จากสีวร ถึงสีน้ำและเสียงเพลง

317 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 มีนาคม 2011 เวลา 20:44 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม #
อ่าน: 7560

ผมแอบชื่นชม พ่อหวังและอีกหลายๆพ่อในชนบทที่เขามีวิธีการสอนคนแบบดั้งเดิม แบบบุพกาล อะไรทำนองนั้น ไม่มีหลักวิชา ที่สมัยใหม่ต้องเข้าไปเรียนวิชาสร้างคน(ครู)กันในห้องเรียน แต่ออกมาสร้างใครไม่เป็นจริงๆ ตรงข้ามบางคนกลับไปทำลายซะอีก


ครูดีดีมีเยอะนะครับ อย่าคิดว่าตีขลุมไปหมด ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะว่า ผมไปพบชาวบ้านคนหนึ่งที่เหมือนกับเด็กหนุ่มอีสานทั่วไป ที่โตขึ้นมาจากป่าเขาก็อยากเข้าเมือง ความรู้ก็แค่ ป.4 แล้วจะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร มีอย่างเดียวคือแรงงาน สีวร ไม่ใช่สีเหลืองสีแดง แต่เป็น “สีวร” ชื่อเด็กหนุ่มดงหลวงคนนี้ ตะลอนไปหางานทำทั่วไปหมด ที่ไหนมีการจ้างก็ทำไม่เลือกหนักเบา …

ในที่สุดพบว่า เงินที่ได้จากค่าจ้างแค่ซื้อปลาทูกินเท่านั้น หลายปีเข้า ก็เหมือนเดิม สีวรทบทวนชีวิตตัวเองแล้วก็หันหลังให้กับสังคมเมืองเดินกลับบ้านป่า กลับไปอยู่กับพ่อแม่ ทำนาทำไร่ และมีครอบครัวเหมือนหนุ่มทั่วไป แต่ลึกๆสีวรดิ้นรนจากสภาพเดิมๆ แต่ไม่รู้จะทำอะไร แล้วสีวรก็เดินชีวิตเฉียดข้าไปที่ยาเสพติด…

พ่อหวังเป็นชาวโซ่ ธรรมดาคนหนึ่งแต่ผ่านการปรุงชีวิตจากป่า จากงานพัฒนาของเครือข่ายอินแปง ที่เอาชีวิตมาปอกกันเป็นรายคน ว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร แล้วจะเดินไปทางไหนกัน การเข้าค่ายปอกเปลือกชีวิตครั้งนั้นทำให้ผู้นำไทบรูจำนวนมาก ตกผลึกกับชีวิต…เขาเหล่านั้นเดินกลับบ้านด้วยความหวังของการสร้างครอบครัวแบบพึ่งตัวเอง..

พ่อหวังกลับมาเห็นสีวร ซึ่งเป็นเหมือนลูกหลาน เห็นมาตั้งแต่เด็ก จนโตรู้นิสัยใจคอ รู้หัวนอนปลายตีนดี เห็นแววการดิ้นรนแต่ไม่มีทางออก ไม่มีทางไป และเดินเฉียดยาเสพติดเข้าไปทุกที พ่อหวังเห็นว่าเด็กคนนี้จะเสียคนแน่จึงชวนมาอยู่บ้านสวน มากินมานอนมาคุยกันมาทำงานทำนาทำสวนนี่แหละ แต่ทำไปด้วยคุยไปด้วย พ่อหวังที่ผ่านโลกมาก่อน ผ่านการใช้ชีวิตในป่า ต่อสู้กับรัฐบาลมาก่อน แล้วก็ออกมาสร้าวครอบครัวใหม่ด้วยแนวทางเกษตรผสมผสาน พออยู่พอกิน พอประมาณ

