หัวหน้าบ้า ๆ บอ ๆ
ด้วยงานแบบบู๊ ๆ ลุย ๆ อาจารย์งานพัฒนาวินัย ฯ มักเหนื่อยล้ากว่าส่วนอื่น ๆ ครูปูจึงจัดกิจกรรมทัศนศึกษาพาน้อง ๆ เที่ยวเชิงหลั่นล้ากันทุกปี เมื่อสองปีที่แล้วหลังน้ำลด เราเห็นตรงกันว่าควรไปอยุธยา จะได้แวะไปช่วยกันจัดบ้านและข้าวของให้กับเพื่อนคนหนึ่งในอำเภอบางบาลที่ถูกน้ำท่วมเสียหายด้วย พักคืนหนึ่งรุ่งขึ้นก็ไปช่วยอีกหลังที่อ่างทอง วางแผนแบ่งงานกันอย่างลงตัว กำหนดการก็ถูกวางไว้อย่างครื้นเครง แวะไหว้พระไปด้วย หาอะไรอร่อย ๆ กินกันไปด้วยตลอดทาง
เมื่อเดินทางไปถึงบ้านเป้าหมายก็ลงมือทันที ได้เนื้องานด้วยความสนุกสนานครื้นเครงตลอดวัน ชาวบ้านเห็นทีมหนุ่ม ๆ 2-3 คันรถ แห่กันมาช่วยปรับพื้นที่ โกยดิน ขนขยะไปทิ้งให้ ก็คงชอบ ยกขนม กล้วย ข้าวต้ม กับข้าวมาวางไว้ให้ ทำไปทำมาบ้านที่จะบูรณะก็กลายสภาพเป็นบ้านงานไป เพราะแค่พักเดียวก็มีใครไม่รู้ มาปีนเสาติดไฟสี ๆ ให้ มีโต๊ะกลมมาวาง ผ้าแดงปู โต๊ะจีน อย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะค่ะ ^^
ทีมเราที่ไปกัน 10 กว่าชีวิต ก็เป็นคอเฮไหนเฮนั่นกันอยู่แล้ว แถมเป็นมือสันทนาการหาตัวจับยากกันทั้งนั้น พักเดียวก็เนียนไปกับชาวบ้านได้ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งอาสา ทำไปพูดคุยแลกเปลี่ยนสรวลเสเฮฮากันไป ตกค่ำก็ต่อคาราโอเกะ ร้องรำลั่นทุ่งกันไป โดยไม่มีบุหรี่หรือแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่ประการใด ^^
สังเกตว่ามีแต่ผู้ใหญ่เฝ้าบ้านทุกหลังไป พอจะมีสาว ๆ กลางคนบ้างก็คงเพราะมีลูกเล็ก ๆ จึงต้องอยู่ดูแล นอกนั้นเป็นผู้สูงอายุทั้งหมด บ้านของอาจารย์ที่เราไปเยี่ยมนี่คงหนักสุด มีคุณพ่ออายุ 80 อยู่บ้านคนเดียว ยังคงเดินหลังโก่งไปทำนา และทำกิจวัตรทุกอย่างตามลำพังเป็นประจำ เห็นภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุในบ้านเรา ที่ลูกหลานหนุ่มสาวเลือกไปใช้วิถีชีวิตในเมืองกันได้อย่างชัดเจน
ครูปูก็นั่งโม้กับลุง ๆ ป้า ๆ บ้างก็เอน บ้างก็นอน ปรับทุกข์เล่าเรื่องลูกเรื่องหลานให้ฟัง ยังกับเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวก็มิปาน ^^
