ค่ำนี้ที่เวียงจัน
อ่าน: 914
เวียงจันค่ำคืนนี้ ผู้คนบางตา
แม่ค้าบอกขายของไม่ค่อยได้
ไม่รู้ว่าผู้คนไปหนใด
หรือเก็บตัวเก็บใจอยู่แต่เรือน
เวียงจันค่ำคืนนี้ ผู้คนบางตา
แม่ค้าบอกขายของไม่ค่อยได้
ไม่รู้ว่าผู้คนไปหนใด
หรือเก็บตัวเก็บใจอยู่แต่เรือน
เชียงใหม่: สมัยทำงานที่สะเมิง เชียงใหม่ วันหยุดเราก็เข้ามาพักในตัวเมือง โดยเช่าบ้านหลังวัดสันติธรรม อยู่กัน 7-8 คน สมัยก่อนแถวนั้นเป็นชุมชนที่ใหญ่ เมื่อเทศบาลนครเชียงใหม่พัฒนาตัวเมืองมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองที่ดินมากมาย ตึกรามเข้ามาแทนที่บ้านไม้ ถนนหนทางลาดยางพัฒนาอย่างดี ชุมชนที่ชาวบ้านอยู่กันมาหลายชั่วคน กลายเป็นสลัมในเมืองไป เขาเรียกอย่างนั้นจริงๆ
ขอนแก่น: ตัวเมืองใหญ่ๆมีสภาพเช่นนั้น บ้านจัดสรรที่ผมอยู่เขาเรียกชุมชนหนองใหญ่ เพราะมีหนองขนาดใหญ่สามแห่งอยู่ใกล้ๆ ชาวบ้านในอดีตได้อิงอาศัยทำมาหากิน ตามวิถีชุมชน เมื่อเมืองโตขึ้นมา ตึกเกิดขึ้น นายทุนมากว้านซื้อที่ดินทำบ้านจัดสรร หนองขนาดใหญ่ถูกเทศบาลพัฒนาเป็นที่บำบัดน้ำเสียของตัวเมือง และแบ่งบางส่วนเป็นสวนสาธารณะ ให้คนเมืองมาออกกำลังกาย เดินเล่น โครงสร้างของหนอง บึงถูกจัดการใหม่ตามวัตถุประสงค์เมือง โดยที่ไม่เคยทำ Public scoping กับชาวบ้านแถบนั้นเลยว่าเขาคิดอย่างไร…?
ถนนหนทางขึ้นเต็มไปหมด วัวควายที่เคยเลี้ยงในหมู่บ้านหนองใหญ่ เช้าก็ไล่ออกไปกินหญ้าลงน้ำที่หนองใหญ่ ชักมีปัญหา เพราะต้องข้ามถนนที่รถรามากขึ้น นานเข้าอาชีพทำนาก็ต้องมีปัญหาเพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปหมดแล้ว แล้วป้าพรรณชาวบ้านหนองใหญ่ก็มาเป็นรับจ้างซักผ้ารีดผ้า ลุงคำก็กลายมาเป็นพนักงานเดินโต๊ะในร้านอาหารใกล้บ้าน ไอ้ศักดิ์ก็เปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ อีหล้าก็เปิดร้านทำผมตัดเล็บ อีนางก็มาเป็นแม่บ้านรับจ้าง ทำความสะอาดบ้าน แล้วก็ซื้อข้าวกิน…? ก็ความรู้สำหรับชีวิตในเมืองไม่มี..
