จดหมายรัก…ถึงพ่อครูบา
เรียน พ่อครูบาสุทธินันท์ที่เคารพรักที่ซู๊ด…
จำได้ว่าพ่อเคยเขียนจดหมายรักถึงชาวเฮฯ ทีละคนเมื่อนานมาแล้ว ที่จำได้แม่นก็ฉบับที่เขียนถึงท่านอัครมหาขัน(หลาย)ที คุณหมอจอมป่วนอ่ะค่ะ กั่กๆๆ
พอมาช่วยราณีโพสต์วันเกิด ก็จัดการไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย (21 ก.พ.)
ตั้งแต่นั้นมาหนูก็รู้สึกตะหงิด ๆ ว่าโพสต์เดียวนั่น หรือการอวยพรพ่อซัก 2-3 บรรทัด มันก็ไม่สามารถสื่อได้อย่างสะจายพอ เอ๊ย ม่ายล่ายหลั่งจายอะค่ะ
มักจะมีคนถามหนูว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้สนิทสนมกับครูบาสุุทธินันท์ ครูภูมิปัญญาไทยรุ่น 1 ของเมืองไทยได้ขนาดนั้น
ไปคุยอะไรกับท่านรู้เรื่องถึงขนาดคุยกันได้ยาว ๆ เลยเหรอ ?
เธอรู้อะไรบ้างเรื่องต้นไม้ ?
เธอให้ข้อมูลเรื่องงานวิจัยหรือการฝึกอบรมด้านไหนกับพ่อครูบาได้บ้าง ?
เห็นโทรคุยกันเช้า เที่ยง เย็น หลังอาหาร ก่อนนอนและหลังตื่น
เดี๋ยวไอ้แห้ว เดี๋ยวแห้วศรี เดี๋ยวแห้วซ่าส์ เดี๋ยวแห้วหลง เดี๋ยวม้าเร็ว เดี๋ยวโยนไมค์ เดี๋ยวโยนเผือก
แถมอยู่ดี ๆ ก็โม้จะเสนอตัวทำหนังสือหาทุนให้สวนป่าเป็นหมื่นเป็นแสนด้วยการเอาเรื่องของตัวเองมาเขียนซะด้วยนะ
แหม…ดูครูปูนี่ช่างทุ่มเทกับครูบาเสียเหลือเกิน
เดี๋ยววิ่งจัดการนู่นนี่ให้ยังกะทนายหน้าหอก็มิปาน
ถ้าใครคนหนึ่ง…
กำลังเรียบเรียงเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์แห่งความยากลำบากที่ชีวิตรอดมาได้อย่างจวนเจียน
แบบเขียนไปน้ำตาซึมไปอยู่
จู่ ๆ ก็มีข้อความแบบนี้โผล่ขึ้นมา
#9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2009 เวลา 23:55 แก้ไข
ปูเอ๊ย อ่านแล้วพ่ออยากเห็นหน้า อยากให้ปูอยู่ใกล้ๆๆ จะกอดๆๆๆๆ
ต่อให้ทายร้อยครั้ง เจ้าของความไม่เข้าใจนั้น ก็คงนึกไม่ออกหรือเข้าใจได้ไม่หมดหรอกค่ะ
ว่านาทีแบบนั้น คนที่กำลังอึ้งกับความว้าเหว่และความรันทดแสนสาหัสที่ชีวิตได้เคยพบเจอ
จะรู้สึกอย่างไร
ยิ่งคำว่า “จะกอด” แล้วตามด้วยไม้ยมก 4 อันของพ่อ
มันทำให้หนูรู้สึกอบอุ่นเหมือนถูกห่อหุ้ม
เหมือนกำลังแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดที่กระชับแน่นเข้า
แน่นเข้า..
แน่นเข้า…
แน่นเข้า….
