กิ๊กเก่าที่บ้านเกิด

โดย krupu เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:22 ในหมวดหมู่ มุมมองของชีวิต, วิถีชีวิต, สังคม, เจ้าเป็นไผ #
อ่าน: 54748

คุณยายมีเพื่อนรักมากอยู่คนหนึ่งชื่อยายทับ บ้านอยู่อำเภอดอนสัก จะเจอกันทีต้องนั่งรถไปหาเกือบชั่วโมง

ยายทับมีลูกเยอะทำประมงก๊อกแก๊ก แต่ก่อนฐานะค่อนข้างยากจน  ยายให้การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันมาแต่ไหนแต่ไร เพื่อนคนนี้จึงรักยายมาก ปรนนิบัติพัดวียังกับข้าเก่าเต่าเลี้ยงก็ว่าได้  ทั้งที่สภาพร่างกายก็ผ่ายผอม ผมขาวโพลน เดินตัวงอเป็นเบ็ดตกปลา  ดูภายนอกแล้วยายน่าจะแข็งแรงกว่ามาก

แต่ที่ไหนได้เมื่ออยู่กับคุณยายครูปูเมื่อไหร่ ยายทับคนนี้ก็เป็นฝ่ายวิ่ง ฉวย บริการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เดินไปตลาดฉับ ๆ หาหมาก พลู กุ้งเค็ม ปลาแห้งมาให้้จนกว่ายายจะพอใจ

แม้แต่ลูก ๆ ของยายทับเองทั้ง 5-6 คน ก็พลอยรักและนับถือ แล้วร่วมล้อมหน้าล้อมหลังเอาใจยายไปกับแม่ของตัวเองไปด้วย

เสาร์อาทิตย์ คุณยายจะหอบหิ้วครูปูเป็นเพื่อนนั่งรถโดยสารไปอำเภอดอนสักเพื่อไปเยี่ยมยายทับและไปเก็บดอกเบี้ยเงินกู้นิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เก็บไม่ค่อยได้หรอกค่ะ รสชาติของการเดินทางดูแล้วน่าจะอยู่ที่ยายได้ไปนอนคุยบ้านนู้นที เอิ้นบ้านนี้ทีต่างหาก

ด้วยความที่เพื่อน ๆ ญาติ  ๆ ของยายเกือบทุกคน รู้ว่าครูปูเป็นหลานที่คุณยายเอามาเลี้ยง คนนู้นคนนี้ก็มักจะทัก

“โห นี่เลี้ยงกันจนโตป่านนี้แล้วเหรอ พ่อแม่มันมาบ้างมั้ยเนี่ยะ เผลอแผล่บเดียวนะเนี่ยะ แหม ๆๆ

คนนู้นลูบหัวที คนนี้ขยี้หัวหน่อย ยายก็จะเริ่มโม้ทันที

“เนี่ยะ มันเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ประจำ หัวมันดี ขยัน (ตอนไหนเนี่ยะ?) เจียมตัวทุกอย่าง ไม่เที่ยวไม่เตร่ ไม่เอาเลยเรื่องเหลวไหล ใช้หยิบจับอะไรได้หมด  ปากดีด้วยนะ มันบอกว่าโตขึ้นมันจะเลี้ยงแม่ เลี้ยงยาย เลี้ยงน้องแหนะ ดู๊.. ดู”

(โม้ไปยิ้มกริ่มไปตาแทบปิด น้ำหมากไหลออกข้างปากไม่รู้ตัวนะนั่นยายเรา ^_^)

คนก็ยิ่งพูดต่อกันไป หน้าตาก็งั้น ๆ แหละ แต่ด้วยความที่ยายไปโม้ไว้ทั่ว เลยเป็นที่เข้าใจกันว่า ไอ้ปูหลานยายตุ๊มันเป็นเด็กรักดี

โดยเฉพาะวัฒน์ ลูกชายคนเล็กของยายทับที่อายุมากกว่าครูปู 2 ปี แต่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจเลยไม่รักเรียน ตกซ้ำชั้นอยู่นั่น จนหล่นมาเรียนชั้นเดียวกัน เมื่อได้ยินว่าเราเรียนเก่ง ก็พยายามจะญาติดีด้วย จะให้เราสอนนู่นนี่ ขยันหาเรื่องมาคุย พยายามทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีชวนไปดูนู่นดูนี่  ไอ้เราก็ไม่ได้ยินดียินร้ายเท่าไหร่ เกาะแหง่กอยู่กับยายตลอดเวลา

เวลามาชวนไปไหน จะนั่งคิดก่อนว่าน่าสนุกหรือเปล่า ถ้าไม่หนุกก็ไม่ไป ถ้าพูดอะไรมาไม่ขำ ก็ไม่มีมารยาทพอจะหัวเราะไปด้วยหรอกนะ (เอากับแม่สิ!)

