กล้วยน้ำว้าลูกละ 6 บาท

118 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 เมษายน 2011 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4848

ผมเป็นคนชอบกินกล้วยทุกชนิดตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่หวีละ 3 บาท 5 บาท จนปัจจุบัน 25-45 บาทเข้าไปแล้ว ผมเองพบกล้วยน้ำว้าลูกละ 6 บาทกว่า

เช้าวันนั้นผมต้องไปจอดรถข้างๆโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพราะเอารถเข้าไปข้างในบริเวณที่จอดรถไม่ได้ นั่งอยู่ในรถคอยการนัดหมาย สายตาก็สาดส่องไป กลัวตำรวจจะมาจับจอดผิดที่

สายตาที่สาดไปส่วนหนึ่งก็เพื่อดูวิถีชีวิตคนเดินริมถนนในเมืองหลวง ผมพบพ่อค้าขายกล้วยปิ้งคนนี้ครับ มีกล้วยห่ามๆในกระจาด มีสาแหรกมีคานหาม มีเก้าอี้ ผมนึกถึงชนบทภาคกลาง ผมเคยหาบกระจาดในสาแหรกแบบนี้มาแล้วสมัยเด็กๆ เช่น หาบข้าวปลาอาหารไปทำบุญที่วัด หาบผลผลิตจากสวนกลับบ้าน หาบแตงโมไปขายที่ตลาดวิเศษชัยชาญ…. และร่วมกับชาวบ้านไปหาบข้าวเปลือกให้วัดยามออกไปแผ่บุญเพื่อทอดผ้าป่าเอาเงินไปซ่อมแซมโบสถ์ เด็กหนุ่มสมัยนั้นรู้สึกอายๆวัยรุ่นสาวๆเหมือนกัน อิอิ..


ผมจำความรู้สึกบนบ่าได้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน จากบ้านไปที่นาระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่หาบข้าวปลูกไปให้พ่อทำการหว่านลงนา สัมผัสที่ผ่านมายังรู้สึกแม้นานแค่ไหน มันไม่เลือนหายไป เพราะเป็นความรู้สึกด้านใน ไม่เพียงความรู้สึกทางกายเท่านั้น

ผมไม่กล้าลงไปคุยกับพ่อค้าขายกล้วยปิ้งหน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น ผมแอบนั่งดูพฤติกรรมท่านนานนับชั่วโมงทีเดียว มีคนเดินผ่านไปมามากมาย คนแล้วคนเล่า ชาย หญิง คนเฒ่าคนหนุ่มสาว เขาเหล่านั้นเป็นคนเดินถนนที่มาขึ้นรถเมล์ใกล้ๆ หรือมาคอยแท็กซี่ หรือบางคนก็มาว่าจ้างมอเตอร์ไซด์ที่ตรงนั้นมีวินอยู่ มีรถสัก 4-5 คัน เดี๋ยวออก เดี๋ยวออก บ้างก็มาลง บ้างก็ไปที่อื่น


ก็มีคนแวะมาซื้อกล้วยปิ้งบ่อยๆ ผมถือว่าขายดี ส่วนใหญ่เป็นสตรี ผมพยายามดูว่าเขาขายอย่างไร ผมไม่ได้ยินเขาพูดกันแต่พอเดาได้ว่า พ่อค้าจะถามว่าเอากล้วยแบบไหนแบบเกรียม หรือแบบร้อนๆที่เพิ่งกลับไปมา หรือเอาทับชุบน้ำชุบกล้วยที่หั่นเป็น คำ คำ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนมากซื้อเป็นลูกๆที่ไม่ได้ทับ และเอาแบบเกรียมๆหน่อย 3 ลูก 20 บาท!!!!! ลูกละ 6 บาทกว่า !!!!!! พ่อค้าเอามือหยิบใส่ถุงพลาสติกใส แล้วเอาใส่ถุงหิ้วอีกชั้นหนึ่ง เมื่อรับแบ้งค์ 20 มาแล้วก็เอาไปแตะๆ กล้วยที่ปิ้งอยู่นั้นเหมือนแม่ค้าทั่วไปที่ทำเช่นนั้นยามเช้าๆ นัยว่าขอให้วันนี้ขายดี ขายดี หมดเร็วๆ.

ช่วงที่ผมนั่งดูนั้น 9 โมงกว่าแล้ว กล้วยที่เอามาปิ้งหมดไป 3 หวีแล้ว

ผมไม่วิเคราะห์ในมุมกล้วยปิ้งนี้ไม่สะอาด ทั้งกระบวนวิธีปิ้ง การหยิบจับ การย่างที่รบควัน.. แต่ผมขอมองในมุมอาชีพผู้ชายที่มาใช้เวลาทั้งวันทำหน้าที่ ทำอาชีพที่บริสุทธิ์ ริมถนน ท่ามกลางอากาศที่มีมลภาวะมากมาย ยามจะเข้าห้องน้ำ ยามจะกินข้าว กินน้ำ ไปทำธุระส่วนตัว รายได้ต่อวันมีความหมายมาก ไม่รู้กี่คนที่อยู่ที่บ้าน ไม่รู้ว่าภาระครอบครัวเขาอาจจะมีลูกที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่ไหนสักแห่ง.. ที่บ้านอาจจะมีคนป่วยนอนคอยรายได้ไปรักษาก็ได้

ที่ทำงานของท่านผู้นี้คือริมถนน ขายสิ่งบริโภคให้กับคนกลุ่มหนึ่งในสังคม หากฝนตกมาเขาคงไม่ได้ขาย วันไหนๆที่ร้อนจัดๆล่ะ…

ในสภาเขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน

ท่านผู้มีตำแหน่งสูงๆ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคม ยืดคออยู่ในห้องที่หรู อาหารหนึ่งมื้อของท่านอาจจะมีราคาสูงกว่ารายได้ของชายท่านนี้ทั้งเดือน ท่านอาจจะเคยเดินผ่านชายผู้ขายกล้วยปิ้งท่านนี้…. ขณะที่สมองท่านคิดเรื่องพัฒนากรุงเทพฯ เมืองไทยให้ศิวิไลซ์..

ทุกคนก็ทำหน้าที่ของท่านไป

ชายท่านนี้ก็ขายกล้วยปิ้งไป วันแล้ววันเล่า จนกว่าจะหมดแรง…..

งานพัฒนาเพื่อใครกัน…. เขามองเห็นคนกลุ่มนี้ไหม..??

 


 



Main: 0.28393197059631 sec
Sidebar: 0.30576515197754 sec