สองปีที่สีวรใช้ชีวิตกับพ่อหวัง ไปๆ-มาๆระหว่างบ้านตัวเองกับบ้านพ่อหวัง ความรักที่พ่อหวังให้แก่สีวร การสั่งสอนแบบไม่สอนคือทำไปด้วยกัน ใช้เวลาพูดคุยแลกเปลี่ยน และคลุกวงในของชีวิตกันและกัน สองปีนั้นสีวรอิ่มเอมกับมิติใหม่กับชีวิต เขากราบลาพ่อหวังพาครอบครัวลูกน้อยไปสร้างบ้านสวนขึ้นมาด้วยมือเขาเอง ปลูกทุกอย่างที่กินได้ แรงงานที่เคยรับจ้างเขา แต่คราวนี้ แรงงานทุกหยาดหยด มันคือสิ่งที่เขาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

สีวรบอกว่า ผมเรียนชีวิตจากพ่อหวังจากงานพัฒนา จาการพูดคุยแลกเปลี่ยน จาการดูพ่อๆทั้งหลายที่สร้างชีวิตมาก่อนผม ผมเข้าใจแล้วว่าผมควรจะทำอะไร ทุกวันนี้ภรรยาสีวรมีความสุขกับการเก็บผักต่างๆในสวนไปขายที่ตลาดมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 2-3 ร้อยบาท


เมื่อผมเข้ามาสัมผัส Hug school ฟังคุณครูทั้งหลายปอกเปลือกตัวเองให้ฟังแม้ว่าจะเป็นเสี้ยวส่วนก็ตาม ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวว่า เขามีความสุขมากที่ทำงานที่นี่ เข้าใจได้ไม่ยากเลยที่ผู้บริหารโรงเรียนเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน แต่มีความเหมือนกันที่ทุกคนรักดนตรี อาจจะเลยไปถึงรักมากที่สุดด้วย รักศิลปะ และช่างดีเสียนี่กระไรที่คุณพ่อก็เป็นคนที่รักดนตรี รักอิสระ และสร้างสรรค์

Hug school ต่างจากโรงเรียนในวิถีชีวิตพ่อหวังที่หลอมสีวรขึ้นมาเป็นผู้คนได้ มันต่างกันสุดหล้าฟ้าเขียว แต่มีสิ่งที่เหมือนกัน ที่เป็นแก่นลึกข้างในของพื้นฐานการสร้างคนคือ “ความรัก” ที่มนุษย์พึงมีต่อกันเพื่อเสริมสร้างให้แก่กัน

ความรักนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ความรักมันสร้างโลกได้จริงๆ ในสังคมเรามีแม่พระ พ่อพระเช่นนี้มากมายที่เราผ่านพบบ่อยๆ

แต่ในระบบการเรียนในห้องของเรานั้นที่มีกระทรวงศึกษาเป็น Manager ใหญ่นั้น ความรักมันไปซ่อนซุกอยู่ตรงไหน หรือมันระเหยระเหิดไปหมดสิ้นนานแล้ว มีแต่หว่านคำพูดหรูๆ สร้างเกณฑ์ประเมินกันหน้าดำคร่ำเครียด


ถามว่าเมื่อพ่อหวังสร้างสีวรมาด้วยความรักความเป็นลูกหลานในหมู่บ้านเดียวกัน และประสพผลสำเร็จเช่นนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นในสายสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ครอบครัวทั้งสอง และทัศนคติที่เขามีต่อเพื่อนร่วมหมู่บ้าน….

นี่คือทุนทางสังคมที่ดีงาม หมดจรด ทุกอย่างมันก็ตามมา ความเอื้ออาทรต่อกันและกันลามออกไปถึงผู้อื่นที่สีวรทำกับผู้อื่น มองกับผู้อื่น

หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่บ้าน คนสองคนจะไล่ฆ่าแกงกันไหม มีแต่จะยื่นมือมาจับต้องและนั่งลงคุยกันฉันท์พี่น้อง และอภัยให้แก่กัน

