ทำไม่เหมือนเดิมให้ผลเหมือนเดิม…แปลว่ายังทำเหมือนเดิมกับเรื่องสำคัญ???

อ่าน: 1937

เล่าค้างเอาไว้เรื่องรับงานปรับภูมิทัศน์ของร้านอาหารในร.พ. ที่ได้ใช้ 5ส.ทำงานไปๆ แล้วพาตัวเกือบชนตอแต่บทางเลี่ยงตอได้ทัน ควรบอกว่างานที่ทำไปให้คุณอย่างมากมายกับการต้อนรับสรพ.

เหมือนกับบังเอิญติวเข้มตัวเองตรงข้อสอบที่สรพ.ออกไว้พอดี๊พอดี การดำเนินการของเรื่องนี้ไปตรงหลักการพัฒนาคุณภาพของระบบการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่สรพ.ลุ้นให้มีการพัฒนากันอยู่พอดี๊พอดี ความใจเย็นที่ลงมือแก้ปัญหาที่ซับซ้อนนี้ทีละเปลาะ กลับช่วยให้ได้ผลงานที่สรพ.พอใจกว่าผักชีโรยหน้าซะอีก คำชมจากสรพ.ยังมีผลให้หน้าเด้งจนถึงทุกวันนี้…อิอิ

เมื่อเอ่ยปากเกริ่นเรื่องการได้เป็นนักเรียนโข่งรุ่น ๒ และบอกกำหนดเวลาที่จะหายไปจากร.พ.ให้บอร์ดรู้ ก็มีคำพูดที่ออกปากจากคนเป็นน้องว่า “พี่ๆ อยากให้พี่อยู่ด้วยตอนที่ทำการบ้านกันอ่ะพี่”

เมื่อเขารู้ว่าฉันว่างช่วงไหน วันนัดหมายก็ถูกกำหนดขึ้นในวันที่ฉันอยู่ทำงานที่ร.พ.ในทันที เพียงแค่ได้ยินคำพูด รับรู้ท่าทีที่บ่งบอกว่าแคร์ อยากให้อยู่ช่วยกัน นำความดีใจมาให้มากหลายเหมือนกันนา

การมีคนเห็นคุณค่าอยากให้มีส่วนร่วมกับงานด้วยแล้วรู้สึกเหมือนได้น้ำทิพย์ชะโลมใจให้สดชื่นนี่เป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นคนบ้างานหรือเปล่าหนอ หรือว่าจะเป็นคนหลงอัตตา คำตอบที่บอกตัวเองก็คือ ไม่รู้เหมือนกันสัมผัสแค่ความยินดีและอยากช่วยทำของตัวแค่นั้นเอง

สรพ.พาตัวผละไปนานกว่า ๒ สัปดาห์แล้ว เรื่องราวของพื้นที่ที่นำพาให้ไปเจอตอมีการเปลี่ยนแปลงไป

เรื่องเดิมเกี่ยวกับเศษอาหารที่ปล่อยทิ้งลงคูน้ำ มีความก้าวหน้าเกี่ยวกับการใช้ถุงกรองเศษอาหารที่ผ่านท่อน้ำทิ้ง เศษอาหารที่หล่นลงคูไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนจากมีมากมายเป็นมีน้อยกว่าน้อย ร้านค้าที่ไม่สวมถุงให้ท่อเปลี่ยนนิสัย ใส่ถุงให้ท่อจนครบทุกท่อในร้านของตน ถึงแม้จะดูไม่สวยงามนักก็ยอมไปก่อนถือเป็นการชั่วคราวระหว่างเรียนรู้ความสัมพันธ์ต้นน้ำกับปลายน้ำและให้เวลาแม่ค้าทำความคุ้นชินกับความสะอาดที่เปลี่ยนไปของคู

ก่อนสวมถุง หลังสวมถุง

สภาพก่อนสวมถุง-เลี้ยงหนู สภาพหลังสวมถุง-ไล่หนู

ประชากรหนูที่มาเยี่ยมเยียนในคูเป็นฝูงๆลดลงให้เห็นเหลือครั้งละตัว ทุกๆวันแม่ค้าบอกว่า ไม่ใคร่เห็นหนูวิ่งมาฝั่งร้านอาหารแล้ว จะมีบ้างก็แค่ตัวเดียวอย่างที่ได้เห็นด้วยกัน

