จาก VBAC สู่สุนทราภรณ์
เช้าวันที่ 1 ม.ค. 2554 ขณะงัวเงีย ๆ ตื่นมาสั่งน้ำมูกซื้ดซ้าดฉลองปีใหม่อยู่นั้น มีเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ โทรเข้ามาอำ
” อาจารย์ปูจำได้มั้ย ใครเอ่ย ทายซิ ๆ ฮ่าๆๆ”
นี่ถ้าลำพังถามอย่างเดียวแล้วไม่หัวเราะครูปูคงจำไม่ได้หรอกค่ะ แต่พอได้ยินเสียงแผดหัวเราะแบบบ้าพลังเต็มลำคอขนาดนี้ ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เจ้าต๊ะ” ศิษย์เก่าก้นกุฎิคนแรกของครูปูเองค่ะ
ต๊ะเป็นลูกศิษย์รุ่น 1 ของ VBAC เข้าเรียน ปวช.1 เมื่อปี 2542 ซึ่งมักจะถูกยกเป็นกรณีตัวอย่างของการติดตามดูแลลูกศิษย์ให้กับครูรุ่นใหม่ ๆ ฟัง (แก่แล้วก็ต้องเอาเรื่องเก่า ๆ มาเล่าอย่างนี้ล่ะค่ะ) แถมยังเป็นกรณีแรกที่ทำให้อาจารย์หลายคนรู้สึกแหยง ๆ ที่ได้เห็นฤทธิเดชและความบ้าระห่ำของครูปู ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าแหยม(ต่อหน้า) กะยายครูคนนี้อีกเลย
เนื่องจากต๊ะเป็นเด็กสุขภาพจิตดี ร่าเริงแจ่มใส มีมารยาท สุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ เรียนดี แต่ไม่ค่อยมีสตังค์มาโรงเรียนซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ผิวพรรณและหน้าตาดีเหมือนลูกคนมีสตังค์ ทำให้อาจารย์หลาย ๆ คนมักมองข้ามไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร
(2 คนแม่ลูก เมื่อปี 2542)
ขณะที่สอนภาษาอังกฤษห้องนี้ครูปูสะดุดกับเสียงใหญ่ก้องกังวานเต็มคอของต๊ะจึงจับมาฝึกภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ แล้วจับส่งแข่งขันนู่นนี่ ทั้งการขับร้องเพลงไทยเพลงสากลและการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งได้รับรู้สภาพการดูแลของครอบครัวต๊ะ จึงคอยหาเหตุเพื่อให้ต๊ะมารายงานตัวทุกเช้าเพื่อตรวจสอบว่ามาเรียนหรือเปล่า มีสตังค์มาเท่าไหร่
บางคืนก็โทรมาบอกว่าเข้าบ้านไม่ได้เพราะแม่ยังไม่กลับ กุญแจบ้านแม่ก็ไม่ได้ให้ไว้ บางวันก็บอกว่าวันนี้ขอหยุดเพราะคุณแม่ไปทำงานต่างจังหวัดไม่ได้ทิ้งสตังค์ไว้ให้ ครูปูก็ได้แต่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นครั้ง ๆ ไป ให้ขึ้นรถมาเลยแล้วมาเอาสตังค์ที่โรงเรียนบ้าง หาเรื่องล็อคตัวมากินข้าวเที่ยงด้วยกันบ้าง แกล้งใช้ให้วิ่งไปซื้อนู่นนี่แล้วยกเงินทอนให้บ้าง แต่ก็แค่แก้ปัญหารายวันเท่านั้นเอง เหตุการณ์ก็ยังวนเวียนอยู่อย่างนี้จนครูปูหมดความอดทนต้องเรียนเชิญคุณแม่มาพบที่โรงเรียน หลังจากประสานกันทางโทรศัพท์บ่อยครั้ง แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
