ถนนมิตรภาพคือที่รวมน้ำ

145 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 กรกฏาคม 2011 เวลา 23:31 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2142

เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา ตอนบ่าย ฝนตกที่ขอนแก่นมากทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเมือง และที่ ถนนมิตรภาพหน้าร.พ.ศรีนครินทร์ ส่วนที่ท่วมมากกว่านี้ก็มีแต่ถ่ายรูปไม่ทัน ถนนกลายเป็นคลองรวมน้ำที่มาจากมอดินแดง คือ มข. มอคือโนน คือเนิน คือที่สูง น้ำจากพื้นที่สูงส่วนใหญ่คือพื้นที่มข.ก็ไหลมารวมกันตรงนี้ นี่ขนาดตกแบบที่เรียกว่าฝนไล่ช้าง คือมาหนักแล้วผ่านไป หากตกหนักเป็นเวลานาน อะไรจะเกิดขึ้น


บางกอก 2554

72 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 กรกฏาคม 2011 เวลา 19:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2224

ทีสถานี MRT แห่งหนึ่ง ผมขับรถไปรอลูกสาวเมื่อเธอเลิกจากงานแล้วนั่งรถใต้ดินมาโผล่ตรงนี้ แล้วผมรับกลับบ้านพักแถวบางเขน ผมไม่ได้คลุกคลีกับกรุงเทพฯ การขับรถไปไหนมาไหนมันลำบากใจกลัวจะเฉี่ยวชน กลัวไปไม่ถูก กลัวหาทางเข้าจุดเป้าหมายไม่ถูกแล้วเลยเป้าหมาย ..ฯลฯ หากไม่จำเป็นจริงๆก็ใช้บริการแท็กซี่ แต่งานนี้ลูกสาวขอให้ไปรับเธอ ส่วนหนึ่งเธออยากให้ผมมีประสบการณ์ในกรุงเทพฯ อิอิ ไม่ค่อยอยากมีสักหน่อย เมื่อลูกขอร้องก็เอาซะหน่อย

 

ผมเอารถไปจอดที่จอดรถก่อนเวลานานเป็นชั่วโมง ไปก่อนเวลาก็เพราะเกรงว่าอาจมีปัญหาจะได้มีเวลาแก้ไข เมื่อถึงที่หมายก็ผ่านด่าน พนักงานให้การ์ดจอดรด เรารับไว้ หาที่จอดได้แล้ว ซึ่งอาคารจอดรถเป็นตึกสักสิบชั้นได้มั๊ง สำหรับคนทำงานเอารถมาจอดที่นี่แล้วนั่งรถใต้ดินไปทำงาน เลิกงานก็กลับมาเอารถ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จาก “กระฉับกระเฉง” เป็น “ชินชา” แล้วเข้าสู่ “เชื่องช้า” มันเป็นวิวัฒนาการของคนทำงานในระบบ ในเมืองใหญ่ แต่คำว่าเชื่องช้า อาจไม่ได้มีความหมายจะต้องเป็นทางลบ แต่เช่องช้าเพราะสุขุมมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ไตร่ตรองมากขึ้น จึงใช้เวลามากขึ้นในการทำอะไร ตัดสินใจอะไร…

ลูกสาวบอกให้ผมเดินลงไปใต้ดินดูโน่นดูนี่ ผมก็ลองทำดู เดินสวนทางคนที่เลิกงานมาเอารถกลับบ้านเป็นกลุ่มๆ ดูหน้าตาส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานต้นๆ หรือกลางๆ และจำนวนมากในกลุ่มนั้นเป็นสตรี หลายคนมีสายเสียบหูต่อเครื่องมือถือ หรือ iPhone อะไรสักอย่าง ผมลงไปสองชั้นด้วยบันไดเลื่อนที่ทำงานเร็วมากเมื่อเทียบกับบันไดเลื่อนที่ห้างสรรพสินค้า น่าจะใช้ไฟฟ้ามหาศาล เพราะมันเดินเครื่องตลอดไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มี สถานที่เป็นโล่งๆ ไม่มีร้านค้าใดๆ อาจเป็นเพราะยังลงไม่ถึงล่างสุด เพราะมีด่านการ์ดทำหน้าที่ตรวจวัตถุต้องห้ามสำหรับทุกคนที่ผ่านเข้า ผมตัดสินใจไม่ลงไปต่อ ย้อนกลับขึ้นมา มีแถวตู้ ATM ของหลายธนาคารตั้งบริการอยู่ มีหนุ่มๆสองสามคนไปใช้บริการ เขาอาจมีโปรแกรมต่อจากนี้ก็ได้ จำเป็นใช้เงิน อากาศอบอ้าว

