จดหมายรัก…ถึงพ่อครูบา

อ่าน: 3424

เรียน    พ่อครูบาสุทธินันท์ที่เคารพรักที่ซู๊ด…

จำได้ว่าพ่อเคยเขียนจดหมายรักถึงชาวเฮฯ ทีละคนเมื่อนานมาแล้ว ที่จำได้แม่นก็ฉบับที่เขียนถึงท่านอัครมหาขัน(หลาย)ที คุณหมอจอมป่วนอ่ะค่ะ กั่กๆๆ

พอมาช่วยราณีโพสต์วันเกิด ก็จัดการไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย (21 ก.พ.)

ตั้งแต่นั้นมาหนูก็รู้สึกตะหงิด ๆ ว่าโพสต์เดียวนั่น หรือการอวยพรพ่อซัก 2-3 บรรทัด มันก็ไม่สามารถสื่อได้อย่างสะจายพอ เอ๊ย ม่ายล่ายหลั่งจายอะค่ะ

มักจะมีคนถามหนูว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้สนิทสนมกับครูบาสุุทธินันท์ ครูภูมิปัญญาไทยรุ่น 1 ของเมืองไทยได้ขนาดนั้น

เรียนรู้

ไปคุยอะไรกับท่านรู้เรื่องถึงขนาดคุยกันได้ยาว ๆ เลยเหรอ ?

เธอรู้อะไรบ้างเรื่องต้นไม้ ?

เธอให้ข้อมูลเรื่องงานวิจัยหรือการฝึกอบรมด้านไหนกับพ่อครูบาได้บ้าง ?

เห็นโทรคุยกันเช้า เที่ยง เย็น หลังอาหาร ก่อนนอนและหลังตื่น

เดี๋ยวไอ้แห้ว เดี๋ยวแห้วศรี เดี๋ยวแห้วซ่าส์ เดี๋ยวแห้วหลง เดี๋ยวม้าเร็ว เดี๋ยวโยนไมค์ เดี๋ยวโยนเผือก

แถมอยู่ดี ๆ ก็โม้จะเสนอตัวทำหนังสือหาทุนให้สวนป่าเป็นหมื่นเป็นแสนด้วยการเอาเรื่องของตัวเองมาเขียนซะด้วยนะ

แหม…ดูครูปูนี่ช่างทุ่มเทกับครูบาเสียเหลือเกิน

เดี๋ยววิ่งจัดการนู่นนี่ให้ยังกะทนายหน้าหอก็มิปาน

ถ้าใครคนหนึ่ง…

กำลังเรียบเรียงเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์แห่งความยากลำบากที่ชีวิตรอดมาได้อย่างจวนเจียน

แบบเขียนไปน้ำตาซึมไปอยู่

จู่ ๆ ก็มีข้อความแบบนี้โผล่ขึ้นมา

#9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2009 เวลา 23:55 แก้ไข

ปูเอ๊ย อ่านแล้วพ่ออยากเห็นหน้า อยากให้ปูอยู่ใกล้ๆๆ จะกอดๆๆๆๆ


ต่อให้ทายร้อยครั้ง เจ้าของความไม่เข้าใจนั้น ก็คงนึกไม่ออกหรือเข้าใจได้ไม่หมดหรอกค่ะ

ว่านาทีแบบนั้น คนที่กำลังอึ้งกับความว้าเหว่และความรันทดแสนสาหัสที่ชีวิตได้เคยพบเจอ
จะรู้สึกอย่างไร

ยิ่งคำว่า “จะกอด” แล้วตามด้วยไม้ยมก 4 อันของพ่อ

มันทำให้หนูรู้สึกอบอุ่นเหมือนถูกห่อหุ้ม
เหมือนกำลังแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดที่กระชับแน่นเข้า

แน่นเข้า..

แน่นเข้า…

แน่นเข้า….