เช้าวันกลับสังเกตว่าทุกคนยิ้มแย้มหยอกล้อกันอย่างมีความสุขตลอดเวลา มองไปแล้วเหมือนแต่ละคนเป็นลูกหลานบ้านนั้นจริง ๆ ไม่มีความเขินอาย หรือละล้าละลังจะหยิบจับช่วยเหลืองานใด ๆ เลย แทนที่จะแสดงความอิดโรย จากการถูกหลอกว่าจะพามาเที่ยวแล้วต้องมาลุยงานหนักกว่าอยู่วิทยาลัยเสียอีก ทุกคนกลับดูอิ่มเอมจากการให้กันโดยถ้วนหน้า
ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก จริง ๆ เนาะคะ ^^
ขากลับยังได้รับขนมของฝากจากบ้านนู้นหน่อยจากบ้านนี้นิด พวกเราก็ไม่ลืมอุดหนุนสินค้าของแต่ละบ้าน ทั้งข้าวโพดหวานที่เด็ดมาจากไร่ใหม่ ๆ และขนมหวานของดีจากศูนย์กลางของชุมชนบางบาล ก่อนจะออกจากหมู่บ้านเจ้าถิ่นกำชับนักกำชับหนาว่าจะต้องแวะไปสักการะหลวงพ่อใหญ่ ที่วัดไทรน้อยให้ได้ ทีมเราจึงดิ่งไปยังจุดหมายดังกล่าวทันที
จอดรถป๊าด… แม่หัวขบวนตาไวก็เริ่มตั้งข้อสังเกตก่อนเพื่อน
“เอ งานบวชใครหว่า ดูดิ่ คุณยายแก่จนจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว รำเฉิบ ๆ อยู่คนเดียว ทำไมขบวนเขาดูเหงา ๆ เซ็ง ๆ กันจังหว่า”
จำไม่ได้ว่าใครตอบกลับมา
“อาจารย์ปูครับ ผมว่าคนเขาก็รำให้มันเสร็จ ๆ ไปพอเป็นพิธีมังครับ”
“อ้าว เหรอ งั้นระหว่างรอเนี่ยะ เราก็ไปช่วยเขารำดีไหม ได้บุญนาเฟ๊ย พี่เคยได้ยิน ว่าแล้วก็ลุยเลยดีกว่านะ อิอิอิ”
แม่คุณไม่รอช้า ตั้งวงรำเฉิบ ๆ ไปโค้งคุณยายขอเข้าขบวนทันที ลูกพี่ออกลูกบ้าอย่างนี้แล้ว ลูกน้องจะรอดไหมล่ะค่ะ ฮ่า…
ชาวบ้านในขบวนมองด้วยความมึนงงกันพักเดียว ก็ยิ้มรับ คนที่เดินเฉย ๆ ไม่รำก็มารำเป็นเพื่อนกับพวกเรา หนุ่ม ๆ ขบวนเราก็ไปอาสารับกลองยาวมาแบกแล้วก็ช่วยตีกันดังลั่นทุ่งกว่ามืออาชีพเขาเสียอีก ใครมีท่าทีเงียบ ๆ เหงา ๆ พวกเราก็ไปรำล้อมหน้าล้อมหลังให้ได้เขินอาย จนต้องตั้งวงรำตอบกับเราไปด้วย
เมื่อเห็นว่าคุณป้าคนโห่ต้นเสียง เสียงเบาและแหบไปแล้ว จึงรีบอาสาทันที
“คุณป้าขา เดี๋ยวหนูช่วยโห่ ดีไหมคะ”
“เออดี ๆ อีหนูเอาเลย โอยมีน้ำใจจริง จริ๊งช่ะ ลูกใครวะเอ็งอะ”
คิดว่าถ้ามัวแนะนำชื่อบุพการีกัน คงเป็นการเสียเวลา เพราะยังไงแล้วคุณป้าแกก็คงไม่รู้จักบุพการีของเราอยู่ดี อย่ากระนั้นเลย
“โห่………………………ฮี้……………..โห่………ฮี้…..โห่….ฮี้….โห่….ฮี้…..โห่….ฮี้… โห่…..ฮี้….โห่ย………….”
ลูกน้องขานรับ
“ฮิ๊ว………………………………………………………………………….”