จากผู้อาวุโสแปลกหน้าแทนที่จะเป็นบุพการีผู้ให้กำเนิด
หนูไม่ได้บอกใครหรือแม้แต่จะตอบคอมเมนท์นี้ไปตรง ๆ หรอกค่ะว่า
แว่ปแรกที่หนูเห็นมัน น้ำตาก็ไหลอาบแก้มแบบไม่รู้ตัวซะอย่างนั้น
รู้อีกทีก็ตอนที่กำลังรีบปาดมันออกตามสัญชาติญาณของหนู
ที่ไม่ค่อยยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นนักน่ะค่ะ
อาจเพราะไม่อยากดูอ่อนแอ เดี๋ยวจะโดนใครเขาเอาเปรียบได้อีก แล้วก็อาจเพราะด้วยไม่แน่ใจว่าความโศกเศร้าและความยากลำบากที่มีอยู่นั้น มันจะเนิ่นนานไปถึงไหน เคยรีบร้องไห้ รีบเสียน้ำตามาก่อน ก็เลยได้เรียนรู้ว่า ยังได้ร้องอีกนานแน่ ๆ เลยเธอ
เพราะอุปสรรคในชีวิตหนูมักเข้ามาเร็ว แต่กลับค่อย ๆ คืบคลานออกไปอย่างเชื่องช้า แบบที่กลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก จนแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้
คงเพราะหนูต้องเจออย่างนี้มาบ่อย ๆ กระมัง เลยติดเป็นนิสัยว่าอย่าเผลอร้องไห้ไปนะเธอ ทำเฉย ๆ เมิน ๆ มันไปซะ ทุกอย่างนั่นแหละ ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าหน้าไหน รีบทำตัวให้ชินเร็ว ๆ ซะนะ เพราะเธอยังต้องอยู่กับมันไปอีกนาน
ระหว่างนั้นก็หาความอภิรมย์ หาเรื่องตลกโปกฮาปลอบโยนตัวเองไปเรื่อย ๆ ก่อนก็แล้วกัน ท่าทางจะเป็นเหตุให้เส้นตื้น หัวเราะได้กับทุกเรื่องแบบนี้ก็เป็นได้
จริง ๆ แล้วถ้าจะให้บอกว่ามีใครหรืออะไรบ้างที่ทำให้หนูกลัวได้ หนูก็นึกไม่ค่อยออกหรอกค่ะ เพราะใช้ชีวิตแบบ “กระทิง” ที่ขวิดลูกเดียวรอบทิศมาตลอด เป็น “หมา” ด้วย เพราะเห่าและกัดทุกเมื่อที่จำเป็น เป็น “หมี” ได้ด้วยเพราะทำอะไรจะทุ่มลงทุนลงแรงจนหมดหน้าตักทุกครั้งไป เป็น “หนู” ด้วยในบางครั้งถ้าต้องเอาตัวรอดให้ได้ และก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็น “อินทรีย์” กับเขาให้ได้บ้าง เพราะถ้าไม่รู้เท่าทัน ก็คงเอาตัวไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
หนูก็เลยคิดว่าคนอย่างตัวเอง ไม่น่าจะต้องแสวงหาความช่วยเหลือ หรือผลประโยชน์จากใครสักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ใช้ทักษะได้ครบสารพัดสัตว์ขนาดนี้แล้ว หนูก็ว่าหนูเอาตัวรอดมาได้แบบไม่ขี้เหร่เท่าไหร่แล้วนะ มีแต่จะต้องคอยควบคุมไม่ให้เผลอไปทำร้ายใครเขาอีกต่างหาก
จึงขอตัดประเด็นการพึ่งพา หรืออยากจะไปพึ่งพิงเพื่อหวังผลประโยชน์ ชื่อเสียงหรือไปเอา “หน้า” เพิ่ม