จากผู้อาวุโสแปลกหน้าแทนที่จะเป็นบุพการีผู้ให้กำเนิด

หนูไม่ได้บอกใครหรือแม้แต่จะตอบคอมเมนท์นี้ไปตรง ๆ หรอกค่ะว่า

แว่ปแรกที่หนูเห็นมัน น้ำตาก็ไหลอาบแก้มแบบไม่รู้ตัวซะอย่างนั้น

รู้อีกทีก็ตอนที่กำลังรีบปาดมันออกตามสัญชาติญาณของหนู
ที่ไม่ค่อยยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นนักน่ะค่ะ

อาจเพราะไม่อยากดูอ่อนแอ เดี๋ยวจะโดนใครเขาเอาเปรียบได้อีก แล้วก็อาจเพราะด้วยไม่แน่ใจว่าความโศกเศร้าและความยากลำบากที่มีอยู่นั้น มันจะเนิ่นนานไปถึงไหน เคยรีบร้องไห้ รีบเสียน้ำตามาก่อน ก็เลยได้เรียนรู้ว่า ยังได้ร้องอีกนานแน่ ๆ เลยเธอ

เพราะอุปสรรคในชีวิตหนูมักเข้ามาเร็ว แต่กลับค่อย ๆ คืบคลานออกไปอย่างเชื่องช้า แบบที่กลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก จนแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้

คงเพราะหนูต้องเจออย่างนี้มาบ่อย ๆ กระมัง เลยติดเป็นนิสัยว่าอย่าเผลอร้องไห้ไปนะเธอ ทำเฉย ๆ เมิน ๆ มันไปซะ ทุกอย่างนั่นแหละ ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าหน้าไหน รีบทำตัวให้ชินเร็ว ๆ ซะนะ เพราะเธอยังต้องอยู่กับมันไปอีกนาน

ระหว่างนั้นก็หาความอภิรมย์ หาเรื่องตลกโปกฮาปลอบโยนตัวเองไปเรื่อย ๆ ก่อนก็แล้วกัน ท่าทางจะเป็นเหตุให้เส้นตื้น หัวเราะได้กับทุกเรื่องแบบนี้ก็เป็นได้

จริง ๆ แล้วถ้าจะให้บอกว่ามีใครหรืออะไรบ้างที่ทำให้หนูกลัวได้ หนูก็นึกไม่ค่อยออกหรอกค่ะ เพราะใช้ชีวิตแบบ “กระทิง” ที่ขวิดลูกเดียวรอบทิศมาตลอด  เป็น “หมา” ด้วย เพราะเห่าและกัดทุกเมื่อที่จำเป็น  เป็น “หมี” ได้ด้วยเพราะทำอะไรจะทุ่มลงทุนลงแรงจนหมดหน้าตักทุกครั้งไป  เป็น “หนู” ด้วยในบางครั้งถ้าต้องเอาตัวรอดให้ได้  และก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็น “อินทรีย์” กับเขาให้ได้บ้าง เพราะถ้าไม่รู้เท่าทัน ก็คงเอาตัวไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

หนูก็เลยคิดว่าคนอย่างตัวเอง ไม่น่าจะต้องแสวงหาความช่วยเหลือ หรือผลประโยชน์จากใครสักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ใช้ทักษะได้ครบสารพัดสัตว์ขนาดนี้แล้ว หนูก็ว่าหนูเอาตัวรอดมาได้แบบไม่ขี้เหร่เท่าไหร่แล้วนะ  มีแต่จะต้องคอยควบคุมไม่ให้เผลอไปทำร้ายใครเขาอีกต่างหาก

จึงขอตัดประเด็นการพึ่งพา หรืออยากจะไปพึ่งพิงเพื่อหวังผลประโยชน์ ชื่อเสียงหรือไปเอา “หน้า” เพิ่ม
เพราะเท่าที่มีอยู่ ป๋าก็แซวว่าหน้าบานเป็นจานพิซซ่าจนเถียงแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว…

