หัวหน้าบ้า ๆ บอ ๆ

อ่าน: 79920

ด้วยงานแบบบู๊ ๆ ลุย ๆ อาจารย์งานพัฒนาวินัย ฯ มักเหนื่อยล้ากว่าส่วนอื่น ๆ ครูปูจึงจัดกิจกรรมทัศนศึกษาพาน้อง ๆ เที่ยวเชิงหลั่นล้ากันทุกปี  เมื่อสองปีที่แล้วหลังน้ำลด เราเห็นตรงกันว่าควรไปอยุธยา จะได้แวะไปช่วยกันจัดบ้านและข้าวของให้กับเพื่อนคนหนึ่งในอำเภอบางบาลที่ถูกน้ำท่วมเสียหายด้วย พักคืนหนึ่งรุ่งขึ้นก็ไปช่วยอีกหลังที่อ่างทอง วางแผนแบ่งงานกันอย่างลงตัว กำหนดการก็ถูกวางไว้อย่างครื้นเครง แวะไหว้พระไปด้วย หาอะไรอร่อย ๆ กินกันไปด้วยตลอดทาง

อยุธยา

เมื่อเดินทางไปถึงบ้านเป้าหมายก็ลงมือทันที ได้เนื้องานด้วยความสนุกสนานครื้นเครงตลอดวัน ชาวบ้านเห็นทีมหนุ่ม ๆ 2-3 คันรถ แห่กันมาช่วยปรับพื้นที่ โกยดิน ขนขยะไปทิ้งให้ ก็คงชอบ ยกขนม กล้วย ข้าวต้ม กับข้าวมาวางไว้ให้ ทำไปทำมาบ้านที่จะบูรณะก็กลายสภาพเป็นบ้านงานไป เพราะแค่พักเดียวก็มีใครไม่รู้ มาปีนเสาติดไฟสี ๆ ให้ มีโต๊ะกลมมาวาง ผ้าแดงปู โต๊ะจีน อย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะค่ะ ^^

ทีมเราที่ไปกัน 10 กว่าชีวิต ก็เป็นคอเฮไหนเฮนั่นกันอยู่แล้ว แถมเป็นมือสันทนาการหาตัวจับยากกันทั้งนั้น พักเดียวก็เนียนไปกับชาวบ้านได้ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งอาสา ทำไปพูดคุยแลกเปลี่ยนสรวลเสเฮฮากันไป ตกค่ำก็ต่อคาราโอเกะ ร้องรำลั่นทุ่งกันไป โดยไม่มีบุหรี่หรือแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่ประการใด ^^

บ้านทรงไทย

สังเกตว่ามีแต่ผู้ใหญ่เฝ้าบ้านทุกหลังไป พอจะมีสาว ๆ กลางคนบ้างก็คงเพราะมีลูกเล็ก ๆ จึงต้องอยู่ดูแล นอกนั้นเป็นผู้สูงอายุทั้งหมด บ้านของอาจารย์ที่เราไปเยี่ยมนี่คงหนักสุด มีคุณพ่ออายุ 80 อยู่บ้านคนเดียว ยังคงเดินหลังโก่งไปทำนา และทำกิจวัตรทุกอย่างตามลำพังเป็นประจำ  เห็นภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุในบ้านเรา ที่ลูกหลานหนุ่มสาวเลือกไปใช้วิถีชีวิตในเมืองกันได้อย่างชัดเจน

ครูปูก็นั่งโม้กับลุง ๆ ป้า ๆ บ้างก็เอน บ้างก็นอน ปรับทุกข์เล่าเรื่องลูกเรื่องหลานให้ฟัง ยังกับเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวก็มิปาน ^^