หนูที่ลดเมื่อมีการจัดการเศษอาหารที่ไม่ควรทิ้งให้ลดน้อยลงบอกให้รู้ว่า ที่ลงมือไปนั้นเกาถูกที่คันแล้ว การเห็นหนูบอกว่ามีทีเผลอของการทิ้งเศษอาหาร หรือมีเศษอาหารหลุดลงคูอยู่

ไม่น่าเชื่อว่าได้หนูเป็นครูโดยไม่ตั้งใจเลย

วันหนึ่งที่ไปนั่งกินอาหารอยู่ที่นี่ในวันที่คนไม่พลุกพล่าน สังเกตเห็นนกบินเข้ามาในพื้นที่นี้เพียงบางจุด บางตัวบินถลาแล้วมุดตัวลงไปในคู บางตัวร่อนลงบนพื้นใต้โต๊ะแล้วเดินๆๆๆ ผงกหัวขึ้นลงเอาปากจิกๆบนพื้นแล้วถลาบิน สักครู่ก็บินมาใหม่ ครู “หนู” ที่สอนทฤษฎีเรื่องสิ่งมีชีวิตต้องการอาหารให้เห็นจะจะตาสะกิดใจขึ้นมาพลันเมื่อตาเหลือบเห็นเศษข้าวที่หล่นในคู บนพื้นมีวัตถุสีขาวหล่นอยู่ด้วย สักครู่นกก็บินถลาลงตรงจุดที่เห็นสีขาวนั้นแล้วจิกกิน จึงเห็นว่าสีขาวที่เห็นนั้นคือเศษข้าวนี่เอง

รู้แล้วๆว่าอะไรที่ดึงดูดนก ไก่ มาที่นี่ เศษข้าวเศษอาหารที่หล่นบนพื้นและคูน้ำนี่เอง มิน่าบินกันให้ว่อน ไล่ยังไงก็บินมาอีก จะกลายเป็นร.พ.เลี้ยงนกไว้เผยแพร่ไข้หวัดนกได้ยังไง ความคิดแล่นฉิว เอายังไงดี แล้วก็ปิ๊ง

คนงานก่อสร้างเลี้ยงไว้ มีเศษอาหารไก่ก็มากิน สัตว์มันไม่ผิดหรอกนะ

เดินไปบอกคนงานผู้ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ บอกกับเขาว่า “ลองให้หมอหน่อย ลองใช้น้ำหมักชีวภาพเช็ดพื้นปูนตรงที่เรียบราบดีกว่าตรงอื่นให้หน่อย ไม่เอาพื้นที่กว้างหรอก หมอแค่อยากรู้ว่าน้ำหมักชีวภาพช่วยให้น้องทำงานง่ายขึ้นมากน้อยแค่ไหน ช่วยให้พื้นสะอาดขึ้นแค่ไหน” แล้วเดินจากมา ปล่อยทิ้งเวลาไว้อีกหลายวันจึงเดินไปเยี่ยมใหม่

ไปพบเธออีกครั้ง เห็นรายละเอียดว่าพื้นโต๊ะสะอาดขึ้นกว่าแต่ก่อนชัดเจน ออกปากเอ่ยชมคนงานไปตรงๆว่า “รู้สึกมั๊ยน้องว่าที่นี่สะอาดขึ้น เธอทำได้นี่” คนงานที่ไม่ใคร่เบิกบานปล่อยยิ้มบานแฉ่งให้เห็นทีละน้อย หลังจากวันนั้นสังเกตเห็นว่า เธอขยันทำงานมากขึ้นๆ ไม่ได้ยินเสียงใครบ่นว่าเอาแต่นั่งอีกเลย

โต๊ะสะอาด พื้นไร้ฝุ่นที่ได้คืนมาหลังป้อนคำชมเล็กๆ “คุณทำได้”

แล้ววันหนึ่งเมื่อนั่งกินข้าวอยู่ จู่ๆเธอก็ถามว่า “หมอ น้ำหมักจะหมดแล้ว จะเอาที่ไหนใช้ต่อ” งงไปเป็นครู่กับคำถามซิน่า หายงงก็ถามกลับเธอไปว่า “อ้าวน้ำหมักหมดแล้วหรือ ใช้ทำอะไรจึงหมดเร็ว” คนสวยขึ้นตอบกลับมาว่า “ใช้ถูพื้นทุกวัน ล้างห้องน้ำด้วย”