แต่หตุที่ไม่รู้สึกเขินอายจนกล้าพาตัวเองเข้าไปสนิทสนมได้อย่างไร้รอยต่อ แถมพ่อเองก็ไม่เคยกางกำแพงใส่ หรือมีพิธีรีตรองกับหนูหรือใคร ๆ เอาเสียเลย

คงเป็นเพราะ


พ่
อให้เกียรติ

#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 ธันวาคม 2010 เวลา 2:39 แก้ไข

เสียดายที่ได้รู้จักครูปูช้าไปหน่อย
ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้จะไม่บกพร่องขนาดนี้
ขอให้กำลังใจ ถ่ายเทประสบการณ์ตรงชนิดผ่าใจอย่างนี้อีก


พ่อให้ความสนใจ

#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 เวลา 4:26 แก้ไข

เรื่องนี้โคตรเสียวเลย

เสียวแรก กระแทกรถมอเตอร์ไซค์ ลีลาอัดคนด้วยไหวพริบแบบลำหักลำโค่น ใครโดนก็ง๋อย ไม่รู้ซะแล้วว่านี่ลูกไผ 5555
เสียวสอง ผ่าซีสยักษ์ ทำไมมันก้อนบะเร่อเท่อขนาดนั้น ถ้าปล่อยไว้เอาไปออกงานวัดกั้นผ้าเก็บเงิน น่าจะดี 5555
เสียวสาม ต้องรอ เห็นว่าจะเล่าเรื่องด้วยภาพต่อ


พ่อ(อุตส่าห์)ชื่นชมคนแบบหนู

#7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กุมภาพันธ 2009 เวลา 0:11 แก้ไข

แหม ไอ้ปูลูกพ่อจริงๆ


พ่อให้กำลังใจ

#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2010 เวลา 4:24 แก้ไข

เป็นการเติมมุม ให้มองเห็นอะไรครอบคลุมขึ้น
อิอิ


พ่อยอมรับในความเป็นหนู

#5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 มีนาคม 2010 เวลา 5:55 แก้ไข

ช่วงที่อยู่สุราษฎร์ บ้านครูปู
คณะส่วนใหญ่พักโรงแรม แต่ข้าน้อยขอนอนคุยกับยายได้บ่
ไหนๆไปเจอยายแล้ว อยากจะคุยกับยายให้น้ำไหลไฟดับ..
ถ้าจัดให้ได้อย่างนี้รักกันตาย ..


พ่อหยอกล้อหนูแบบคนที่เป็นพ่อหยอกเย้าลูกตัวเอง

#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:33 แก้ไข

นับว่ากิ๊กเก่าทำบุญมาดี  ไม่งั้นเกิดตกร่องปล่องชิ้นกัน เธอเอ๋ยดูไม่จืด
แต่ขอชมว่า..แห้วเขียนได้เด็ดสาระตี่มาก
คารวะ 2  จอก
เอ๊ย..เลี้ยงเ็ย็นตาโฟร้านที่ไปไม่เคยถูกดีกว่า 5555

#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 ธันวาคม 2010 เวลา 14:30 แก้ไข

อ่านแล้วเหมือนกินส้มตำลืมใส่พริก
มันน่าจะมีตอน>>ลุยกับคุณตำรวจ
แล้วโดนลูกหลงเข้าเบ้าตาเขียวปี๋
จะได้ฉายาใหม่ ครูปูตาปี๋ คิคิคิ

#1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 ธันวาคม 2010 เวลา 14:32 แก้ไข

เราจะแอบอยู่หลังคุณดำปี๋ จะได้รุนหลังสู้ๆๆๆ
ดูสิว่า ปากแม่ค้า กับ ปากครู ใครจะมีเชิงชั้นช่ำชองกว่ากัน
แก๊ง ! ยกที่ 1


พ่อช่วยเติมเต็ม

#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ธันวาคม 2010 เวลา 9:21 แก้ไข