อยุธยา


เช้าวันกลับสังเกตว่าทุกคนยิ้มแย้มหยอกล้อกันอย่างมีความสุขตลอดเวลา มองไปแล้วเหมือนแต่ละคนเป็นลูกหลานบ้านนั้นจริง ๆ ไม่มีความเขินอาย หรือละล้าละลังจะหยิบจับช่วยเหลืองานใด ๆ เลย  แทนที่จะแสดงความอิดโรย จากการถูกหลอกว่าจะพามาเที่ยวแล้วต้องมาลุยงานหนักกว่าอยู่วิทยาลัยเสียอีก ทุกคนกลับดูอิ่มเอมจากการให้กันโดยถ้วนหน้า

ททมาโน ปิโย โหติ  ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก จริง ๆ เนาะคะ ^^

ช่วยน้ำท่วม

ขากลับยังได้รับขนมของฝากจากบ้านนู้นหน่อยจากบ้านนี้นิด พวกเราก็ไม่ลืมอุดหนุนสินค้าของแต่ละบ้าน ทั้งข้าวโพดหวานที่เด็ดมาจากไร่ใหม่ ๆ และขนมหวานของดีจากศูนย์กลางของชุมชนบางบาล ก่อนจะออกจากหมู่บ้านเจ้าถิ่นกำชับนักกำชับหนาว่าจะต้องแวะไปสักการะหลวงพ่อใหญ่ ที่วัดไทรน้อยให้ได้ ทีมเราจึงดิ่งไปยังจุดหมายดังกล่าวทันที

รำแก้บน

จอดรถป๊าด… แม่หัวขบวนตาไวก็เริ่มตั้งข้อสังเกตก่อนเพื่อน
“เอ งานบวชใครหว่า ดูดิ่ คุณยายแก่จนจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว รำเฉิบ ๆ อยู่คนเดียว ทำไมขบวนเขาดูเหงา ๆ เซ็ง ๆ กันจังหว่า”

จำไม่ได้ว่าใครตอบกลับมา

“อาจารย์ปูครับ ผมว่าคนเขาก็รำให้มันเสร็จ ๆ ไปพอเป็นพิธีมังครับ”

“อ้าว เหรอ งั้นระหว่างรอเนี่ยะ เราก็ไปช่วยเขารำดีไหม ได้บุญนาเฟ๊ย พี่เคยได้ยิน ว่าแล้วก็ลุยเลยดีกว่านะ อิอิอิ”

แม่คุณไม่รอช้า ตั้งวงรำเฉิบ ๆ ไปโค้งคุณยายขอเข้าขบวนทันที ลูกพี่ออกลูกบ้าอย่างนี้แล้ว ลูกน้องจะรอดไหมล่ะค่ะ ฮ่า…

ชาวบ้านในขบวนมองด้วยความมึนงงกันพักเดียว ก็ยิ้มรับ คนที่เดินเฉย ๆ ไม่รำก็มารำเป็นเพื่อนกับพวกเรา หนุ่ม ๆ ขบวนเราก็ไปอาสารับกลองยาวมาแบกแล้วก็ช่วยตีกันดังลั่นทุ่งกว่ามืออาชีพเขาเสียอีก ใครมีท่าทีเงียบ ๆ เหงา ๆ พวกเราก็ไปรำล้อมหน้าล้อมหลังให้ได้เขินอาย จนต้องตั้งวงรำตอบกับเราไปด้วย

รำแก้บน

เมื่อเห็นว่าคุณป้าคนโห่ต้นเสียง เสียงเบาและแหบไปแล้ว จึงรีบอาสาทันที

“คุณป้าขา เดี๋ยวหนูช่วยโห่ ดีไหมคะ”
“เออดี ๆ อีหนูเอาเลย โอยมีน้ำใจจริง จริ๊งช่ะ ลูกใครวะเอ็งอะ”

คิดว่าถ้ามัวแนะนำชื่อบุพการีกัน คงเป็นการเสียเวลา เพราะยังไงแล้วคุณป้าแกก็คงไม่รู้จักบุพการีของเราอยู่ดี อย่ากระนั้นเลย

“โห่………………………ฮี้……………..โห่………ฮี้…..โห่….ฮี้….โห่….ฮี้…..โห่….ฮี้… โห่…..ฮี้….โห่ย………….”