ยายกับยายทับก็ลุ้นว่าให้ไปเที่ยวดูอะไรต่ออะไรตามประสาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับใคร ๆ เขาบ้าง จะมาคลอเคลียกับคนแก่ ๆ ที่เค้าคุยคุ้ยความหลังกันทำไม

ที่จริงก็ไปกินไปนอนที่บ้านเขาาคราวละ 2-3 วัน เดี๋ยว ๆ เขาก็เอาขนมมาให้ เดี๋ยว ๆ ก็หิ้วกับข้าวมาส่ง

เราก็เฉย ๆ เชิด ๆ บอกแล้วไงว่าสวยแล้วหยิ่งอ่ะ อิอิ

จริง ๆ เล่าไปก็ยังงง ๆ ไปว่าทำไมตอนเด็ก ๆ มนุษย์สัมพันธ์แย่จังเลยเรา เพิ่งมาได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวตอนโตนี่แหละค่ะ

วัฒน์ก็เพิ่งมาถามว่า

“เออ ทำไมตอนเด็ก ๆ ปูไม่ค่อยชอบคุยกับผมเลยล่ะ ทำไมตอนนี้คุยเก่งจัง”

(แหม อยากจะตอบออกไปจริง ๆ ว่าถ้ารู้ตัวแล้วตรูจะทำมารยาทแบบนั้นออกไปมั้ยล่ะ 555…)

พอไปเรียนมหาวิทยาลัยก็เลยทำให้นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ไปเป็นเพื่อนยายที

มีอยู่วันหนึ่งตอนปี 3 หรือ ปี 4 ไม่แน่ใจ นอนคุยกับยายกับแม่อยู่ดี ๆ ยายทำกระอ้อมกระแอ้ม (สงสัยกลัวเจ้าหลานตัวดีจะปรี๊ดแตกขึ้นมามั้ง) ว่ายายทับพูดเกริ่น ๆ หลายทีแล้วว่า

“ไอ้วัฒน์ลูกชายคนเล็ก รบเร้าให้ช่วยพูดกับยายตุ๊ให้หน่อยเรื่องสู่ขอปู”

แม่ครูปูร้อง “ห๋า”

ครูปูร้อง “เฮ๊ยยยย……….”

สองคนแม่ลูกพูดพร้อมกัน “อะไรนะว่าใหม่ซิ”

ยายเล่าให้ฟังอย่างละเอียด ซึ่งดูเอาจริงเอาจังนะนั่น

แม่ได้แต่ยิ้ม ๆ

ใจนึงก็ยังงง ๆ  ใจนึงก็ตกใจว่า

“เฮ๊ย! สู่ขอเลยเนี่ยะนะ คนนะเฟ้ย ไม่ใช่ลูกหมาจะได้ขอไปเลี้ยงกันง่าย ๆ บ้าป่าว?”

ตั้งแต่เล็กจนโตเอาบทสนทนาที่เคยมีกับมันมารวมกันยังไม่ถึงย่อหน้าเลยอ่ะ

บ้าป่าว ๆ :(

ถามยายว่าตอบเขาไปว่าไง

“ยายบอกไปว่าอย่าไปยุ่งกับมันเล้ย ไอ้ปูน่ะ มันไม่สนใจใครหรอก ไอ้นั่นน่ะมันสนใจจะเรียนอย่างเดียว ไปพูดกับมันไม่ถูกหูเดี๋ยวมันแว๊ดเข้าให้ด้วยนั่น”

“กร๊าก…..”

ว่าแล้วก็กระโดดกอดคอยาย

พร้อมแตะไหล่เบา ๆ

ยักคิ้วให้หน่อยนึง

แล้วแผดเสียงกร๊าง กร่างสิ้นดีออกไปว่า

“งี้ดิ่ ค่อยสมเป็นยายปูหน่อย เหอ เหอ”

ครูปูน่ะได้อานิสงส์แค่ว่ามีเรื่องเล่ากิ๊ก ๆ แก๊ก ๆ ให้ได้หัวเราะหัวฮากันบ้าง (ทั้งที่ก็ยังไม่เคยกิ๊กกันสักนิดเลยเห็นมั้ยคะ)

แถมด้วยน้ำใจที่วัฒน์มักหยิบยื่นให้ทุกครั้ง อย่าให้ได้รู้เชียวว่าครูปูกลับบ้านที่สุราษฎร์ ปูนึ่งราคาแสนแพงและหายากที่ใครไม่ได้กิน ถ้าครูปูไปล่ะก็ เสี่ยแพปูแทบจะวิ่งข้ามอำเภอเอาปูนึ่งร้อน ๆ มาประเคนให้ด้วยตัวเองทุกครั้งไป

ถึงวัฒน์จะกลายเป็นคุณพ่อลูกสองไปเรียบร้อย และครูปูยังคงนั่งห้อยขาต่องแต่งบนคานอย่างหนักแน่นเหมียนเดิม

เมื่อกลับมาเจอมาพูดคุยกันอีกครั้งตอนโต (แก่) ถึงเรื่องนี้ทีไร  ก็ได้ขำกันน้ำหูน้ำตาไหลทุกที

แหย่วัฒน์ไปว่า

“เธอเอ๊ย ดีเท่าไหร่แล้วที่ช่วงนั้นดวงเธอยังตกไม่ถึงฆาตน่ะ”

วัฒน์ยิ้มอาย ๆ แล้วตอบว่า

“แหม พูดยังกะตัวเองน่ากลัวขนาดนั้นนี่”

ครูปูนึกสวนอยู่ในใจ (ไม่กล้าพูดออกไป) ขณะยังขำ ๆ ค้างอยู่ว่า

“ก็เออ สิวะ”

:P

Post to Facebook

« « Prev : บ้าพลังแต่เด็ก

Next : Todo Tag : คุมค่าไฟ 400 บาท/เดือนก่อนสิ้นปี » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7638 ความคิดเห็น