เจ้าโชคดีที่สุดในโลกแล้ว
ยิ่งกว่ามีก่องแก้วประภัสสร
ลอง ห อ ม แ ม่ โชว์ฉากพวกปากบอน
เสียงโห่หอนจะเหยหายกับสายลม

ขอแก้หน่อยตามข้างบน
ถ้านำไปอ่าน บางทีพวกปากเปราะ อาจจะคิดได้
ไม่กระเซ๊าเพื่อนให้เกิดปมด้อย


พ่อสอน

#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กุมภาพันธ 2011 เวลา 7:55 แก้ไข

คิดแบบครู ก็งี้ๆๆๆๆ
คิดแบบตำรวจ ก็งี้ๆๆๆ
คิดแบบ ประชาชนคนกินข้าวแกง ก็งี้ๆๆๆ
คิดแบบนักวิชาการ ก็งี้ๆๆๆ
คิดมาหลวงพี่หลวงพ่อ ก็งี้ๆๆๆ

เป็นงี้ๆๆที่มีความเคยชิน ความคุ้นชิน ทักษะชีวิต นำมาซึ่งวิธีคิดวิธีการ
เรื่องนี้รายงานได้ดีมาก อ่านแล้วเหมือนเรานั่งอยู่ในห้องด้วย
กุหลาบวันวาเลนไทน์ ดอกไหนก็ไม่สวยเท่าดอก “คนละมุมเดียวกัน”
อยากให้มีเรื่องจากประสบการณ์ตรงอย่างนี้ในลานปัญญาอีก
จะมี ภาค 2 น้องกายก็ไม่ว่านะ แห้ว

ถ้าพ่อป่วย ป่วยทั้งบ้าน

ถ้าข้าราชการป่วย ป่วยทั้งสถาบัน

ถ้าสังคมป่วย ป่วยทั้งบ้านทั้งเมือง

ถ้าประเทศป่วย จะระบาดไปทั่วโลก

ที่สำมะคัน>> อย่าให้ครูป่วย ถ้าครูป่วยจะมีใครมารักษาโรคทางสังคม

ถ้าครูป่วย ให้รีบรักษาตัวให้หายไวๆ อย่าเก็บอาการ >>

ทุกวันนี้ มีแต่คนลอยแพปัญหา แขวนปัญหา

เรื่องสังคมป่วน นำไปสู่สังคมป่วย สังคมป่วย นำไปสู่วิกฤติของมนุษยชาติ

ดีใจที่ได้อ่าน และจะรออ่าน เรื่องลุ้นระทึกหักมุมทุกย่อหน้า


พ่อแตะเบรคอย่างนุ่มนวลแบบที่คนเป็นพ่อควรกระทำต่อลูก

…เอ่อ คือ อันนี้มิสามารถออนแอร์ได้อ่ะค่ะ :(


พ่อเสริมแรงหนูอยู่ตลอดเวลา

#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 ธันวาคม 2010 เวลา 2:33 แก้ไข

เลือกแสดงแสนยานุภาพของกลุ่ม แหมใช้คำได้สะเดิดจริงๆ
เรื่องนี้ละเอียดละออผสมอุบายที่แยบคายถึงลูกถึงคน
อยากได้ประเด็นเด็ดๆอย่างนี้อีก ชิมิ ชิมิ

#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 14:27 แก้ไข

ยายฉบับครูปู สุดยอดจริงๆ


บางทีก็รู้ตัวเหมือนกันนะ ว่าพ่อทั้งถีบทั้งผลักอะค่ะ :P

#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2010 เวลา 9:07 แก้ไข

เรื่องที่จวนเจียนจะ”แห้ว” เปลี่ยนมา”ฮา”ได้อย่างเนียนๆ
ใครได้อ่านเรื่องนี้ไม่หิ๊วฮา (แห้ว+ฮา) คงจะแปลก
ขอกรณีบริหารการศึกษาแบบจ๊าบส์ๆอย่างนี้อีกสัก14 ตอนเถอะ
ครูพันธุ์ก๊าก เล่ม 2 จะตามมา แคว๊ก ๆ เร็วขึ้น