ชวนคุยต่อเรื่องการจัดการที่ไปขอชวนไว้ให้แม่ค้าทิ้งเศษผักเศษผลไม้ไว้ให้ทำน้ำหมัก ได้ความว่ามีร้านที่ให้ความร่วมมือนำเศษผักและผลไม้มาใส่ในถังหมักให้จนเต็มล้น สัปดาห์เดียวเศษผักเศษผลไม้เต็มถัง หมักได้ 3 ถังเข้าไปแล้ว “เอ้าถ้ายังงั้น ไปดูเวลาที่ใส่กันไว้หน่อยซิ ถ้าครบเวลาก็กรองกากเอาน้ำมาใช้ต่อได้เลย ถังที่ว่างใส่ผักหมักต่อได้เลยน้องเอ๋ย”

ขนขยะสดทิ้งปวดแขนปวดไหล่ก็ชวนให้ลองทำน้ำหมักใกล้ๆ ลงมือทำให้ดูจนเข้าใจลงตัวแล้วก็ปล่อยให้ทำเอง

แล้ววันหนึ่งเมื่อปะหน้าแม่ค้าอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงบอกมาว่า “หมอขา เดี๋ยวนี้ติดน้ำหมักซะแล้วหละ ไม่ใช้อยู่กันไม่ได้แล้ว เหมือนกับทำอะไรไม่เสร็จยังไงไม่รู้ เดี๋ยวนี้รู้วิธีหมักกันแล้ว ไปทำใช้ต่อที่บ้านกันด้วยนะ ชอบจริงๆ” นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้ดีใจที่เกิดขึ้นมา เรื่องราวนี้ได้นำไปเล่าต่อให้คนงานฟัง แล้วคำพูดนี้ก็หลุดจากปากเธอ “น้ำหมักมีน้อยใช้ไม่พอหรอก ไม่ให้ขนกลับบ้านหรอก จะไว้ใช้เช็ดพื้น ล้างห้องน้ำ……”

ไม่น่าเชื่อว่าแค่ไปชวนลอง ลงมือทำกับเขาด้วยเมื่อชวนเขาทำ ขอให้เขาทำให้เมื่อไม่มีเวลาลงมือทำเอง ขอให้ลองหน่อยปล่อยไว้อย่างท้าทายการตัดสินใจไม่เร่งเร้า กล่าวชมสิ่งที่เห็นเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยของคนที่ลงมือทำ ได้ให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนพฤติกรรมคนให้เกิดผลในเชิงบวก ได้คนที่เป็นแบบอย่างด้านพฤติกรรมดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าเดิมแลกคืนมาให้ชื่นใจได้

ก่อนท่อได้ถุงสวมก็ไปทำทิ้งไว้ให้ดูโดยไม่ได้พูดอะไรบอกแค่ว่าอยากรู้ขอลองหน่อย

เห็นแล้วยังเฉยๆ ก็ไปขอลองทำ้แล้วปล่อยให้เห็นเอง

ร้านที่ไม่ใช้น้ำหมักบำบัดน้ำก่อนทิ้ง ก็ไปขอเรียนรู้ แล้วปล่อยความรู้ไว้ให้เห็นเองกับตา

เห็นกำลังลงมือทำงานใช้แรงมาก-น้ำมากก็ไปชวนให้ลองใช้น้ำหมักเปรียบเทียบ

ดีใจมากเลยค่ะที่แม้แต่ร้านที่ดื้อมากๆ้ก็เห็นประโยชน์ทำไปกับเขาด้วยแล้ว ดีใจจริงๆ

เมื่อได้ความสะอาดจากเศษอาหารหกหรือหล่นเกลื่อนพื้นคืนมา เมื่อได้การกำจัดเศษอาหารที่ทิ้งในภาชนะมิดชิดขึ้นคืนมา แมว นก ไก่หายจ้อยไปเลย ยังเหลือหนูที่มีให้เห็นวันละตัว วันละครั้งสองครั้งเวลามีคนมาใช้สอยพื้นที่จำนวนน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นการบ้านให้ได้ลองทำต่อไป

ขยะอาหารมีคนมาขอไปเลี้ยงสัตว์วางเกลื่อนตา ก็ชวนให้มองเห็นภัยที่ใกล้ตัวจากหนู ไม่ปรับปรุงก็แค่บอกว่า้ร.พ.ไม่อนุญาตให้ใครมาัรับไป