อ้อ ที่มาวุ่นวายกับเขานี่ไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหรอกนะคะ เป็นแค่อาจารย์ประจำวิชา แต่สนใจจึงสังเกตเห็นและอยากช่วย แจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาเขาไปแล้วหลายครั้งก็ยังไม่เห็นทำอะไร (หรือเขาอาจทำแล้วแต่เราไม่รู้หรือไม่ทันใจก็ไม่ทราบ) เลยเชิญเองเสียเลย จะปล่อยไปถึงไหน เด็กที่สุขภาพจิตดี ความตั้งใจดี ความมุ่งมั่นดี ๆ แบบนี้ถ้าปล่อยให้เจอปัญหาไปนาน ๆ ถ้าท้ัอหรือเลือกไปทำอย่างอื่นประชดความขาดแคลนที่มีจะทำอย่างไร
ครูปูจึงประกาศว่ากรณีนี้จะดำเินินการเอง ที่ประชุมอาจารย์ก็ได้แต่มองหน้ากันปูเลี่ยน ๆ ตอนนั้นเราก็อายุแค่ 27-28 ปี เห็นหัวใครซะที่ไหนล่ะคะ คิดแต่จะทำ ๆ ลูกเดียว :( อาจารย์ที่ปรึกษาเจ้าของเรื่องก็โกรธเราหน้าเขียวหน้าดำหาว่าข้ามหน้าข้ามตา อันนี้มารู้เอาทีหลังคะ ก็อีตอนถามต่อหน้าในที่ประชุมก็ไม่เห็นพูดอะไรนี่นา
(ครูเขาไปไหนต๊ะก็ไปด้วย)
จากการพูดคุยพบว่าต๊ะอยู่กับคุณแม่แค่สองคน ซึ่งเป็นเซลล์ขายอะไรสักอย่าง มีสไตล์การเลี้ยงลูกแบบให้ช่วยตัวเองทุกอย่าง ถ้าว่างก็เจอกันถ้าไม่ว่างก็ดูแลตัวเองไปก่อน แล้วก็ติงต๊ะในหลาย ๆ จุดเช่น กลับบ้านค่ำ เที่ยวเตร่ ซึ่งทุกข้อท้วงติงครูปูแย้งกลับไปทุกเรื่องเพราะรู้ความเคลื่อนไหวของต๊ะดี แต่ก็เข้าใจว่าคุณแม่คงเหนื่อยและเครียดกับงานจึงมาคาดหวังกับลูกมากขึ้น
จนถึงวันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองสื่อสารผิดพลาดตรงไหน ทำให้ขณะที่คุย ๆ กันอยู่คุณแม่เกิดหมดความอดทนแล้วบอกว่า
“ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ดูแลกันเองก็แล้วกัน คุณแม่ก็ไม่ไหวแล้ว” แล้วก็เดินออกไปเลย
แง่ว!
เอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมผู้บริหารโดยด่วนเนื่องจากต้องวางแผนช่วยเหลือกันระยะยาวเสียแล้ว
(ก็ดันไปพูดไม่เข้าหูคุณแม่อีท่าไหนก็ไม่รู้นี่)
จำติดตาเลยว่าในที่ประชุมขณะนั้นฟังปัญหากันแล้วก็ขำ ๆ แหย่กันว่าใครจะรับต๊ะไปเลี้ยงดีน้า… คือเขาแค่พูดกันเล่นน่ะค่ะ คงไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนหรือเห็นว่ามันไม่สำคัญอะไรหรอก แต่ยายครูปูกลับฉุนกึ้กขึ้นมาซะงั้น ประกาศลั่นเลย
“หนูนี่ล่ะค่ะท่านประธานฯ หนูจะรับต๊ะไปเลี้ยงเอง คนอื่นไม่ต้องกลัวจะลำบากหรอกนะ (แนะ ยังไปแขวะเขาอีก ) จะเอาไปจดเป็นบุตรบุญธรรมหนูเลยก็ได้นะถ้าแม่เขายอม”
ทุกคนหันมาทำหน้าเหวอใส่โดยมิได้นัดหมาย เค้าคงอยากจะถามอยู่เหมือนกันมังคะว่า “จะอินไปถึงไหนกันยะหล่อน???”