ลูกน้องขานรับ

“ฮิ๊ว………………………………………………………………………….”

โห่ด้วยความเมามัน และสำเนียงที่แล้วแต่ขณะนั้นจะนึกครีเอทออกมาได้ไปหลายสิบรอบ ขำก็ขำ ไม่เคยทำอะไรมันขนาดนี้มาก่อน หันไปมองพวกน้อง ๆ  ทุกคนล้วนขำำกันน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แต่ก็สนุก  จนน้องผู้หญิงคนนึง ขำจนรำต่อไม่ไหว นั่งยอง ๆ เช็ดน้ำตาอยู่ข้างทาง

พอโห่และรำรอบโบสถ์จนครบ 3 รอบแล้ว จึงนั่งพัก มีคนเอาน้ำมาเสิร์ฟบริการผ้าเช็ดหน้าเช็ดตา ก็เพิ่งจะมาตั้งข้อสังเกตกัน

“เอ แต่เราเดินรำกันไม่ทันเห็นนาคสักรอบนึงเลยเนอะ คงอยู่ในโบสถ์แล้วแหละ เข้าไปกราบพระแล้วชมนาคกันสักนิดก่อนกลับดีกว่าเนอะเรา”

เสียงไอ้เจ้าน้องคนหนึ่งกระซิบข้างหูเบา ๆ

“อาจารย์ปูครับ ผมก็สงสัยเลยเดินไปถามป้าหัวหน้าขบวนมาแล้ว แกบอกว่า แกเป็นคณะรำแก้บนไม่ใช่งานบวชหรอกครับ แต่ผมเห็นอาจารย์ปูเริ่มไปแล้ว ก็เลย เอ่อ… เลยตามเลยอะครับ”

“เง้อ!……………………..”

เพิ่งเข้าใจคำว่า “หน้าแตก” ก็วันนี้แหละค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือมันเหวอ ๆ โหวง ๆ แสบ ๆ อาย ๆ ระคนกันไปอะค่ะ แต่ก็ไม่วายตะโกนบอกพรรคพวกที่เหลือให้ได้ระเบิดหัวเราะกันเป็นหมู่คณะ รวมทั้งยังหน้าไม่อายไปบอกชาวบ้านแถวนั้นด้วยว่า พวกหนูเข้าใจผิดนะเนี่ยะ นึกว่าขบวนแห่นาค ทีนี้เลยได้ฮากันทั้งตำบลบางบาลไปอะนะ ^^

เที่ยวอยุธยา

วันนี้คุยกับน้อง ๆ เรื่องความรับผิดชอบในการทำงาน บอกน้อง ๆ ไปว่าอะไรที่ครูปูมอบหมายไปแล้วขอให้ปฏิบัติตามนั้นได้เลย ได้ผลเป็นอย่างไร ติดตรงไหน ขอให้บอก หากปรากฎว่าเกิดความเสียหายจากคำสั่งนั้น ๆ ความผิดจะอยู่ที่ครูปูแต่เพียงผู้เดียว ขอให้สบายใจได้เลย

พูดไปก็ย้อนเรื่องนี้เอามาขำกัน แล้วบอกน้อง ๆ ว่าการเป็นหัวหน้าเขานี่ ไม่ได้ดูเท่เพราะได้เป็นเจ้าของการตัดสินใจเท่านั้นหรอกนะคะ ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบด้วย เพราะวินิจฉัยหรือคำสั่งที่หัวหน้าปล่อยออกไปต้องมั่นใจว่าไตร่ตรองมาอย่างดี มีข้อมูลประกอบเพียงพอ เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่งผลด้านลบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุด หากเกิดผลด้านลบดังกล่าวขึ้นจริง ก็ต้องเป็นคนแรกที่แสดงความรับผิดชอบอีกด้วย

