เซ็ง เหงา เบื่อ คนละเรื่องหรือเรื่องเดียวกัน
อ่าน: 5280เจ้านายเผยไต๋ค่ะ พี่ท่านเขาบอกวันนี้ว่า “เวลาพี่ไม่อยู่ ตาทำแทนพี่ งานที่ทำอยู่เดี๋ยวจะคุยกับคนที่จะให้ทำแทนว่าเขาจะรับได้ไหม”…..ที่แท้..ที่ดักเราอยู่เรื่อย..เวลาไปไหนมาไหน…จะให้เราอยู่เฝ้างานแทนพี่ท่านนะเอง….สงสัยงานนี้ต้องใช้เล่ห์ป่วน….สอนงานเอาไว้เยอะๆกับคนที่เด็กกว่าซะแล้ว….ไม่งั้น….หนี……เที่ยวไม่ได้อีกต่อไป……ความรู้สึกตอนที่ฟังเรื่องนี้….แค่เซ็งติ๊ดๆ…แต่ไม่จี๊ด
วันนี้เผลอไป…สอนงานคนที่เด็กกว่าไปแล้วรอบหนึ่งตอนเช้า…คนที่เด็กกว่าตัดสินว่า..ฉันไปตอบคำถามที่เขามีต่องานว่า “ทำผิด”…..ตอนเย็นหกโมงเลิกประชุมจะกลับบ้านแล้วละ…แวะไปที่ทำงานเพื่อเก็บของกลับบ้าน…อ้าว…เธอยังนั่งพิมพ์งานที่สอนไปตอนเช้าอยู่อีก….แวะเข้าไปดูแล้วลืมตัว(เพิ่งมาเอะใจหลังพูดไปแล้ว)…..บอกเธอไปว่าที่สอนงานเมื่อเช้านะ ไม่ใช่อย่างที่ทำไป…..พูดไป..พูดไป…เด็กมัน จมูกแดง ดูตาเรื่อๆ….จึงเอะใจว่า…เฮ้ย…มันฟังว่าถูกตัดสินว่า “ทำผิด” อีกแล้ว…..ฉันเลยบอกต่อไปว่า….ไม่ได้บอกว่าผิด..หากแต่การมองงานในมุมที่นำเสนอ….มันคนละหมวกกับที่คนอื่นเขาคาดหวัง….อย่างนี้เวลาไปนำเสนอ…คงต้องเตรียมตอบคำถามที่จะมีคนถามเพิ่ม…..แล้วงานที่ทำอยู่นี้…ไม่ต้องแก้อีกแล้ว….มีงาน 2 ชิ้นที่ทำไปแล้วจะเลือกส่งอันไหนก็ได้…สำหรับความเห็นของฉัน…ฉันแนะนำว่าให้ใช้งานชิ้นเมื่อเช้า…..พูดจบก็ไล่ให้กลับบ้านบอกว่าไม่ต้องทำต่อ…..สาวน้อยเธอมีลูกฮึด…ตอบว่า…หนูทำจวนเสร็จแล้วค่ะ…แปลว่า…อยู่ทำต่อ….ฉันลาจากเธอมาราวหกโมงกึ่งค่ะ…..ความรู้สึกของเธอ…คงจะเป็น…เซ็ง…เบื่อ…
เมื่อคืนนี้เข้าไปที่ลานเจ๊าะแจ๊ะบอกว่า มันคิดอะไรไม่ออก เลยหนีไปคาราโอเกะน่ะ….ความรู้สึกตอนที่เป็นน่าจะใช่…เหงา…พอไปคาราโอเกะกลับมา….รู้สึกดีขึ้น….แต่ยัง…เหงา….โอ๊ยๆๆๆ…ช่วยด้วย…สงสัยน้าแห่งชาติแอบป้ายน้ำมันพรายเอาไว้อีตอนนอนอิงแอบกันที่บ้านน้องแก้มป่อง ซาละเปาแน่เลย…..ใครมียาแก้…ช่วยเอามาให้หน่อย…..อาจารย์วรภัทรเจ้าขา มีมั๊ยยาแก้การถูกทำเสน่ห์อ่ะค่ะ…ขอหน่อยค่ะ….
