล้วไม่กลัวอุปสรรคหรือ ความยากลำบากเลย
หนูจะสู้เพื่ออนาคตและความฝันของหนู เหมือนกับอาจารย์ปูคนนี้ ที่หนูไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยว่าอาจารย์ได้ผ่านอะไรมาบ้าง แต่พอได้อ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค”เจ้าเป็นไผ”แล้ว ถึงได้รู้อย่างเต็มอกเต็มใจว่ายังมีคนที่เคยลำบากมากกว่าเราอีกร้อยเท่าพัน เท่า และอีกมากมายในโลกกลม ๆ ใบนี้…
หนูว่านะอาจารย์เป็นบุคคลที่มีความอดทนและความพยายามสูงจริง…กว่าจะก้าวมา ถึงขั้นนี้ คงจะเหนื่อยและมีกำลังใจมากเลยทีเดียว ทำให้ตอนนี้หนูคิดที่จะฮึดสู้!!!ขึ้นมา เพื่อที่จะขวนขวายหาความสำเร็จให้ชีวิต ไม่ว่าจะไกลซักแค่ไหนก็ไม่ถอย…
ขอขอบพระคุณอาจารย์ปูมากที่ทำให้หนูได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากหนังสือ เล่มเล็ก ๆ เล่มนี้…ขอบพระคุณจริงๆครับ
นายโกวิทย์ ส่งเสริม ปวส.1/5 การตลาด
เห็นไม๊คะ
ของเค้าดีจริง ๆ ค่ะ
(^________________^)
« « Prev : วิบากที่คนน่าหมั่นไส้อาจได้เจอ
Next : สมดุลของการให้และรับ » »
ไม่มีความคิดเห็น
เป็นความอิ่มเอิบใจที่ได้เห็นความรู้สึกจากวัยโจ๋นะจ๊ะ ขอบคุณมาก ๆ หายเหนื่อยกันเลยเนาะ.. หลังจากที่มีความสุขตอนหนังสือเสร็จ ^ ^
เป็นความคิดและการกระทำที่เข้าท่ามาก ที่เอาไปให้เด็กอ่านแล้วแสดงความเห็น เขาเรียนรู้อะไรในสาระที่ผ่านมาของชีวิตคนอื่น ซึ่งจะมีส่วนต่อการกำหนดชีวิตเขาเองไม่มากก็น้อยครับ
ดีใจค่ะที่สิ่งที่ทำทำกันมาเกิดประโยชน์กับวัยโจ๋ และเห็นด้วยกับพี่บูธเลยค่ะว่าเป็นความคิดที่เข้าท่ามาก ชมชมชมชม…จริงๆค่ะ
ช่วงแจกจ่าย จปผ๑ นี่ น้ำหนักลดลงไปหลาย(ขีด)อยู่ค่ะ เพราะสาระวนอยู่กับการตอบคำถามหรือไม่ก็ตั้งวงสนทนากับผุ้ที่ได้อ่านแล้วทั้งที่โรงเรียน ใน msn รับตอบทาง email ทั้งตามสายโทรศัพท์จากเพื่อน ๆ แต่มีความสุขมากค่ะ
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักนี่ใช่เลยค่ะ
นักเขียน จปผ ทุกคนคงตั้งใจให้ชีวิตตัวเองเป็น case study
ที่พอจะสะท้อนมุมมองของชีวิตจริงได้บ้าง
พอผลออกมาได้ตามนั้น
แหม มันปลื้มบอกไม่ถูกจริง ๆ ค่ะ ไม่เชื่อถามป๋าดูสิคะ อิอิ
(^_______^)
The 5 year OS was 94 order cialis Minor 1 morphine and eucalyptus both increase sedation