เรื่องเล่าขำ ๆ แบบด้านบนนี่ วันหนึ่งคงขำไม่ออก ถ้าครูปูโดนผู้ใต้บังคับบัญชาต่อว่าโทษฐานที่พาเขาไปเหนื่อย ไปอาย ไปร้อน ไปบ้า โดยไม่ใช่หน้าที่ (ดีนะที่เราบ้านำไปก่อน เลยไม่มีใครบ่นว่าอะไร)

เอ หรือว่ามีหว่า ใครผ่านมาทาง VBAC ก็ลองสอบถามทีมนี้ดูก็แล้วกันนะคะ ^^

อาจารย์ VBAC


สงกรานต์แถวบ้านหนู

อ่าน: 73882

ช่วงเทศกาลสงกรานต์มักมีแต่คนที่กระตือรือร้นอยากจะเดินทางกลับบ้านหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกันทั้งนั้น  ครูปูจึงมักเลือกปักหลักอยู่ “กุงเต้ป”  เพื่อจะได้เคลียร์งานแทนน้อง ๆ อั้นไว้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปกระดี๊กระด๊าตอนเขากลับกันมาหมดแล้วดีฝ่า ไม่ต้องไปแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ไม่อยากเป็นอีกรายชื่อหนึ่งในสถิติอุบัติเหตุประจำเทศกาลให้ใครต้องมานั่งลุ้นกันหน้าจอทีวี ทางบ้านก็สบายใจ ไม่ต้องคอยเป็นห่วง

ระหว่างนั่งอยู่ในแท็กซี่จึงสบโอกาสสำรวจบรรยากาศวันสงกรานต์แถวบ้านเสียเลย

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

อ่านต่อ »


คบกันทนจน 40 ปี

อ่าน: 113006

ตอนเด็ก ๆ แถวบ้านที่สุราษฎร์เขามีแต่ลูกชายกันทั้งนั้น พอมีครูปูไปอยู่ก็เลยเหมือนเป็นของแปลก?  ที่บ้านคงคิดจะหาเพื่อนเล่นให้นะคะ โชคดีที่บ้านถัดไปอีกสองหลัง เกิดมีลูกหลงคนสุดท้องเป็นลูกสาวอายุเท่าครูปูเด๊ะ เลยถูกจับคู่ให้เป็นเกลอกันตั้งแต่อายุได้ขวบเดียว

คำว่า “เป็นเกลอกัน”  ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าเขาต้องทำอย่างไร แต่ไอ้คู่นี้ทำอะไรก็ต้องทำด้วยกันหมด เราสองคนเข้านอกออกในบ้านของกันและกันตลอด ลืมตามาก็เดินมาหากันแล้ว กับข้าวบ้านไหนน่ากินกว่ากันเราก็เลือกจ่อมลงบ้านนั้น ถูกที่บ้านใช้ถูบ้าน เราก็ไม่ลืมที่จะไปลากเพื่อนมาร่วมรับชะตากรรมด้วย ถูกใช้ไปซื้อของ ก็ต้องเดินไปลากอีกคนไปเป็นเพื่อนด้วย

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

อ่านต่อ »


บ้านของหนูในสวนของพ่อ

อ่าน: 120433

โปรเจ็คหมู่บ้านโลกที่พ่อครูบาสุทธินันท์และป๋า Conductor Logos ตีฆ้องกันมาสักระยะหนึ่งแล้วนั้น เพิ่งถูกพ่อครูบากดปุ่มอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการถมที่ให้เห็นกับตา

เห็นทั้งทางเ้ข้าสวนป่าที่เคยนั่งรถโขยกเขยกด่อก ๆ แด่ก ๆ ลงหลุมนู้นเหวนี้กันจนชิน ถ้าถือแก้วน้ำมาด้วยก็ต้องเตรียมตัวเกร็งกันได้เลย มิฉะนั้นน้ำจะกระฉอกไปกระฉอกมาอย่างแน่นอน แต่มาบัดนี้กลับราบเรียบด้วยดินที่ถูกนำมาถมปรับพื้นให้สม่ำเสมอตลอดทางเข้าจนถึงสี่แยกคอกวัวเลยทีเดียวเชียว

home

อ่านต่อ »