เมื่อปรับปรุงให้อย่างนี้ก็ผ่อนปรนยอมรับแล้วเรียนรู้จะเ็ป็นเรื่องชั่วคราวหรือถาวรค่อยว่ากันต่อไป

หลังจากวางใจว่างานที่นี่ไม่เร่งรีบแล้วก็หันไปทำงานอื่นจนเกือบลืมว่า่มีโจทย์ที่แก้ยังไม่จบอยู่ที่นี่ วันหนึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าพื้นที่ใต้บ้านที่เคยเป็นสลัมนั้นดินน่าจะแห้งดีแล้ว จึงแวะเวียนไปดูพื้นที่อีกครั้ง ตั้งใจว่าจะจัดการเรื่องถมทรายปรับพื้นที่ด้านหลังให้เหมาะ กะว่าจะจัดพื้นที่ไว้ทำสวนครัวเล็กๆไว้ชวนคนมาเรียนรู้

ที่ไหนได้การไปเยี่ยมบริเวณบ้านร้างอีกครั้งในคราวนี้มีเรื่องให้เอะใจ เอะใจกับการเห็นว่ากากไขมันในบ่อทิ้งไขมันพองตัวสูงขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ทีแรกเข้าใจว่าอากาศร้อนมากจนไขมันขยายตัว ทบทวนความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ติดหัวอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่เคยได้ยินเรื่องราวที่กำลังคิดถึง

สิ่งนี้ตาเห็นมาก่อนหน้าไม่เอะใจเพราะอยู่ภายใต้ความไม่รู้ เมื่อเกิดซ้ำก็ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องที่ไม่รู้อยู่อีกนะ

ความเอะใจกับการเห็นน้ำทิ้งและไขมันปริ่มรางคูที่นำน้ำลงบ่อ ความสงสัยกับทฤษฎีไขมันขยายตัวที่แวบเข้ามาในหัวว่าจริงหรือ ทำให้พาตัวเข้าไปร.พ.ในวันรุ่งขึ้นเพื่อตามดู ไปแล้วก็ต๊กกะใจ ตายละวา ใต้บ้านเป็นสลัมอีกแล้ว น้ำจากรางคูที่ปริ่มๆเมื่อวานนี้ ไหลล้นลงไปขังเจิ่งเต็มไปหมดอีกแล้ว ภาพที่เห็นเหมือนวันแรกที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เลยหละนี่ ในบ่อไขมันที่เห็นอยู่ก็มีไขมันหนาตัวสูงกว่าขอบคูเกือบคืบเชียว ผิดปกติแล้วหละนี่ เกิดอะไรขึ้นกันหนอ อากาศร้อนทำให้วิปริตขนาดนี้เลยหรือ ไม่น่าเชื่อเลยนา (อุณหภูมิในแต่ละวันอยู่ระหว่าง ๓๑-๓๓ องศาเซนติเกรด วัดในอาคารติดแอร์)

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

บันทึกอื่น :

๑. ช่วยกันลุ้นหน่อย

๒. ใช้ความรู้จากธรรมชาติและหลักคิดการพัฒนาคุณภาพแก้ปัญหาไปพร้อมๆกัน

๓. เชื่อมือได้จริงหรือเปล่า

๔. ตามไปดูดินแล้วร้องโอ๊ยเลย…ใครก็ได้ช่วยหน่อยค่ะ

๕. เจ็ดวันผ่านไปแล้วเร็วจริงๆ

๖. ไม่รู้อะไรก็ลองๆๆด้วยความรู้เท่าที่มี…หยุดรอตรงที่ความรู้คลุมเครือ…ก่อนเดินต่อ

๗. ๑๔ วันผ่านไป….ได้อะไรเป็นผลความคืบหน้ากับการปรับภูมิทัศน์แล้ว

๘. ทบทวนก่อนเดินต่อการปรับปรุง

๙. เจอตอ

๑๐. หลีกตอดีกว่าเยอะเลย

๑๑. จะยุ่งเหมือนลิงแก้แหมั๊ยนี่

« « Prev : จะยุ่งเหมือนลิงแก้แหมั๊ยนี่

Next : ตั้งใจไม่ได้เยือน..ไม่ได้ตั้งใจจึงได้เยือน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.11273002624512 sec
Sidebar: 0.38863301277161 sec