โห่ด้วยความเมามัน และสำเนียงที่แล้วแต่ขณะนั้นจะนึกครีเอทออกมาได้ไปหลายสิบรอบ ขำก็ขำ ไม่เคยทำอะไรมันขนาดนี้มาก่อน หันไปมองพวกน้อง ๆ ทุกคนล้วนขำำกันน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แต่ก็สนุก จนน้องผู้หญิงคนนึง ขำจนรำต่อไม่ไหว นั่งยอง ๆ เช็ดน้ำตาอยู่ข้างทาง
พอโห่และรำรอบโบสถ์จนครบ 3 รอบแล้ว จึงนั่งพัก มีคนเอาน้ำมาเสิร์ฟบริการผ้าเช็ดหน้าเช็ดตา ก็เพิ่งจะมาตั้งข้อสังเกตกัน
“เอ แต่เราเดินรำกันไม่ทันเห็นนาคสักรอบนึงเลยเนอะ คงอยู่ในโบสถ์แล้วแหละ เข้าไปกราบพระแล้วชมนาคกันสักนิดก่อนกลับดีกว่าเนอะเรา”
เสียงไอ้เจ้าน้องคนหนึ่งกระซิบข้างหูเบา ๆ
“อาจารย์ปูครับ ผมก็สงสัยเลยเดินไปถามป้าหัวหน้าขบวนมาแล้ว แกบอกว่า แกเป็นคณะรำแก้บนไม่ใช่งานบวชหรอกครับ แต่ผมเห็นอาจารย์ปูเริ่มไปแล้ว ก็เลย เอ่อ… เลยตามเลยอะครับ”
“เง้อ!……………………..”
เพิ่งเข้าใจคำว่า “หน้าแตก” ก็วันนี้แหละค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือมันเหวอ ๆ โหวง ๆ แสบ ๆ อาย ๆ ระคนกันไปอะค่ะ แต่ก็ไม่วายตะโกนบอกพรรคพวกที่เหลือให้ได้ระเบิดหัวเราะกันเป็นหมู่คณะ รวมทั้งยังหน้าไม่อายไปบอกชาวบ้านแถวนั้นด้วยว่า พวกหนูเข้าใจผิดนะเนี่ยะ นึกว่าขบวนแห่นาค ทีนี้เลยได้ฮากันทั้งตำบลบางบาลไปอะนะ ^^
วันนี้คุยกับน้อง ๆ เรื่องความรับผิดชอบในการทำงาน บอกน้อง ๆ ไปว่าอะไรที่ครูปูมอบหมายไปแล้วขอให้ปฏิบัติตามนั้นได้เลย ได้ผลเป็นอย่างไร ติดตรงไหน ขอให้บอก หากปรากฎว่าเกิดความเสียหายจากคำสั่งนั้น ๆ ความผิดจะอยู่ที่ครูปูแต่เพียงผู้เดียว ขอให้สบายใจได้เลย
พูดไปก็ย้อนเรื่องนี้เอามาขำกัน แล้วบอกน้อง ๆ ว่าการเป็นหัวหน้าเขานี่ ไม่ได้ดูเท่เพราะได้เป็นเจ้าของการตัดสินใจเท่านั้นหรอกนะคะ ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบด้วย เพราะวินิจฉัยหรือคำสั่งที่หัวหน้าปล่อยออกไปต้องมั่นใจว่าไตร่ตรองมาอย่างดี มีข้อมูลประกอบเพียงพอ เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่งผลด้านลบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุด หากเกิดผลด้านลบดังกล่าวขึ้นจริง ก็ต้องเป็นคนแรกที่แสดงความรับผิดชอบอีกด้วย
เรื่องเล่าขำ ๆ แบบด้านบนนี่ วันหนึ่งคงขำไม่ออก ถ้าครูปูโดนผู้ใต้บังคับบัญชาต่อว่าโทษฐานที่พาเขาไปเหนื่อย ไปอาย ไปร้อน ไปบ้า โดยไม่ใช่หน้าที่ (ดีนะที่เราบ้านำไปก่อน เลยไม่มีใครบ่นว่าอะไร)
เอ หรือว่ามีหว่า ใครผ่านมาทาง VBAC ก็ลองสอบถามทีมนี้ดูก็แล้วกันนะคะ ^^