จดหมายรัก…ถึงพ่อครูบา

อ่าน: 3662

เรียน    พ่อครูบาสุทธินันท์ที่เคารพรักที่ซู๊ด…

จำได้ว่าพ่อเคยเขียนจดหมายรักถึงชาวเฮฯ ทีละคนเมื่อนานมาแล้ว ที่จำได้แม่นก็ฉบับที่เขียนถึงท่านอัครมหาขัน(หลาย)ที คุณหมอจอมป่วนอ่ะค่ะ กั่กๆๆ

พอมาช่วยราณีโพสต์วันเกิด ก็จัดการไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย (21 ก.พ.)

ตั้งแต่นั้นมาหนูก็รู้สึกตะหงิด ๆ ว่าโพสต์เดียวนั่น หรือการอวยพรพ่อซัก 2-3 บรรทัด มันก็ไม่สามารถสื่อได้อย่างสะจายพอ เอ๊ย ม่ายล่ายหลั่งจายอะค่ะ

มักจะมีคนถามหนูว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้สนิทสนมกับครูบาสุุทธินันท์ ครูภูมิปัญญาไทยรุ่น 1 ของเมืองไทยได้ขนาดนั้น

เรียนรู้

อ่านต่อ »


จาก VBAC สู่สุนทราภรณ์

อ่าน: 3880

เช้าวันที่ 1 ม.ค. 2554 ขณะงัวเงีย ๆ ตื่นมาสั่งน้ำมูกซื้ดซ้าดฉลองปีใหม่อยู่นั้น มีเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ โทรเข้ามาอำ

อาจารย์ปูจำได้มั้ย ใครเอ่ย ทายซิ ๆ ฮ่าๆๆ

นี่ถ้าลำพังถามอย่างเดียวแล้วไม่หัวเราะครูปูคงจำไม่ได้หรอกค่ะ แต่พอได้ยินเสียงแผดหัวเราะแบบบ้าพลังเต็มลำคอขนาดนี้ ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เจ้าต๊ะ” ศิษย์เก่าก้นกุฎิคนแรกของครูปูเองค่ะ

ต๊ะเป็นลูกศิษย์รุ่น 1 ของ VBAC เข้าเรียน ปวช.1 เมื่อปี 2542  ซึ่งมักจะถูกยกเป็นกรณีตัวอย่างของการติดตามดูแลลูกศิษย์ให้กับครูรุ่นใหม่ ๆ ฟัง (แก่แล้วก็ต้องเอาเรื่องเก่า ๆ มาเล่าอย่างนี้ล่ะค่ะ) แถมยังเป็นกรณีแรกที่ทำให้อาจารย์หลายคนรู้สึกแหยง ๆ ที่ได้เห็นฤทธิเดชและความบ้าระห่ำของครูปู ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าแหยม(ต่อหน้า) กะยายครูคนนี้อีกเลย :(

เนื่องจากต๊ะเป็นเด็กสุขภาพจิตดี ร่าเริงแจ่มใส มีมารยาท สุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ เรียนดี แต่ไม่ค่อยมีสตังค์มาโรงเรียนซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ผิวพรรณและหน้าตาดีเหมือนลูกคนมีสตังค์ ทำให้อาจารย์หลาย ๆ คนมักมองข้ามไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร

VBAC

(2 คนแม่ลูก เมื่อปี 2542)

อ่านต่อ »