ตั้งแต่นั้นก็ทำตามที่โม้ไว้ค่ะ ทำเรื่องทุนให้โดยมีตัวเองเป็นผู้ปกครอง พาไปพักอยู่กับที่บ้านอาจารย์ผู้ชายท่านหนึ่งแล้วหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่กระทบกับเวลาเรียนให้ทำ ให้ค่าตอบแทนวันละ 50 บาท บางวันไม่รู้จะหาอะไรให้ทำต๊ะก็จะไปทำความสะอาดที่ห้องพักครูปูให้ ซึ่งเล็กนิดเดียวแต่ก็หาเรื่องให้ทำไปงั้นเองเพื่อจะได้มีเหตุให้สตังค์พิเศษเพิ่ม เผื่อเอาไว้ซื้ออุปกรณ์หรือขนมอื่น ๆ ที่ต้องการ เสื้อผ้าครูปูในตู้นี่ต๊ะจะเก็บไปรีดให้เป็นประจำ
กิจกรรมอะไรที่โรงเรียนมี ครูปูจับต๊ะร่วมด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ลีลาศ ร้องเพลง เต้นรำ รำไทย ค่ายอาสา ประกวดมารยาท ครูเขาทำอะไรกันต๊ะก็ทำด้วย แถมทำได้ดีกว่าชาวบ้านเขาไปหมด มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง เต้นรำและการแสดงทุกประเภท เลยเป็นเด็กที่สนิทสนมกับครูทุกคนมากกว่านักเรียนคนอื่น ๆ แม้กระทั่งครูเขาไปทัศนศึกษากัน ครูปูก็ขอท่านประธานฯ หิ้วเจ้าต๊ะติดไปด้วยเสมอ ๆ
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
จนเรียนจบไปแล้วก็ยังกลับมาขอให้เซ็นชื่อรับรองในเอกสารต่าง ๆ ให้บ้าง
เมื่อสองปีก่อนต๊ะเข้ามาบอกว่าตัวเองได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินคลื่นลูกใหม่หัวใจสุนทราภรณ์ ได้ออกทีวี ได้เดินทางไปร้องเพลงประเทศนู้นประเทศนี้ ได้ไปออกงานที่นู่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ ครูปูจึงไม่แปลกใจเลยเพราะต๊ะพร้อมสรรพทั้งเรื่องความสามารถ ความอดทนและมีวินัย ความอ่อนน้อมถ่อมตน การมีมารยาทในสังคม และทัศนคติที่ดีต่อผู้คนและต่องานที่ได้รับผิดชอบ
พอเจอกันทีก็จะโม้ว่า
“เมื่อคืนอาจารย์ได้ดูทีวีมั้ย ต๊ะออกช่องนี้ รายการนี้ รายการนั้น”
อยากจะบอกกลับไปเหมือนกันว่า “จำไม่ได้เหรอ ว่าอาจารย์เอ็งน่ะเป็นคนไม่ดูทีวี” แต่ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศเลยได้แต่ันั่งยิ้มแฉ่งแก้เก้อไปเรื่อย ๆ
(คลื่นลูกใหม่หัวใจสุนทราภรณ์)
หลังจากอวยพรปีใหม่เสร็จ ต๊ะก็ทำครูปูปลื้มจนลืมเช็ดขี้มูกไปชั่วขณะว่า
“ต๊ะไม่เคยลืมอาจารย์ปูเลยนะ ต๊ะมีัวันนี้ได้ก็เพราะอาจารย์ ถึงต๊ะจะไม่ค่อยว่างเข้าไปเยี่ยมอาจารย์แต่ความรู้สึกที่มีต่ออาจารย์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ เวลาต๊ะไปเจออะไรที่มันไม่ดีต๊ะจะนึกถึงอาจารย์ปูขึ้นมาทุกทีเลย เมื่อคืนตอนไปร้องเพลงงานปีใหม่ต๊ะก็เจอ ต๊ะรู้สึกไม่ดีเลย พอรู้ว่ามันไม่ดี ต๊ะก็รีบถอยออกมา ต๊ะไม่ยุ่ง”
แถมยังชวนครูปูเข้าไปฟังรายการที่เขาเป็นดีเจจัดรายการเอาใจคนรักเพลงเก่าอยู่ที่ www.anurakradio.com อีกด้วย แหม ช่างหาเพลงได้เหมาะกับวัยของครูเหลือเกิน
อวยพรลูกศิษย์ไปเสียหลายกระบุง พร้อมทั้งบอกว่า ครูปูเล่าเรื่องของเขาให้รุ่นน้องฟังเป็นประจำเลย ต๊ะก็หัวเราะเขิน ๆ
“เหรอ อาจารย์ ต๊ะก็ว่าต๊ะธรรมดานะ บ้า ๆ บอ ๆ เอาตัวรอดไปวัน ๆ”
เลยตอบไปว่า
“เออ ก็นั่นแหล่ะ ไอ้วิธีที่เอ็งบ้า ๆ บอ ๆ เอาตัวรอดมาได้จนป่านนี้นี่แหละที่อาจารย์อยากให้รุ่นน้องเขาได้รับรู้ เขาจะได้เอาไปปรับใช้ได้บ้าง ระยะทางที่ต๊ะฝ่าฟันจาก VBAC กว่าจะถึงสุนทราภรณ์ในวันนี้ อาจารย์เชื่อว่ามันก็ไม่ง่ายเลย ใช่มั้ยลูก?”
ต๊ะแก้เขินด้วยการหัวเราะเสียงดังกังวานเหมือนเดิม “ฮ่าๆๆ”
แต่ก่อนเสียงหัวเราะ ครูปูแอบได้ยินเสียง “อืม” เบา ๆ จากต๊ะ
เข้าใจว่าเขาคงมีคำตอบแล้วล่ะค่ะ
^^
พิเชษฐ์ จิรารัตนาศิริ (ต๊ะ)
ความคิดเห็นสำหรับ "จาก VBAC สู่สุนทราภรณ์"