กระนั้นก็ยังมีชาวนาตกค้าง เพราะไปทำอะไรกับใครไม่ได้ ก็ออกไปปลูกกระต๊อบนอกชุมชนเลี้ยงวัวสามสี่ตัวไปวันๆหนึ่ง นั่งนอนอยู่กับวัวด้วยสายตาที่เหงาหงอย สังคมในอดีตของบ้านหนองใหญ่สิ้นสุดไปแล้ว ทุกคนดิ้นรนเดินไปข้างหน้า ลุงก็ออกมาเลี้ยงวัวมองเขาเดินไปกัน ก็ได้แค่มองเท่านั้น อายุปานนี้แล้วจะเดินตามเขาไปไหนเล่า ไม่ไหวแล้ว เทศบาลเขาไม่เห็นหัวเราแล้ว
เราเป็นคนนอกเหมือนอีกหลายครอบครัวที่เข้ามาซื้อบ้านจัดสรรยุคแรกๆของขอนแก่น ด้วยการผ่อนกับธนาคารนานแสนนาน โธ่..ไอ้นักพัฒนากระจอกงอกง่อยอย่างเราน่ะเงินเดือนแค่เศษสตางค์เขาเท่านั้น ก็เก็บหอมรอมริบเป็นทาสธนาคารมามากกว่ายี่สิบปี อาชีพคือรับจ้าง มีประกันสังคมคุ้มกะลาหัวพอกันตายไปได้ อาศัยญาติพี่น้อง เพื่อนรักใคร่ผลักดันชีวิตไปตามชะตาและแรงขับ
งานสุมหัวแต่ก็ยินดี เพราะมันเป็นงานที่เรารัก หนักเข้าก็ออกไปยืดเส้นสายดูท้องฟ้านอกบ้านบ้าง สถานที่ชอบไปก็คือบึงบำบัดน้ำเสีย ขอนแก่น ที่เป็นอดีตสวรรค์ของคนบ้านหนองใหญ่และข้างเคียง เราก็ไปดูเมฆ ดูนก ดูคน ดูสรรพสิ่งที่วนเวียนอยู่ในวังวนของพื้นที่
ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำก็ออกมาจับปลาในบึงนี้ โดยการยกยอเล็กๆ บางคนก็ทำร้านเล็กๆพอยืนได้ เอายอวางลงทิ้งไว้พักเล็กๆก็ยกขึ้นมา หากได้ปลาเจ้ากรรมที่ว่ายน้ำผ่านเข้ามาพอดีก็จะเป็นทั้งอาหารและเงินตรา เป็นทางออกทางหนึ่งของคนจนในเมือง จะไปนั่งกินตามร้าน อยากกินอะไรก็สั่งเอาเหมือนคนมีเงินเดือนนั้นไม่ได้ ก็หากินแบบนี้แหละ
เฝ้าดูการต่อสู่ชีวิตของชาวบ้านในเมือง หัวเราคิดไปร้อยแปด ก็บึงบำบัดน้ำเสีย มันเป็นที่สะสมของเสียจากตัวเมือง สารพิษ โลหะหนัก เชื้อโรค สารพัดสิ่งสกปรกจากเมืองลงมาที่นี่ เจ้าปูปลาที่อาศัยในนี้ มันไม่เหมือนบึงสมัยก่อนมันคงปนเปื้อนสิ่งสกปรกมากมาย โดยเฉพาะสารโลหะหนัก และพาราไซด์ต่างๆ
คุณยายท่านนี้กางยอเสร็จก็เอามาลงต่อหน้าเรา แกยกสองสามทีไม่ได้ปลาสักตัว ตรงข้ามคนที่ผู้ชายที่ยืนกลางบึงนั่นยกทีไรได้ปลาทุกที ถามยายว่าเป็นปลาอะไร ยายบอกว่า เป็นปลานิลตัวขนาดฝ่ามือลงไป ก็เอาไปขายในตลาด เหลือก็เอาไว้กิน….
ผมนั่งอยู่นานสมควร มองบนท้องฟ้ามีนกเริ่มทยอยบินกลับรัง ไกลออกไปพระจันทร์เริ่มทอแสงสว่าง ผมควรจะกลับบ้านเสียที ถามยายว่ายังไม่เลิกหรือ แกบอกว่าเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ำแล้ว ผมบอกลายายท่านนั้น ระหว่างทางผมเห็นการดิ้นรนชีวิตของคนจนในเมืองเท่าที่ช่องทางเขาจะมี ก่อนที่เช้าวันใหม่จะมาถึง ก่อนที่บนถนนข้างบ้านหนองใหญ่ของยายจะแน่นไปด้วยรถเก๋งของคนเมืองไปทำงานเพื่อรอสิ้นเดือนจะมีเงินเข้ากระเป๋า..
ผมเปิดวิทยุ ข่าวสึนามิ ข่าวพันธมิตร ชายแดน การยุบสภา ผมผ่านขบวนคนเสื้อแดงขอนแก่นระดมกัน
น้องหมาที่บ้านออกมาต้อนรับผม ลูบหัวมันสองสามที
แล้วผมก็ไปทำงานที่ผมต้องรับผิดชอบต่อ….