ผมคิดว่า Hug school กำลังทำงานที่ยิ่งใหญ่ เหมือนที่มงคลวิทยากำลังสร้างอยู่ เหมือน ดร.อาจองยื่นสองมือไปโอบกอดเด็กสัตยาไส เหมือนลูกหลานที่มีแต่ความหวังดีมอบให้ เหมือนกับพ่อแม่มีต่อลูก…

Hug school ใช้ศิลปะแขนงต่างๆเป็นสื่อกลางที่กล่อมเกลาด้านในของตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง สีน้ำ…..ฯลฯ ชื่นชมคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ครับ

ความรักสร้างคน สร้างสังคม สร้างโลก

เรามารักกันเถอะครับ…


โรงเรียนฟื้นแล้ว

378 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 มีนาคม 2011 เวลา 10:04 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3659

ก่อนจะขอเวลาไปทุ่มให้กับงานเขียนที่รีบเร่ง ขอแวบมาหยอดงานเมื่อคืนหน่อย HUG school นั้นผมผ่านไป-มาตลอดเพราะตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพสายหลักของเมืองขอนแก่น เยื้องๆ รพ.ศรีนครินทร์ ท่านผู้เป็นเจ้าของก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในขอนแก่นและเมืองไทย คือคุณหมอวันชัย วัฒนศัพท์ เจ้าของสถาบันสันติศึกษา เคียงคู่กับ สถาบันพระปกเกล้า และมีบทบาทในการแก้ไขความขัดแย้งเมืองไทยมาหลายงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง


โดยส่วนตัว คุณหมอเองก็เคยเป็นบอร์ดของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งครั้งหนึ่งผมเป็นตัวแทน NGO เข้าไปนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย และสถาบันแห่งนี้คนข้างกายผมทำงานอยู่ที่นั่น และเมื่อครั้งที่คุณหมอไปตั้งโรงเรียน KKVS ที่เป็น Bilingual school ลูกสาวผมก็ไปเรียนที่นั่น และบ่อยครั้งที่เปิดฟังรายการวิทยุที่คุณหมอจัดรายการ ที่เอาข่าวสาร แนวคิดต่างๆมาคุยให้ฟัง


มาอีกทีเมื่อ ออต เข้ามาร่วมมือกับ Hug school แล้วเอาสาระมา Post ลงที่ลาน ก็ได้ติดตามมาตลอด แต่ไม่เคยย่างก้าวเข้ามาที่นี่เลย..

ทึ่งกับคนหนุ่มสาวที่รวมตัวกันทำอะไรที่มีสาระแก่อนาคตของประเทศ เช่น HUG school ผมเองถ้าเป็นน้องอึ่ง ครูอารามและน้องหมอน้อยจากลำพูนก็ต้องมาเยี่ยมแน่นอน ได้คุยกับพ่อครูว่า เป็นโรงเรียนที่แหวกกรอบเดิมๆของโรงเรียนออกมาอย่างน่าติดตามยิ่งนัก

ยังไม่ขอลงรายละเอียดและแนวความคิดเห็นส่วนตัวต่อทีมคนหนุ่มสาวเหล่านี้นะครับ


เพียงขอแหย่หัวเรื่องไว้ก่อน เพราะต้องจบงานเขียน พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปลาว กลับจากลาวหากเคลียร์งานเสร็จก็จะกลับมาเขียนต่อครับ

แต่อยากตั้งประเด็นไว้ก่อนว่า

  • สังคมปัจจุบันพูดกันมากขึ้นในเรื่องการเรียนการสอนในกรอบเดิมๆว่าล้มเหลว และมีความพยายามมานานเหมือนกันที่จะแหวกออกมาจากกรอบนั้น นับตั้งแต่แนวคิด summer hill เข้ามาในเมืองไทย และเกิดโรงเรียนบ้านเด็กที่กาญจนบุรี
  • การวิภาคอย่างรุนแรงต่อระบบการศึกษาของ ไอวาล อิลลิสในหนังสื่อชื่อ Deschooling ดูที่ (http://www.skyd.org/html/priest/ivan.html)
  • หลังจากนั้นก็เกิด อาศรมรุ่งอรุณ เกิด โรงเรียนสัตยาไสที่ลพบุรีของดร.อาจอง (ดูที่ http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=4&post_id=60101)
  • เกิดโรงเรียนนานาชาติ เกิด Bilingual school มากมาย
  • เกิด Home school
  • ลามเลยไปถึงรูปแบบการฝึกอบรมในวงการพัฒนาชนบทมานานแล้ว

