เยือนน่าน (๘)

อ่าน: 1959

หลังจากยุติกิจกรรม อิ่มท้องด้วยอาหารมื้อเย็นแล้ว ก็ยกโขยงกันไปชิมไอติมป้านิ่ม ไอติมชื่อดังที่มีเบื้องหลังแห่งความโด่งดังอยู่หลายแง่มุม ที่ชอบใจเมื่อได้ฟังก็คือ จุดยืนที่มั่นของป้านิ่มเรื่องขายไอติม จากที่ขายด้วยรถเลื่อน มาจนถึงมีร้านไอติมสวยงาม ไปถึงร้านก็เห็นว่าป้านิ่มเป็นครูดีด้านการเกษตรได้ด้วยแหละนะ

คุณศุ บุญเลี้ยง บอกว่าที่บรรจุไอติมป้านิ่มลงในเพลงนั้นเป็นเพราะบรรยากาศลงตัวพอดี มิได้มีเจตนาใดๆนอกจากทำเพลง เพลงนี้มีเนื้อร้องว่าอย่างไร ยกมาบันทึกความดังของมันไว้  จะได้เข้าใจคำว่า “น่าน….นะซิ” ในอีกมุมมอง

นาน นานเท่าใด กว่าจะเดินทางไกล ออกไปพบเจอ  เมืองที่มีหมอกสลัวๆและสายฝนพรำ

จำ จำขึ้นใจ เส้นทางอันห่างไกล ผ่านไพรพนา ข้ามภูผา ข้ามฟ้า มาพบ มาเจอ

โอ้เจ้านกนางแอ่นเจ้ารู้ เจ้าจึงโผบินมาจากแดนใด มาหาถิ่นเกาะพิงพักใจ ไกลแสนไกล ไม่ย่อไม่ท้อ

มีกี่คนที่ดั้นด้นมา ด้วยรู้ว่ามีเมืองนี้ งามเหมาะสม พอดิบพอดีให้มาพักพิง

น่านนะสิ น่านนะสิ มากี่ที กี่ที อยากอยู่นานนาน

วายยังไม่วาย ตลาดยังมีความหมาย ยังคงขายดี

ยามค่ำคืนไม่มีแสงสี ยังมีบัวลอย บัวลอยไข่หวาน

ไม่ต้องเติมน้ำตาลก็หวานจับใจ ด้วยรอยยิ้มป้านิ่มสดใสละไมละมุน

น่านนะสิ น่านนะสิ กินกี่ที กี่ที ก็ยังติดใจ

เก็บบันทึกภาพความสดใส อยากให้ใครชื่นชมแบ่งปัน เก็บภาพฝัน เมืองน่านนิรันดร์ ร้อยความทรงจำ

เก็บความงามของน่านวันนี้ เก็บดีๆให้ลูกให้หลาน

เก็บน่านนี้ให้นานเนิ่นนานหรือจางหายไป

น่านนะสิ น่านนะสิ นานกี่เดือน กี่ปีก็ยังคงงดงาม

น่านนะสิ น่านนะสิ เก็บน่านให้ดีๆ ให้นาน น้าน….น่าน

มีหลายเรื่องที่สะท้อนมุมมองอะไรบางอย่างที่ได้พบในระหว่างเยือนจุฬาน่าน ด้วยมีข้อมูลแค่น้อยนิด เผื่อจะหลุด ไว้เตือนสติตัวเองให้แขวนคำปรามาส ขอยกคำพูดของคุณศุที่เตือนสติได้จั๋งหนับมาไว้ด้วยซะเลย

“เมื่อมีคนคิดนอกกรอบกับการหาสมุด ว่าหาสมุดที่ห้องสมุดไม่มี อยากได้สมุดไปซื้อที่ศูนย์หนังสือ” (มุมมองอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาพื้นๆ อย่าลืมนะ)

“ไม่ใช่เรียนหนังสือดี แต่หัวดี คะแนนจึงไม่ใช่ตัววัดว่าหัวดี” (อีกมุมมองที่เตือนไว้เรื่องหลงคะแนน หลงเกรด คนตัดเกรดชีวิตเป็นตัวเราเอง)

“หาความลับของความสำเร็จ แล้วจะรู้วิธีไปสู่ความสำเร็จ”  ( อืม “ต้อง” ลงมือทำแล้วจะรู้ความลับที่ว่า รู้วิธีที่ว่า)

“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น ความพยายามอยู่ที่นี่ ความสำเร็จอาจจะอยู่ข้างหน้า” (ตรงนี้ เตือนว่า อย่าลืมว่าเวลาหมุนไป ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ความคิดเหมือนหยุดนิ่งเมื่อบอกตัวเองว่ากำลังพยายาม)

“อ่านหนังสือให้มากแต่อย่าเชื่อมั่น อ่านแล้วโง่กว่าไม่อ่าน” (เรียนแบบนี้ สร้างความลังเลได้มากมาย เจอของจริง จะกล้าน้อย ลงมือทำ ไม่กล้าเดินหน้า ใช้เวลามากกับการคิดและอ่าน ยุคที่มีแต่คนคิด ไม่มีคนลงมือทำ เป็นเรื่องเสียโอกาสทองของชีวิตได้เลย)

« « Prev : เยือนน่าน (๗)

Next : รำลึกในวันวาร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.35080885887146 sec
Sidebar: 0.62096905708313 sec