วิบากที่คนน่าหมั่นไส้อาจได้เจอ

โดย krupu เมื่อ 24 สิงหาคม 2009 เวลา 20:15 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต, มุมมองของชีวิต, เจ้าเป็นไผ #
อ่าน: 17652

เมื่อสอบติดทั้งสองที่ วิธีตัดสินใจก็คือเลือกเรียนที่เดียวกับเพื่อนซี๊ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.1 ซะเลย ได้ทำกิจกรรมทุกอย่างร่วมกัน ออกค่ายอาสา เล่นกีฬา คุมเชียร์ จนถึงทำงานองค์การนักศึกษาทั้งที่เป็นแค่้น้อง ปี.1

พวกรุ่นพี่องค์การนักศึกษาก็คงดีใจ ที่ได้เจอน้องใหม่ เฮฮา แถมขยันช่วยงานทุกอย่างแบบนี้ จึงให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ จะออกค่าย จะประชุม จะจัดงานประจำปี จะไปเที่ยวชายหาด จะสะพายเป้โบกรถ จะเหมาเรือไปดำน้ำก็จะหนีบไปด้วย ติดสอยห้อยตามไปประชุม (เที่ยว) วิทยาเขตต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

โดยเฉพาะเจ้าปู ไปมันทุกทริปขอให้บอก กลัวอะไรซะที่ไหนล่ะ เหอ เหอ


(ไม่งั้นจะได้ฉายาน้องปูโนพลอมแพล็มเหรอคะ :P )

อาจเพราะวางตัวห้าว ๆ แต่ชัดเจน ไปไหนกับรุ่นพี่หนุ่ม ๆ จึงไม่มีปัญหาเลย

คิดดูก็แล้วกันค่ะ ออกจะวี๊ดวิ่วขนาดนี้ (แหวะ!)

แต่ไม่เคยมีหนุ่มหน้าไหนกล้ามาจีบตลอดเวลาที่เรียนอยู่เลยก็แล้วกัน

แถมตัวเองก็ไม่ปิ๊งไผซักกะแว่ปเลยจริงจริ๊ง ให้ดิ้นตาย

(เฮ้อ.. อายเหมือนกันนะเนี่ยะ)

ด้วยความซ่าส์สุด ๆ ทำให้มักถูกมองว่ามาติดรุ่นพี่หนุ่ม ๆ ในองค์การฯ ซะล่ะม้าง

เช้าก็ปั่นจักรยานมารับไปเรียน  เย็นก็มารับกันไปกินข้าว รุ่นพี่ทุกคนผลัดเปลี่ยนมารับน้องทุกคนถ้วนหน้า บรรยากาศแบบพี่ๆ น้องๆ ไม่มีเรื่องกิ๊กแก๊กเข้ามาให้ปวดขมอง ทำให้วางตัวกันได้อย่างสนิทใจ เย็นไหนซ้อมแบดมินตัน พวกพี่ ๆ เพื่อน ๆ ก็ตามไปนั่งเฝ้าพร้อมโห่ฮาให้เขว จะได้เลิกซ้อมแล้วรวมหัวไปกินข้าวเย็นกันเป็นหมู่คณะเร็ว ๆ

ทำตัวเปิ๊ดสะก๊าดออกอย่างนี้ ไอ้นู่นก็ทำได้ ไอ้นี่ก็จะทำ เสียงดังแจ๋น ๆ หัวเราะก๊ากๆๆ ทั้งวัน ทุกที่ ไม่มีเคอะเขิน เดี๋ยวก็จับไมค์ เดี๋ยวก็ขึ้นเวที

แหม… ยัยสาวมั่นพันปูเซ็น :P

ของแถมจะเป็นอื่นใดไปมิได้นอกจาก “ความหมั่นไส้” ที่ต้องได้รับจากปวงประชาฮาเฮเป็นแน่แท้

และแล้วการติดกันไปติดกันมา ก็เป็นเรื่อง

เพื่อนซี๊กลายเป็นคนเก็บตัว ตื่นเช้าก็หนีไปเรียนก่อนไม่รอกันเหมือนเคย หายตัวไปทั้งวัน เข้าหออีกทีก็ดึกดื่น กลับมาก็รีบคลุมโปงหลับ เหมือนกลัวเราจะถาม เดินสวนกันก็ไม่ยอมสบตา ทั้งมึนและงง ไม่กล้าถาม กลัวเพื่อนจะมีปัญหาส่วนตัวประเภทที่น่าอายบอกใครไม่ได้ เพื่อนมันอยากอยู่คนเดียวหรือเปล่าหว่าี ปล่อยเพื่อนไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเขาพร้อมแล้วคงเล่าให้เราฟังเองแหล่ะ

เลยได้แต่จ๋อง ๆ ด้วยความเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ

แม่ปูจอมซ่าส์ไม่ช้าก็เริ่มเฉา ไม่ค่อยกล้าพูดมาก กลัวคนจะถามเรื่องเพื่อนซี๊ที่ตัวเคยติดกัน เมื่อถูกถามก็ทำได้แค่มองหน้ากับเพื่อนที่เหลือตาปริบ ๆ เพราะไม่มีคำตอบให้ใครจริง ๆ

ห่วงเพื่อนก็ห่วง งงก็งง เริ่มสงสัยตัวเองตะหงิด ๆ

นี่เราพูด หรือทำอะไรให้เพื่อนโกรธหรือน้อยใจหรือเปล่าหว่า

แต่คงไม่ใช่เราหรอก สงสัยเป็นเพื่อนอีกคนแหง ๆ

(มั่นใจๆ โยนๆ)

น่านะ…เดี๋ยวมันก็หาย

จู่ ๆ เพื่อนคนนี้ถูกพ่อแม่รับตัวกลับบ้านที่ต่างจังหวัดทันที ท่ามกลางความมึนงงเป็นปูตาแตก

เอ๋อเหรอกับเหตุการณ์นั้นอยู่เป็นเดือน แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่?