เพราะเท่าที่มีอยู่ ป๋าก็แซวว่าหน้าบานเป็นจานพิซซ่าจนเถียงแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว…
แต่หตุที่ไม่รู้สึกเขินอายจนกล้าพาตัวเองเข้าไปสนิทสนมได้อย่างไร้รอยต่อ แถมพ่อเองก็ไม่เคยกางกำแพงใส่ หรือมีพิธีรีตรองกับหนูหรือใคร ๆ เอาเสียเลย
คงเป็นเพราะ
พ่อให้เกียรติ
#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 ธันวาคม 2010 เวลา 2:39 แก้ไข
เสียดายที่ได้รู้จักครูปูช้าไปหน่อย
ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้จะไม่บกพร่องขนาดนี้
ขอให้กำลังใจ ถ่ายเทประสบการณ์ตรงชนิดผ่าใจอย่างนี้อีก
พ่อให้ความสนใจ
#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 เวลา 4:26 แก้ไข
เรื่องนี้โคตรเสียวเลย
เสียวแรก กระแทกรถมอเตอร์ไซค์ ลีลาอัดคนด้วยไหวพริบแบบลำหักลำโค่น ใครโดนก็ง๋อย ไม่รู้ซะแล้วว่านี่ลูกไผ 5555
เสียวสอง ผ่าซีสยักษ์ ทำไมมันก้อนบะเร่อเท่อขนาดนั้น ถ้าปล่อยไว้เอาไปออกงานวัดกั้นผ้าเก็บเงิน น่าจะดี 5555
เสียวสาม ต้องรอ เห็นว่าจะเล่าเรื่องด้วยภาพต่อ
พ่อ(อุตส่าห์)ชื่นชมคนแบบหนู
#7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กุมภาพันธ 2009 เวลา 0:11 แก้ไข
แหม ไอ้ปูลูกพ่อจริงๆ
พ่อให้กำลังใจ
#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2010 เวลา 4:24 แก้ไข
เป็นการเติมมุม ให้มองเห็นอะไรครอบคลุมขึ้น
อิอิ
พ่อยอมรับในความเป็นหนู
#5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 มีนาคม 2010 เวลา 5:55 แก้ไข
ช่วงที่อยู่สุราษฎร์ บ้านครูปู
คณะส่วนใหญ่พักโรงแรม แต่ข้าน้อยขอนอนคุยกับยายได้บ่
ไหนๆไปเจอยายแล้ว อยากจะคุยกับยายให้น้ำไหลไฟดับ..
ถ้าจัดให้ได้อย่างนี้รักกันตาย ..
พ่อหยอกล้อหนูแบบคนที่เป็นพ่อหยอกเย้าลูกตัวเอง
#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:33 แก้ไข
นับว่ากิ๊กเก่าทำบุญมาดี ไม่งั้นเกิดตกร่องปล่องชิ้นกัน เธอเอ๋ยดูไม่จืด
แต่ขอชมว่า..แห้วเขียนได้เด็ดสาระตี่มาก
คารวะ 2 จอก
เอ๊ย..เลี้ยงเ็ย็นตาโฟร้านที่ไปไม่เคยถูกดีกว่า 5555
#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 ธันวาคม 2010 เวลา 14:30 แก้ไข
อ่านแล้วเหมือนกินส้มตำลืมใส่พริก
มันน่าจะมีตอน>>ลุยกับคุณตำรวจ
แล้วโดนลูกหลงเข้าเบ้าตาเขียวปี๋
จะได้ฉายาใหม่ ครูปูตาปี๋ คิคิคิ