พ่อครูบาฯท่านเป็นโรคปากเปื่อย ที่รักษาไม่หาย เพราะบ่นถึงระบบการศึกษาไทยมานาน แล้วปรากฏการณ์ในสังคมที่เกิดมาจากเด็กวัยรุ่นก็ยังมีให้เห็นตลอดมา ระบบมันสิ้นหวังแล้วหรือ

ความจริงผมมีฐานเรื่องเหล่านี้มาบ้างเพราะเรียนจบมาทางการศึกษาโดยตรง แต่ไปใช้ความรู้ทาง Informal Education มาโดยตลอดเสียมากกว่า

น่าเฝ้ามอง Hug school และมงคลวิทยาจริงๆ โรคปากเปื่อยของพ่อครูท่าจะรักษาหายแล้วหละ อิอิ..


เมฆ.การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

417 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 มีนาคม 2011 เวลา 8:47 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 6730

 

แต่ก่อนทุกวันศุกร์ผมจะขับรถจากมุกดาหารกลับบ้านขอนแก่น

เป็นความสุขหลังพวงมาลัย คือ เปิดวิทยุ AM ฟังเพลงที่เลยยุคสมัยไปแล้ว

เปิดข่าวสารเพื่อนบ้าน และเหลือบมองเมฆบนท้องฟ้า

หากตรงไหนสวยงามก็จะหยุดรถ

แล้วคว้ากล้องตัวโปรดมาเก็บภาพนั้นทันที

จากการเป็นคนหนึ่งที่ชอบถ่ายรูปเมฆ

ก็นึกรำคาญเสาไฟข้างถนนทุกทีที่เห็นรูปเมฆสวยๆ

เพราะถ่ายรูปแล้วติดเสาไฟ สายไฟรุงรังไปหมด

หากเลือกได้ก็พยายามขับรถไปในเส้นทางที่มีพื้นที่โล่ง

เช่นไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย ฯลฯ

หากมาจากมุกดาหาร-กุฉินารายณ์

ก็สามารถตรงไป อ.สมเด็จ ต่อไปกาฬสินธุ์ ขอนแก่นได้

บางครั้งผมเลือกเส้นทางกุฉินารายณ์ไปโพนทอง เพราะเหตุผลข้างต้น

แล้วผมก็ได้รูปชุดนี้มา แปลกดี สวยดีครับ

ชุดนี้จอดรถที่ไร่อ้อย วิ่งเข้าไปกลางไร่อ้อยเพื่อหนีสิ่งกีดขวาง

แล้วก็เก็บการก่อเกิดเมฆชุดนี้มา

แล้วผมก็เอาไป post ใน FB ชมรมรักมวลเมฆตั้งแต่เดือน 8 ปี 53

เมื่อวานนี้ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติโทรมาหาขณะอยู่ที่ HUG school

ว่าขอรายละเอียดเรื่องรูปหน่อย วารสารสารคดี

เลือกรูปจากชมรมไป 30 รูปเอาไปทำ บทความ ของผมดูจะติดไป 2 รูป

ความจริง บรรณาธิการเมล์มาขอ 4 รูป แต่ผมไม่มีเวลาค้นให้

เพราะเร่งเขียนรายงานเมืองลาวอยู่ครับ

นี่ก็จ่อคอหอยเข้ามาแล้ว

——-

…เล่าให้ฟังเล่นๆครับ…



Main: 0.032161951065063 sec
Sidebar: 0.046772956848145 sec