บ้านหลังแรก..
อ่าน: 14501ผมไม่ได้คลุกคลีกรุงเทพฯ จึงไม่รู้จักกรุงเทพดีพอ คราวที่ลูกสาวตัดสินใจว่าจะเอาบ้านไม่ต้องไปส่งค่าเช่าคอนโด เอาค่าเช่าคอนโดมาผ่อนบ้านดีกว่า คิดสะระตะแล้วก็ เมื่อลูกคิดเช่นนั้น และตลาดงานของเขาอยู่ที่ กทม. แม้ว่าผมจะไม่ชอบที่จะมาอยู่กรุงเทพฯก็ตาม แต่เมื่อลูกสาวเลือกเช่นนั้น ก็ตกลง
เราตระเวนหาบ้านมาหลายเดือน ญาติพี่น้องต่างช่วยกันแนะนำ เดินทางไปดูก็หลายครั้ง ถึงกะมัดจำแล้วทิ้งไปก็มี มาถูกใจที่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านญาติในเสนานิเวศน์นักเลยตัดสินใจเอาที่นี่ มาติดต่อเดินเรื่องหลายต่อหลายครั้งจากไม่รู้เรื่องการซื้อบ้านก็พอเข้าใจดี พอคุยกับใครๆได้ มาดูการก่อสร้างที่กำลังขยายไปเรื่อยๆ เพราะคนต้องการที่พักมาก ญาติที่เป็นวิศวกรจากจุฬามาด้วยก็ชี้ให้ดูว่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช้เสาแล้วก่อกำแพงสำเร็จรูปก็ขึ้นหลังคาได้เลย
ผมนึกไปถึงเมื่อสามสิบ สี่สิบปีที่แล้วที่พักที่เชียงใหม่ เป็นห้องเช่า เจ้าของเป็นสถาปนิก ห้องพักไม่มีเสาเลย สมัยนั้นงงๆมากบ้านอะไรไม่มีเสา มาเดี๋ยวนี้ใช้กันหมดแล้ว ประหยัด และรวดเร็ว
ที่หมู่บ้านนี้ใช้แรงงานเด็กจากพม่าและเขมร อย่างเด็กกลุ่มนี้มาจากเสียมเรียบ ผมพอสื่อสารได้นิดหน่อยเพราะสมัยทำงานที่สุรินทร์ก็ไปเรียนภาษาเขมรที่วิทยาลัยครู แต่นี่เป็น ขะแมร์กรอม ไม่ใช่ ขะแมร์ลือ แต่ก็พอสื่อสารได้นิดหน่อย ดูเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย…
อย่างรูปซ้ายมือนั้นดูภายนอกเป็นสี่ห้อง จริงๆแบ่งเป็นสองหลังติดกัน จริงๆก็คือห้องแถว แต่ออกแบบให้เหมือนบ้านนั่นแหละ เดี๋ยวนี้จะซื้อบ้านเขาพิจารณา อย่างแรกเงินในกระเป๋า สองทำเลที่ตั้ง สามระบบการคมนาคม สี่น้ำท่วมหรือไม่ท่วม ตามลำดับ ญาติที่เขาอยู่กรุงเทพฯมานานแสนนานก็บอกว่า ตรงนี้ดีที่สุดสำหรับลูกสาว ก็เลยตัดสินใจ ต้องมาจองตั้งแต่ยังไม่เสร็จ แย่งกันยังกะซื้อขนมปังเว้ยเฮ้ย…
หลังจากเป็นรูปร่างโอนกันเรียบร้อยก็มาถึงการตกแต่งเพราะได้แต่ตัวบ้าน จะเข้าอยู่ต้องติดนั่นติดนี่อีกหลายตังค์ คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างเราร้องจ๊ากสส์ มันหลายเท่าตัวเทียบกับบ้านขอนแก่นที่ผมซื้อเมื่อสามสิบปีที่แล้ว อ้าวก็สามสิบปีที่แล้ว…ลูกสาวผมย้อนใส่….
ผมมาขลุกกับเรื่องบ้านของลูกเสียหลายวัน เดินไปดูบ้านคนโน้นคนนี้ตามประสาคนอยากศึกษาเปรียบเทียบ ความคิดต่างๆว่าเขามองอะไร คิดอะไร แล้วเราควรจะคิดอย่างไร ก็ทราบว่า มีอาจารย์ มข.มาซื้อให้ลูกสาวเหมือนกัน และคนใต้ มาซื้อห้องให้ลูกสาวเท่าที่นับได้ เกือบห้าคน ถามช่างที่มาตกแต่งห้องเขาก็ชี้ว่าห้องโน้นคนขอนแก่นซื้อให้ลูกชาย ห้องนั้นคนเชียงใหม่ แม่เป็นใต้ซื้อให้ลูกสาว
ปรากฏว่าเป็นห้องที่คนรุ่นใหม่มาหาที่พักกันเสียส่วนใหญ่ การที่คนอายุมากออกจากงานนั้นไม่มีให้เห็นเลย มีแต่มาส่งลูก มาอยู่เป็นเพื่อนลูกสักพักหนึ่ง
เป็นที่อยู่ของคนรุ่นใหม่ มิน่าเล่า ผมถามพนักงานเจ้าของโครงการว่า ทำไมตั้งชื่อ The Color Premium เขาอธิบายว่าเป็น Concept สำหรับเด็กยุคใหม่…..
ญาติที่เป็นวิศวกรมาดูบ้านก่อนจะโอนบ้านก็ติเสียสองหน้ากระดาษให้ตกแต่ง ทำใหม่ โอย..ผมไม่รู้เรื่อง อาศัยวิศวกรพี่เขา นี่ก็บอกว่าหลังห้องนั้นหากจะปรับปรุงใส่หลังคาทำห้องครัวเล็กๆก็ต้องตอกเสาเข็ม อย่างน้อย 15 ต้น เพราะดินมันทรุด ซึ่งถามช่างที่มาตกแต่งห้องอื่นๆก็พยักหน้าว่า จริงครับ….
ผมก็วาดรูปแสดงความเห็นตรงนั้นตรงนี้ ควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกสาวบอกว่า ไม่ต้องเลย..นี่บ้านหนู..หนูมีไอเดียเพียบแล้ว…ไม่ต้องมาบอกว่าควรทำนั่นทำนี่…. อิอิ
เออ…ออกความเห็นก็ไม่ได้…ทีเงินซื้อบ้านก็มารีดไปจากเราจนหมดตูด…ห้า ห้า ห้า