#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 ธันวาคม 2010 เวลา 14:32 แก้ไข
เราจะแอบอยู่หลังคุณดำปี๋ จะได้รุนหลังสู้ๆๆๆ
ดูสิว่า ปากแม่ค้า กับ ปากครู ใครจะมีเชิงชั้นช่ำชองกว่ากัน
แก๊ง ! ยกที่ 1
พ่อช่วยเติมเต็ม
#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ธันวาคม 2010 เวลา 9:21 แก้ไข
เจ้าโชคดีที่สุดในโลกแล้ว
ยิ่งกว่ามีก่องแก้วประภัสสร
ลอง ห อ ม แ ม่ โชว์ฉากพวกปากบอน
เสียงโห่หอนจะเหยหายกับสายลม
ขอแก้หน่อยตามข้างบน
ถ้านำไปอ่าน บางทีพวกปากเปราะ อาจจะคิดได้
ไม่กระเซ๊าเพื่อนให้เกิดปมด้อย
พ่อสอน
#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กุมภาพันธ 2011 เวลา 7:55 แก้ไข
คิดแบบครู ก็งี้ๆๆๆๆ
คิดแบบตำรวจ ก็งี้ๆๆๆ
คิดแบบ ประชาชนคนกินข้าวแกง ก็งี้ๆๆๆ
คิดแบบนักวิชาการ ก็งี้ๆๆๆ
คิดมาหลวงพี่หลวงพ่อ ก็งี้ๆๆๆ
เป็นงี้ๆๆที่มีความเคยชิน ความคุ้นชิน ทักษะชีวิต นำมาซึ่งวิธีคิดวิธีการ
เรื่องนี้รายงานได้ดีมาก อ่านแล้วเหมือนเรานั่งอยู่ในห้องด้วย
กุหลาบวันวาเลนไทน์ ดอกไหนก็ไม่สวยเท่าดอก “คนละมุมเดียวกัน”
อยากให้มีเรื่องจากประสบการณ์ตรงอย่างนี้ในลานปัญญาอีก
จะมี ภาค 2 น้องกายก็ไม่ว่านะ แห้ว
ถ้าพ่อป่วย ป่วยทั้งบ้าน
ถ้าข้าราชการป่วย ป่วยทั้งสถาบัน
ถ้าสังคมป่วย ป่วยทั้งบ้านทั้งเมือง
ถ้าประเทศป่วย จะระบาดไปทั่วโลก
ที่สำมะคัน>> อย่าให้ครูป่วย ถ้าครูป่วยจะมีใครมารักษาโรคทางสังคม
ถ้าครูป่วย ให้รีบรักษาตัวให้หายไวๆ อย่าเก็บอาการ >>
ทุกวันนี้ มีแต่คนลอยแพปัญหา แขวนปัญหา
เรื่องสังคมป่วน นำไปสู่สังคมป่วย สังคมป่วย นำไปสู่วิกฤติของมนุษยชาติ
ดีใจที่ได้อ่าน และจะรออ่าน เรื่องลุ้นระทึกหักมุมทุกย่อหน้า
พ่อแตะเบรคอย่างนุ่มนวลแบบที่คนเป็นพ่อควรกระทำต่อลูก
…เอ่อ คือ อันนี้มิสามารถออนแอร์ได้อ่ะค่ะ
พ่อเสริมแรงหนูอยู่ตลอดเวลา
#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 ธันวาคม 2010 เวลา 2:33 แก้ไข
เลือกแสดงแสนยานุภาพของกลุ่ม แหมใช้คำได้สะเดิดจริงๆ
เรื่องนี้ละเอียดละออผสมอุบายที่แยบคายถึงลูกถึงคน
อยากได้ประเด็นเด็ดๆอย่างนี้อีก ชิมิ ชิมิ
#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 14:27 แก้ไข
ยายฉบับครูปู สุดยอดจริงๆ
บางทีก็รู้ตัวเหมือนกันนะ ว่าพ่อทั้งถีบทั้งผลักอะค่ะ
#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2010 เวลา 9:07 แก้ไข
เรื่องที่จวนเจียนจะ”แห้ว” เปลี่ยนมา”ฮา”ได้อย่างเนียนๆ
