อายเพราะมีแม่แก่

อ่าน: 6956

แม่

มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเรียนไม่จบระดับ ปวช. ปีนี้จำเป็นต้องกลับมาตามเก็บหน่วยกิตให้ครบ แต่สังเกตว่ากี่ปี ๆ คุณแม่ก็ยังต้องเดินตามงก ๆ หิ้วกระเป๋าตามหลังให้ ล้อมหน้าล้อมหลัง ลูกจะเอาอะไรก็คอยจะตั้งใจฟัง คอยไต่ถาม ไอ้เจ้าลูกชายก็สะบัดสะบิ้ง เดินหนีให้พ่อให้แม่วิ่งตาม

ครูปูเคยเรียกมาอัดหลายหนเพราะไอ้ท่าทางที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่แบบนี้ ปีก่อน ๆ เคยโดนควบคุมพฤติกรรมเพื่อดัดนิสัย เคยเฝ้าระวังขนาดโทรกลับไปเช็คพฤติกรรมกับคุณแม่ทุกวัน คุณแม่ก็ตอบกลวง ๆ กลับมาว่า “เขาดีขึ้นแล้วค่ะอาจารย์”  พอเจอที่โรงเรียนก็ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เข้าใจว่าคุณแม่คงปกป้องลูกชายไม่ให้โดนครูดุเสียมากกว่า

ช่วงกีฬาสีเด็กต้องทำกิจกรรมกับคณะสี คุณแม่ก็ว่าจ้างมอเตอร์ไซค์มาดักรอลูกทุกวัน นั่งรอจนกว่าลูกจะเสร็จกิจกรรมนู่นแหละ บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่ยอม เดี๋ยวลูกไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ

แม่

วันนี้เห็นคุณแม่ท่านนี้นั่งรออยู่ที่ประตูรั้วโรงเรียนตั้งแต่แดดแจ๋ (เชิญมานั่งในห้องรับรองหรือในห้องพักครูก็ไม่เอา) จนเกือบ 6 โมงเย็น ไอ้เจ้าลูกตัวดี แทนที่จะโผล่หน้ามาดูบ้างว่าแม่เรานั่งคอยอีท่าไหนยังไง ร้อนเหนื่อยอย่างไร เปล่าหรอก ช่วงพักก็นั่งเล่นกับเพื่อน ไม่มีหัวจิตหัวใจจะโผล่มาดูแม่สักนิดเลย

ครูปูจึงกวักมือเรียกมานั่งคุย นั่งพูดคุยสอบถามสภาพการอยู่ร่วมกันที่บ้านและการเลี้ยงดู ก็ไม่พบสิ่งใดที่จะเป็นเหตุให้เด็กรังเกียจพ่อแม่ได้ขนาดนี้ วนไปวนมาเพื่อหว่านล้อมและชี้ให้เขาเห็นถึงสิ่งที่พ่อแม่ได้ทุ่มเทดูแลตัวเขา คุยกับครูปูทีไรก็จะนิ่งไม่ดื้อไม่เถียง แต่ไม่เคยได้คำตอบถึงสาเหตุของการรังเกียจรังงอนพ่อแม่เสียที

ครูปูจึงแกล้งขยิบตากับอาจารย์อีกท่านให้ลองเอาตัวไปหลอกล่อถามดู อาจารย์ท่านนั้นเอาตัวเพื่อนอีกคนไปร่วมเป็นน้ำมันหล่อลื่นด้วย เพราะถ้าให้เด็กคุยในขณะที่มีเพื่อนอยู่ด้วย เด็กจะมั่นใจขึ้น จะกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น

ปรากฎว่าคำตอบที่ได้รับจากเด็กก็คือ

เด็กเขารู้สึกอายที่มีแม่แก่ ๆ อายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วเพราะแม่คนอื่นยังสาวยังสวยกันหมด ส่วนแม่ตัวเองเนื้อตัวไม่แต่ง ผมก็หงอก พูดแต่สำเนียงอีสาน จะพาเพื่อนไปบ้านก็อาย จะให้แม่มาก็อาย แล้วแม่ก็คอยตามตัวเองตลอดเวลาทุกที่ที่ไป เพื่อน ๆ ก็ชอบล้อว่า นั่นแม่หรือยาย ตัวเองก็ทำหน้าไม่ถูก


แม่


ขณะกำลังนั่งซึม ๆ นึกหาคำอธิบายเตรียมจะไปคุยกับเด็กให้เข้าใจเรื่องนี้

เพียงแต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะรู้สึกว่าพลังงานที่เหลืออยู่ไม่น่าจะเพียงพอ

ปล่อยให้ความรู้สึกอึ้ง ๆ จุก ๆ นี้ค้างอยู่อย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน

จึงบอกให้เด็กกลับบ้านไปก่อนเพราะคุณแม่มารออยู่หน้าโรงเรียนตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะ print กลอนฉบับนี้ใส่มือเด็กฝากกลับไปถอดความต่อที่บ้าน

บอกเขาไปว่า  “เอาไว้เธอรู้สึก หรือเห็นคุณค่าของพ่อแม่เธอขึ้นมาบ้างเมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกับอาจารย์ใหม่นะ แต่ถ้าทำยังไง ๆ เธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นอาจเป็นไปได้ว่าเธอเองต่างหากที่เป็นคนไม่มีคุณค่า เธอจึงไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสถึงมันได้ แม้เธอจะมีมันอยู่รอบตัวเธอตลอดเวลาแล้วก็ตาม”

ถึงมีแม่ แ ก่ เ ฒ่ า เฝ้าห่วงหา
ดีกว่าแม่ ดา รา ทำท่าสวย
ทิ้งลูกไม่แยแสแส่สำรวย
เลือก แ ม่ ห่ ว ย หรือ แ ม่ ห่ ว ง ดุจดวงใจ

จง ก้ ม ก ร า บ แล้ว ก อ ด แม่เถิดหนา
วาสนาของเจ้าจะผ่องใส
ทำหน้าที่ลูกหน่อยจะเป็นไร
ที่ใครๆเยาะแหย่อย่าออนซอน

เจ้าโชคดีที่สุดในโลกแล้ว
ยิ่งกว่ามีก่องแก้วประภัสสร
ลอง ห อ ม แม่โชว์ฉากพวกปากบอน
เสียงโห่หอนจะเหยหายกับสายลม

ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

14 ธันวาคม 2553

Post to Facebook

« « Prev : จะเรียนหนังสือหรือจะติดคุก

Next : พ่อค้าอาวุธ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

162 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.9616940021515 sec
Sidebar: 0.13846802711487 sec