#4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 ตุลาคม 2010 เวลา 23:21 แก้ไข

ครูคนนี้พันธุ์จ๊ากกกกส์จริงๆ
ที่ปรึกษารัฐมนตรีจะไปเยี่ยมยามในเร็วๆนี้
ตั้งตัวตั้งท่ารับให้ดีก็แล้วกัน
ขอให้เอาตัวรอดปลอดภัยนะก๊่ากกกส์

#2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 5:13 แก้ไข

ต้องขอบคุณ “สระอะ” ตัวเดียวแท้ๆ
ที่ช่วยสร้างครูปู ให้เป็นผู้เป็นคนมากความสามารถถึงปานนี้
ทำให้ได้อ่านเบื้องหลังการถ่ายทำที่มันส์กว่าอ่านหนังสืออีก
เล่มต่อไป  เอาให้กะทิแตกกว่านี้อีก จะดังไปนานชั่วกาลนาน
ขอได้รับความเห็นใจ จากสวรรค์ ที่ช่วยกันได้สุดฝีมือ
บทความนี้ น่าจะเป็นตำนานสระ ะ ะ ะ 3จุด  อิอิ
สรุปได้คำเดียว “แห้วศรีซะอย่าง” เป็นนักเผชิญปัญหา ฝ่าปัญหา ปรับปัญา กอบกู้วิกฤติไทย อิอิ


พ่อให้ความเอ็นดูสนิทสนม

#3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กุมภาพันธ 2009 เวลา 0:35 แก้ไข

ครูปูนี่นะ มีเสน่ห์ในตัวเยอะมาก
ไปที่ไหนที่นั่นชื่นมื่น
ปลุกความเหงาหง๋อยให้ตื่นเต้น
ร้องเพลงก็ได้ บริหารงานก็ดี ทำกับข้าวก็เก่ง ฝีมือนวดก็ไม่เบา
เขียนบล็อกก็น่าอ่าน จินตนาการวับแวว
จิตใจดี หนักเอาเบาสู้
เห็นตัวเล็กๆนี่นะ หัวใจโตกว่าคนอื่นเสียอีก
พูดรวมๆ..เป็นคนที่น่ารักที่สุด
ใครไม่รักแสดงว่า..มีหัวใจพลาสติก



ถึงวันนี้พ่อก็ยังเป็นผู้ให้

ไม่ว่าจะเป็นความรู้

จิตสำนึก

แง่คิด

กำัลังใจ

ปัญญา

หรือพลังชีวิต

หนูเอาเรื่องของพ่อไปเล่าให้แม่ ให้ยาย ให้พ่อหนูฟัง ทุกคนพูดตรงกันว่า

“ปูมีโอกาสก็ต้องดูแลพ่อครูบาดี ๆ นะ เพราะไม่ง่ายหรอกที่จะมีคนอื่นมาถูกชะตา มาเอ็นดู มาเมตตาเราแบบนี้”

หนูเลยตอบไปว่า หนูก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอก เก่งแต่หาเรื่องไปให้พ่อครูบาปวดหัวซะมากกว่า ฮ่าๆๆ

ขอบคุณระยะเวลาสั้น ๆ แค่ 2 ปีมานี่

ที่มีโอกาสได้รู้จักกับพ่อนะคะ

เพราะมันก็เกินพอแล้วล่ะค่ะ

ที่จะทำให้หนูเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาได้


ด้วยรักและเคารพพ่อครูบาสุทธินันท์


จาก…ลูกสาวตัวแสบเองแหละค่ะ

หุหุหุ

(^___^)

Post to Facebook

« « Prev : สาคูวัดใจ

Next : ทางการเขาสั่งมาว่า… » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "จดหมายรัก…ถึงพ่อครูบา"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.039263010025024 sec
Sidebar: 0.13168692588806 sec