พ่อค้าอาวุธ

อ่าน: 29650

การลาออกหรือลาพักกลางคันของนักศึกษา มาจากหลากสาเหตุ ทั้งที่แก้ไม่ได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ หาทุนให้ก็แล้ว หางานให้ทำก็แล้ว แต่ทางบ้านตกงานกันหมดจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานเด็กหรือการที่เด็กต้องย้ายตามผู้ปกครอง ปัญหาผลการเรียนไม่สมบูรณ์ ลากก็แล้ว ดึงก็แล้วก็ยังตก ๆ หล่น ๆ ไม่ถึงเกณฑ์เลื่อนชั้นเสียทีหรือที่พัฒนาไม่ได้ด้วยทุกกระบวนวิธีที่โรงเรียนมีแล้ว ก็ต้องส่งมอบการดูแลคืนแก่ผู้ปกครองไป

ส่วนที่ยังเหนี่ยวรั้งไว้ได้บ้าง เช่น อยากจะไปเรียนที่ที่เขาอนุญาตให้แต่งเครื่องแบบนักศึกษาตามแฟชั่นได้ อยากย้ายไปเรียนที่เดียวกับแฟน  ฯลฯ เหล่านี้ก็ต้องค่อย ๆ เปรียบเทียบให้ชั่งน้ำหนักเอาระหว่างความต้องการชั่วครู่กับความสำคัญของการเรียน

(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

อ่านต่อ »


อายเพราะมีแม่แก่

อ่าน: 7061

แม่

มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเรียนไม่จบระดับ ปวช. ปีนี้จำเป็นต้องกลับมาตามเก็บหน่วยกิตให้ครบ แต่สังเกตว่ากี่ปี ๆ คุณแม่ก็ยังต้องเดินตามงก ๆ หิ้วกระเป๋าตามหลังให้ ล้อมหน้าล้อมหลัง ลูกจะเอาอะไรก็คอยจะตั้งใจฟัง คอยไต่ถาม ไอ้เจ้าลูกชายก็สะบัดสะบิ้ง เดินหนีให้พ่อให้แม่วิ่งตาม

ครูปูเคยเรียกมาอัดหลายหนเพราะไอ้ท่าทางที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่แบบนี้ ปีก่อน ๆ เคยโดนควบคุมพฤติกรรมเพื่อดัดนิสัย เคยเฝ้าระวังขนาดโทรกลับไปเช็คพฤติกรรมกับคุณแม่ทุกวัน คุณแม่ก็ตอบกลวง ๆ กลับมาว่า “เขาดีขึ้นแล้วค่ะอาจารย์”  พอเจอที่โรงเรียนก็ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เข้าใจว่าคุณแม่คงปกป้องลูกชายไม่ให้โดนครูดุเสียมากกว่า

ช่วงกีฬาสีเด็กต้องทำกิจกรรมกับคณะสี คุณแม่ก็ว่าจ้างมอเตอร์ไซค์มาดักรอลูกทุกวัน นั่งรอจนกว่าลูกจะเสร็จกิจกรรมนู่นแหละ บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่ยอม เดี๋ยวลูกไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ

อ่านต่อ »


จะเรียนหนังสือหรือจะติดคุก

อ่าน: 2230

(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

คุณแม่ท่านหนึ่งนำลูกชายที่ติดเกมส์มาลาออก พร้อมแจ้งว่าตนเองไม่อยากให้ลูกทิ้งการเรียนเลยแต่บังคับลูกไม่ได้ พ่อเลี้ยงซึ่งเป็นคนหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ก็กำลังรอจะเล่นงานแม่อยู่เพราะต้องเสียค่าเทอมให้ลูกเลี้ยงไปฟรี ๆ โดยไม่ยอมเรียน