ใครได้อ่านเรื่องนี้ไม่หิ๊วฮา (แห้ว+ฮา) คงจะแปลก
ขอกรณีบริหารการศึกษาแบบจ๊าบส์ๆอย่างนี้อีกสัก14 ตอนเถอะ
ครูพันธุ์ก๊าก เล่ม 2 จะตามมา แคว๊ก ๆ เร็วขึ้น
#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 ตุลาคม 2010 เวลา 23:21 แก้ไข
ครูคนนี้พันธุ์จ๊ากกกกส์จริงๆ
ที่ปรึกษารัฐมนตรีจะไปเยี่ยมยามในเร็วๆนี้
ตั้งตัวตั้งท่ารับให้ดีก็แล้วกัน
ขอให้เอาตัวรอดปลอดภัยนะก๊่ากกกส์
#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 5:13 แก้ไข
ต้องขอบคุณ “สระอะ” ตัวเดียวแท้ๆ
ที่ช่วยสร้างครูปู ให้เป็นผู้เป็นคนมากความสามารถถึงปานนี้
ทำให้ได้อ่านเบื้องหลังการถ่ายทำที่มันส์กว่าอ่านหนังสืออีก
เล่มต่อไป เอาให้กะทิแตกกว่านี้อีก จะดังไปนานชั่วกาลนาน
ขอได้รับความเห็นใจ จากสวรรค์ ที่ช่วยกันได้สุดฝีมือ
บทความนี้ น่าจะเป็นตำนานสระ ะ ะ ะ 3จุด อิอิ
สรุปได้คำเดียว “แห้วศรีซะอย่าง” เป็นนักเผชิญปัญหา ฝ่าปัญหา ปรับปัญา กอบกู้วิกฤติไทย อิอิ
พ่อให้ความเอ็นดูสนิทสนม
#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กุมภาพันธ 2009 เวลา 0:35 แก้ไข
ครูปูนี่นะ มีเสน่ห์ในตัวเยอะมาก
ไปที่ไหนที่นั่นชื่นมื่น
ปลุกความเหงาหง๋อยให้ตื่นเต้น
ร้องเพลงก็ได้ บริหารงานก็ดี ทำกับข้าวก็เก่ง ฝีมือนวดก็ไม่เบา
เขียนบล็อกก็น่าอ่าน จินตนาการวับแวว
จิตใจดี หนักเอาเบาสู้
เห็นตัวเล็กๆนี่นะ หัวใจโตกว่าคนอื่นเสียอีก
พูดรวมๆ..เป็นคนที่น่ารักที่สุด
ใครไม่รักแสดงว่า..มีหัวใจพลาสติก
ถึงวันนี้พ่อก็ยังเป็นผู้ให้
ไม่ว่าจะเป็นความรู้
จิตสำนึก
แง่คิด
กำัลังใจ
ปัญญา
หรือพลังชีวิต
หนูเอาเรื่องของพ่อไปเล่าให้แม่ ให้ยาย ให้พ่อหนูฟัง ทุกคนพูดตรงกันว่า
“ปูมีโอกาสก็ต้องดูแลพ่อครูบาดี ๆ นะ เพราะไม่ง่ายหรอกที่จะมีคนอื่นมาถูกชะตา มาเอ็นดู มาเมตตาเราแบบนี้”
หนูเลยตอบไปว่า หนูก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอก เก่งแต่หาเรื่องไปให้พ่อครูบาปวดหัวซะมากกว่า ฮ่าๆๆ
ขอบคุณระยะเวลาสั้น ๆ แค่ 2 ปีมานี่
ที่มีโอกาสได้รู้จักกับพ่อนะคะ
เพราะมันก็เกินพอแล้วล่ะค่ะ
ที่จะทำให้หนูเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาได้
ด้วยรักและเคารพพ่อครูบาสุทธินันท์
จาก…ลูกสาวตัวแสบเองแหละค่ะ
หุหุหุ
(^___^)
« « Prev : สาคูวัดใจ
Next : ทางการเขาสั่งมาว่า… » »
ความคิดเห็นสำหรับ "จดหมายรัก…ถึงพ่อครูบา"