ถ้าจะส่งยาให้ละก็ ขอร้องให้ทบทวนๆๆๆๆ หลายรอบหน่อยนะค่ะ….อย่าให้กลายเป็น….แทนที่จะส่งให้ที่กระบี่ แต่ส่งไปที่หาดใหญ่นะค่ะ….อาจารย์เจ้าขา
บอกไว้ก่อนกันคนมาป่วน ที่คุยกับเด็กไปนะ สุนทรียสนทนานะค่ะ ไม่ดุ ไม่ดุ แต่ว่าคงจะห้วนนะเพราะพูดเร็วปรื๋อเลยด้วยรีบกลับบ้าน ถ้าคนฟังมีคำถามที่กลัวคำตัดสินอยู่แล้ว….ก็จะตัดสินตัวเองทันที…..อีหนูที่คุยด้วยวันนี้…รุ่นลูกเชียวนะ….หมวกคนรุ่นแม่บวกนายนี่วางตัวยากจริงๆ….ชวน หลีกภัยเขาเคยสอนว่า…พูดใต้ไม่ให้ห้วน ให้พูดแบบใช้ไมค์ชิดปาก จะทำให้พูดช้าและพูดได้ไพเราะไม่ห้วน….แต่เขาก็ไม่ได้สอนว่าจะพูดให้ไม่ห้วนได้ยังไง ถ้าพูดสดๆไม่มีไมค์….ฉันว่าเวลาฉันพูดสำเนียงมันเป็นแบบวีระ+ไตรรงค์นะนา
« « Prev : ถอดบทเรียนกระบวนกร-3
Next : เริ่มงงกับความหมาย”ไผเป็นไผ” » »
4 ความคิดเห็น
พี่ตาคะ
การที่เขียน reflection แบบนี้ จะทำให้หายเซ็ง เบื่อ เหงา ค่ะ
ต่อความคิดความรู้สึกอีกสักนิดซิค่ะ ว่า แล้วพี่คิดว่าเช้านี้ถ้าเจอลูกน้องคนนั้น พี่ตั้งใจไว้ว่าจะ “พูด หรือทำอะไร”
และพี่คิดว่า เขา”จมูกแดง ตาเรื่อ” นั้น ..จะเกิดจากการที่เขาปิติ ว่าพี่แวะไปใส่ใจและเห็นเขาทำงานจริงจัง….ได้ไหม…พี่อยากถามน้องเขาไหมคะว่า น้องเขารู้สึกอย่างไรเมื่อวานเย็น
คำตอบ คือ ตั้งใจสะท้อนความคิดของพี่ให้เขารับรู้ว่า อยากให้เขาทบทวนว่างานเขียนที่เขาจะนำเสนอจะทำให้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานของเขาฟังแล้วเข้าใจภาพรวมของงานไหมว่าสำคัญต่อร.พ.อย่างไร ให้เขาเรียบเรียงเป็นเรื่องราวที่ฟังง่ายๆ ให้ลองทำดู
ส่วนที่น้องเขา “จมูกแดง ตาเรื่อๆ” นั้น ถามกลับแล้วละ เธอกลัวค่ะ ส่วนความรู้สึกอื่นนั้นไม่ได้ถาม
เคยถามเหมือนกันเวลาสอนงาน เธอบอกว่า รู้สึกดีที่ใส่ใจค่ะ
พี่รู้สึกว่า เธอมีความกดดันในใจ เพราะว่า งานที่นำเสนอครั้งนี้ เธอมีหมวกใหม่ที่กำลังเรียนรู้ การเรียนรู้ที่ลงมืออยู่นี้ เป็นครั้งแรกของงานในหมวกใหม่อีกหมวกที่คนอื่นเขาสวมให้เรื่องการมองภาพรวม
จมูกแดง ๆ จะไว้ใจได้กา
หน้าขาว ๆ จะไว้ใจได้กา
น้ำตา หรือน้ำเกือบไหลออกตามันก็แก้ปัญหาใจได้ทุกเมื่อ
นอกจากปัญหาใจแล้ว
ยังแก้โรคแห่งความหงอย และเหงาอีก
ตอนนี้น้าใช้วิธีแก้ความเหงาโดยการอ่านหนังสือ
อ่านอย่าง”ใคร่ครวญ” ก็เลยไม่จบสักเรื่อง
แต่มีเวลาให้ตัวเองเยอะมาก
มีเวลาอ่านหนังสือ
มีเวลาจัดห้อง
มีเวลานั่งทบทวนชีวิตตัวเองแต่ละวัน
มีเวลาในการเขียนเพิ่มขึ้น
…..
มหัศจรรย์จริง ๆ เวลาที่เรา “หาเวลา” ให้ตัวเองเจอ
…..
เอารักมาฝากเพื่อแทนความเหงาละกัน
…..
กอด ๆ ๆ ๆ (นึกถึงกอดวันสุดท้ายที่เจอกัน เป็นกอดที่งัวเงีย ๆ มีความรู้สึกเหมือนว่าแม่กอดลูก…อิอิ ตื่นเช้ามาถามน้าแป๊ดว่า เมื่อคืนพี่หมอเจ๊กอดก่อนกลับใช่ไหม….ก๊ากส์ ๆ ๆ ยามเธอจะน๊อคมา ก็วูบไปจริง ๆ )
มาเล่าต่อว่า นังหนูลูกสาว ลูกน้องน่ะ ทำงานได้ดีมาก วันนี้ไปนำเสนอสอบผ่านฉลุยเลย