ครูปูจึงรับหน้าที่เป็นด่านสุดท้ายในการทั้งปลอบทั้งอัด  โดยมีคุณแม่นั่งร้องไห้กระซิก ๆ เพราะอินไปกับคำพูดครูแทนที่จะเป็นลูก  ไล่ไปจน จนมุมเรื่องหนึ่ง เด็กก็จะแถไปอีกเรื่องหนึ่ง พอไล่ไปอีก ก็แถไปอีกเรื่องจนได้ แต่ไม่ว่าพูดเรื่องอะไรครูปูจะไล่เบี้ยไปให้สุดทุกเรื่อง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ใครเป็นพยาน อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ประจำวิชา เรียกมายันกันให้หมด

เหนื่อยก็เหนื่อย ลุ้นก็ลุ้น แต่ต้องวัดกันว่าใครจะอึดกว่ากัน เพราะก่อนใบลาออกจะถึงมือผู้อำนวยการ เด็กและผู้ปกครองต้องผ่านครูปูไปให้ได้ และไม่กี่รายหรอกค่ะที่ครูปูจะยอมเซ็นให้ยกเว้นที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ย้ายที่อยู่หรือเหตุผลจำเป็นทางเศรษฐกิจที่สุด ๆ จริง ๆ

อ่านต่อ »


พรุ่งนี้ พี่จะลุย!

อ่าน: 3045

ครูปูมีร้านข้าวเช้าเจ้าประจำอยู่ร้านนึง เจ้าของร้านเป็นคนเหนืออัธยาศัยดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายพูดเล่นชวนลูกค้าหัวเราะหัวฮาได้ทุกคน แถมให้ลูกค้าตักเองได้ตามใจชอบด้วยนะ ราคาก็แสนถูก มากันกี่คนก็ตาม ต่อให้สั่้งกับข้าวเต็มโต๊ะ เฉลี่ยแล้วก็ไม่เคยเกินคนละ 20 บาทเสียที ยิ่งครูปูเลือกกินแต่กับที่เป็นผักข้าวก็ไม่ค่อยกิน “ป้าบัว” ก็ยิ่งคิดราคาถูกเข้าไปใหญ่ ข้าวครึ่งก้อน+ผัดผักอย่างละนิด 2 อย่าง คิดครูปู 5 บาท

แป่ว!

นึกถึงสมัยเรียนประถมที่ ตจว.ขึ้นมาเลยอ่ะค่ะ ให้มากกว่านี้ก็ไม่เอา บอกกินนิดเดียวเอง แกคิดตังค์ไม่ลง ครูปูจึงมักหาน้ำพริกรสเด็ดหรืออาหารเหนือไปฝากเพื่อเป็นการขอบคุณอยู่บ่อย ๆ

ตอนเช้า ๆ ร้านป้าบัวเลยเป็นแหล่งรวมเด็กนักเรียนในตอนเช้า ภาพเด็กกำลังงัวเงียขณะถูกพ่อแม่บังคับให้กินข้าวมีให้เห็นทุกวัน

มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง แม่ลูกสี่คน คนโตอยู่ ม.3 ตัวโตเป็นสาวแล้ว คนกลางน่าจะอยู่ ม.2 หรือไม่ก็ ม.1 เพราะตัวโตไล่ ๆ กัน เจ้าน้องชายคนสุดท้องตัวกะเปี๊ยกเดียว น่าจะอยู่อนุบาลหรือไม่ก็ ป.1-2  ทุกครั้งที่เจอจะเห็นยายแม่อ้วนดำคนนี้สูบบุหรี่ปุ๋ย ๆ ไม่ได้หยุดปาก เสียงดังโวยวายตลอดเวลา ทุกคำพูดล้วนด่าทอลูกชายลูกสาวหยาบ ๆ คาย ๆ ทำนองประชดพ่อของลูกที่แอบไปมีเมียน้อย?

(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

ที่ประหลาดก็คือ พ่อเด็กเองก็นั่งฟังอยู่ตลอดเวลาขณะนั่งจิบกาแฟอยู่ร้านตรงข้ามเพื่อรอส่งลูก ๆ ไปโรงเรียน?

อ่านต่อ »



Main: 0.10588884353638 sec
Sidebar: 0.088567972183228 sec