ผมขึ้นมาที่จอดรถ เดินไปมาดูโน่นนี่เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง เอาน้ำในรถมาดื่ม นึกได้ว่าผมเอาเก้าอี้ที่พับได้ติดมา จึงเอามากางมุมหนึ่งแล้วเอาหนังสือมาอ่าน สายตาสลับกับการสังเกตชีวิตความเป็นไปของคนกรุงเทพฯที่มาใช้บริการที่จอดรถใต้ดิน เดี๋ยวก็มีคนออกมาจากรถใต้ดิน ขับรถของเขาที่จอดอยู่ออกไป เดี๋ยวก็มาอีก เดี๋ยวก็มาอีก สังเกตการแต่งตัวใส่แขนยาวขาว ผูกเนคไทด์ หิ้วกระเป๋า Notebook หรือบางคนห้อยไหล่ ดูท่าทางเหนื่อยอ่อน บางคนหยิบมือถือมาโทรคุย เห็นมีรถเข้ามาจอดเหมือนกัน ดูดูไปเป็นพ่อแม่ มารับลูกสาว เออ เหมือนเราเลยนะ นั่นมาทั้งพ่อทั้งแม่ หรือสามีมารับภรรยา หรือแฟน บางคู่เกี่ยวก้อยจับมือกันหวานเจี๊ยบไปขึ้นรถออกไปด้วยกัน

ผมดูเวลาแล้ว สี่ทุ่มครึ่งแล้วรถยังจอดอยู่หนาตา แต่ก็ลดลงเรื่อยๆ มีชายหนุ่มท้วมๆคนหนึ่ง เหงื่อโซกมาเลย เดินตรงมาที่ผมนั่ง “พี่ครับ รถผมแบตหมดอยู่ชั้นบน รถพี่มีสายเชื่อมแบตไหมครับ ขอยืมไปใช้หน่อยครับ” ผมเข้าใจสถานการณ์ทันที แต่ก็จนใจเพราะในรถผมก็ไม่มี รถคันเดิมมีครบ แต่คันนี้ไม่ได้เตรียมไว้ โอย ทำไงดีจะช่วยได้.. ผมแสดงความเห็นใจแต่จนปัญญา เลยแนะนำแบบกำปั้นทุบดินว่า ติดต่อตำรวจ หรือการ์ดที่นี่ได้ไหม เขาก็บอกว่า มันก็ดึกแล้วนะ ร้านรวงต่างๆก็คงปิดไปหมดแล้ว ดูเขาเป็นห่วงมาก เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขามีกำหนดการอย่างไรอีก อาจจะมีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าคอยลูกกลับบ้าน อาจมีครอบครัวคอยเขา หรือเขามีงานที่ต้องรีบกลับไปทำต่อที่บ้าน …

เขาจากไปโดยไม่ประสบผลสำเร็จในการร้องขอความช่วยเหลือจากผม ผมนึกว่า เอ เราไปช่วยเขาดันรถได้ไหม อยากช่วย สงสาร เพราะใจก็นึกไปว่า นี่เป็นผู้ชาย หากลูกสาวเราเป็นเช่นนี้บ้างจะแก้ปัญหาอย่างไร ใจคิดไปร้อยแปด คิดไปว่า เธอควรมีคู่มือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสารพัดเรื่องแบบนี้ในเมืองหลวง อย่างน้อยที่สุด เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญๆที่สามารถขอความช่วยเหลือ หรือขอแนะนำอะไรได้บ้าง กรุงเทพฯน่าที่จะมีหน่วยฉุกเฉินที่พร้อมเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาแบบนี้ นอกจากแต่ละบุคคลจะเตรียมพร้อมให้มากที่สุดแล้วอาจจะไม่ครอบคลุมปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้…

เป็นเวลาชั่วโมงกว่าที่ลูกสาจะมาถึง เห็นรถที่จอดอยู่ค่อยๆทยอยออกไปจนบางตามากแล้ว เรากลับบ้านกว่าจะถึงบ้านก็ห้าทุ่ม หลานอีกคนที่ทำงานยังไม่กลับมาเลย ถามเธอว่า พี่เขากลับดึกอย่างนี้ทุกวันหรือ เธอตอบว่าเป็นปกติ….???!!!

ผมไม่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่ทำงานในกรุงเทพฯจะใช้เวลาที่ทำงานและการเดินทางมากขนาดนี้ ลูกสาสกลับถึงบ้านพัก ประมาณ สามทุ่มขึ้นไปทุกคืน ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์ที่เธอไปเรียน ป.โทที่มหิดล ส่วนหลานสาวคนนั้นที่พักด้วยกันกลับมาถึงบ้านอย่างต่ำก็ สี่ทุ่มครึ่งทุกคืน ออกจากบ้านก็แต่เช้ามืด

เธอมีเวลาที่ทำงานและการเดินทางมากกว่าอยู่ที่บ้าน ….??!!!

 

มิน่าเล่าช่วงไหนมีวันหยุดสามวันขึ้นไปต่างก็แห่ออกจากรุงเทพฯไปไหนก็ได้ที่เป็นต่างจังหวัด เป็นสภาพสังคมที่ชีวิตต้องจำนนอย่างนั้นหรือ…

สงสารลูกสาว หลานสาว และคนกรุงเทพฯจริงๆ…



Main: 0.021209001541138 sec
Sidebar: 0.044946908950806 sec