เมื่อได้รู้ภายหลังว่าเพื่อนคนนี้ไปสารภาพกับรุ่นพี่คนหนึ่งว่า ครูปูเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เพื่อนต้องเลือกทำอย่างนั้น จึงได้ถึงบางอ้อกับเขาเสียที

“พี่คิดดูนะ หนูไม่เคยสำคัญเลยในสายตาพวกพี่ ๆ หนูสู้ปูมันไม่ได้ซักอย่าง หนูไม่เด่นเท่ามันนี่  เล่นกีฬาก็ไม่เป็น อ้วนก็อ้วน พูดก็ไม่เก่งเหมือนมัน เอาใจใครก็ไม่เป็น พวกพี่ ๆ ติดปูทุกคนเลยเห็นไม๊ ใคร ๆ ก็เรียกแต่ปู ไม่มีใครสนใจหนูเลย”

หนำซ้ำพี่ ๆ ยังเฉลยให้สาแก่ใจอีกว่า

“รู้ตัวไหม ตลอดเวลาที่มันเป็นเรื่องอยู่ พวกพี่ได้ยินเรื่องไม่ดีของปูเยอะมาก เอาพวกพี่ไปว่าที่หอพักบ้างล่ะ นินทาเพื่อนคนนู้นคนนี้ลับหลังบ้างล่ะ ว่าพวกพี่เอาเปรียบรุ่นน้องบ้างล่ะ อมเงินองค์การฯ บ้างหล่ะ  แต่พวกพี่ไม่เชื่อนะ ปูไม่ได้ออกแนวนั้น เห็นบ่นถึงเขาทุกวันด้วยซ้ำ พวกพี่ก็คุยกันตลอดนะ และรู้ว่าใครเป็นอย่างไร   ได้แต่กังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างหนูกับเพื่อน ไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบบอกปูนะ ถ้าเรื่องมันไม่แดงแบบนี้ ปูไม่มีทางเชื่อพวกพี่แน่ ๆ”

หน้าชา น้ำตารื้น สับสน กระอักกระอ่วน  ภาพความหลังดี ๆ ที่มีให้กันมาตลอด 7 ปี ฉายวนซ้ำไปมาเหมือนหนัง cable ทีวีรายเดือน

เพิ่งรู้ว่าเรื่องของน้องใหม่ 2 คนแย่งกันจีบรุ่นพี่คนเดียวกัน ที่เป็นที่มาของปรากฎการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดให้ใคร ๆ ได้เมาท์กันสนุกปากนั้น มีเราไปร่วมเป็นดารานำ 1 ในนั้นด้วย

ไอ้เรื่องที่ถูกมองว่ามาช่วยงานแบบไม่จริงใจ มาประจบประแจงหรือเข้ามาพิศวาสรุ่นพี่หนุ่ม ๆ หน้าไหนก็ตามแต่

เทียบไม่ได้เลยกับความตกตะลึงว่า

“เพื่อน” ช่างไม่รู้จักเราเลยหรือนี่  คิดได้อย่างไรว่าเราเป็นคู่แข่งเรื่องอย่างนั้น ตัวติดกันตลอดเวลา รู้ทุกอย่างที่เราคิด แทบจะนับเป็นคน ๆ เดียวกันก็ว่าได้

อ่านเราไม่ออกสักนิดเลยเหรอเพื่อนเอ๋ย

หรือเราแอบเผลอไปมีทีท่ากับใครเมื่อไหร่ (ฟะ)

แล้วนอกจากเรื่องนี้แล้ว เธอจดจำความทรงจำดี ๆ ระหว่างเราเรื่องอื่น ๆ ได้บ้างไหม

และเสียใจที่สุดเพราะไม่เคยคิดว่า่เพื่อนรักของเรา

จะกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ร่วมวง “หมั่นไส้” ตัวเองไปได้

ถึงกับยอมเอาความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน ศักดิ์ศรีและอนาคตเข้าแลกจนหมดตัว เพียงเพื่อให้ได้ความรู้สึกที่ว่า

“อย่างน้อยฉันก็เหนือกว่าเธอเรื่องนี้นะ ยายปู”

ถึงวันนี้ แม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงความทรงจำสีจาง ๆ ไปแล้ว

แต่คุณลักษณะน่าหมั่นไส้ของครูปูยังอยู่ครบค่ะ  แฮ่ ๆ :P

การันตีโดยเพื่อนฝูงและกิ๊กเก่าที่บ้านเกิดทั้งหลายแหล่ อิอิ

เพียงแต่ต้องพยายามควบคุมการแสดงออก

ระมัดระวังคำพูด

หัดสังเกตปฏิกริยาของคนรอบข้างบ่อย ๆ

เพราะ “ใจ” ใคร ๆ พอได้่เสียไปแล้ว

การยื้อคืนนั้นยากกว่าการระมัดระวังที่เรายังพอจะทำได้เยอะค่ะ

และคำอธิบายมากมายแค่ไหน

บางครั้งก็ชดเชยได้ไม่หมด

ไม่ทัน

Post to Facebook

« « Prev : น่าเสียดาย

Next : เจ้าเป็นไผ ๑ จากใจวัยโจ๋ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4873 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 5.7995901107788 sec
Sidebar: 0.16699194908142 sec