เริ่มงงกับความหมาย”ไผเป็นไผ”
อ่าน: 2623ก่อนไปเป็นศิษย์ของวงน้ำชา ฉันเคยใช้คำถามเกี่ยวกับ “ไผเป็นไผ” เพื่อเพียงใช้แนะนำตัวกัน แต่เมื่อไปเยือนวงน้ำชาแล้วกลับมาใคร่ครวญ ฉันก็พบว่ามันมีมุมใหม่ที่ควรมองเกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าจะมองเป็นมุมมองในฐานะของกระบวนกรจะเหมาะไหม แต่สำหรับในมุมมองของผู้ให้ ฉันว่าเหมาะที่จะมองค่ะ
ยังไม่ได้เล่าไปว่าคืนแรกที่ไปวงน้ำชา ใหญ่เขาให้แนะนำตัวกันค่ะ มันเป็นการชวนสนทนาที่มองเผินๆก็เพื่อทำความรู้จักกันก็จริง แต่เมื่อมองย้อนไป ฉันมองเห็นบางมุมมอง มุมที่ว่านั้นก็คือ คุณภาพการฟังที่ไผเขามีอยู่ติดตัว ซึ่งเมื่อเข้าสู่วงสนทนาสิ่งเหล่านี้จะแสดงออกมา ยิ่งคุยกันเป็นรอบๆแบบที่วงน้ำชาเขาใช้อยู่ ยิ่งมีข้อมูลคุณภาพออกมาให้ตาได้เห็น หูได้ยินค่ะ
มิน่าคืนวันนั้นใหญ่เขาจึงชวนคุยหลายรอบ โดยตัวเขาจะบอกว่า ใครจะพูดก่อนก็ได้ เมื่อจบคนหนึ่งเขาก็จะรอให้คนอื่นพูดต่อไป ไม่มีการเร่งเร้าหรือจัดคิวให้พูดแต่อย่างไรเลย หากแต่กระบวนการในวงมันเป็นไปเอง คนที่ร่วมวงทุกคนรู้ตัวว่าต้องพูด และก็มีคนที่อึดอัดกับความเงียบ และทนความเงียบไม่ได้พูดออกมาก่อนใคร คนที่ไม่ยี่หระหรือสนใจหากแต่ใคร่ครวญกับตัวอยู่ จะเป็นคนที่พูดตามมาทีหลัง
เมื่อเข้ากิจกรรมที่มีตามมาในเรื่องของผู้นำสี่ทิศ คนที่พูดก่อนจะบอกว่าตัวเองเป็นอินทรีย์ คนที่พูดหลังคนอื่นก็บอกว่าตัวเองเป็นหนู คนที่พูดเพราะถึงคิวก็จะบอกว่าตัวเองเป็นหนู เอ๊ะ! รึว่าคนทุกคนเกิดมาเป็นหนู หากแต่ประสบการณ์ที่เผชิญต่างหากที่หล่อหลอมให้แสดงออกมาผิดกัน เมื่อนำเอาประสบการณ์ระหว่างอยู่กับวงน้ำชามาลองถอดเทียบกับคนของฉันที่ถอดบทเรียนไว้ คนทั้งสี่คนเคยบอกกับฉันว่าพวกเขามีทั้งคนเป็นหมี หนู กระทิง และอินทรีค่ะ คนเป็นอินทรีย์นั้นเป็นหนูผสมกระทิงและอ่อนหมี แต่การกระทำที่แสดงออกมากลับเป็นหนู คนเป็นหนูนั้นเป็นหมีผสมกระทิงและอ่อนอินทรี เธอมีการกระทำแสดงออกมาเป็นกระทิง คนเป็นหมีนั้นเป็นหนูผสมกระทิงและอ่อนอินทรี เธอมีการกระทำแสดงออกมาเป็นหนู คนเป็นกระทิงนั้นเป็นหนูผสมกระทิง เธอมีการกระทำที่แสดงออกมาเป็นกระทิง
อย่างนี้ก็แปลว่าสิ่งที่เรามองดูและเห็นมันเป็นความจริงที่ไม่ใช่ความจริงนะซี แล้วอะไรคือความจริงกันละนี่ หรือว่าความจริงไม่มีในโลกจริงๆ มันมีแต่การสมมติขึ้นมา เป็นความสมมติที่เกิดจากผู้คนที่เป็นเจ้าของความคิดผลิตมันขึ้นมาป้องกันตน รึ่ว่าที่สุดของตัวตนทุกคนคือหนูนะนี่ แล้วไอ้เจ้าหนูนี่มันกลัวอยู่ไม่รอด มันจึงขอให้ผู้นำทิศอื่นๆเข้ามาช่วยมัน…เออ! แต่ว่าจะรู้มันไปทำไมละนี่…รู้แล้วได้เรียนรู้อะไรมั๊ย….หาคำตอบต่อละกัน
เช้านี้มีอึ้งจากเจ้าลูกชายกับเรื่องงานที่เล่าให้เขาฟัง ฉันปรารภกับเขาว่า ฉันสมัครไปทำงานที่เกาะพีพีดีมั๊ย ด้วยว่าถ้าไปที่นั่น จะได้เงินเดือนเพิ่มอีกหมื่นกว่าบาท หน้าที่ที่ให้ไปทำ คือ เป็นผอก.และตรวจคนไข้ เจ้าลูกชายย้อนว่า จะไปแน่เหรอ ก็แม่ไม่ชอบตรวจคนไข้นี่นา ฟังแล้วอึ้งไป ก่อนจะชวนต่อว่า ทำไมคิดไปอย่างนั้น เขาก็บอกว่า ก็เห็นนั่งนานๆไม่ใคร่ได้ แล้วเห็นชอบมาทำงานด้านบริหารไง
อืม! ก่อนหน้านี้ในงานพบปะชาวบล็อก ลุงเอกก็ถามว่า ยังตรวจคนไข้หรือเปล่า ฉันตอบไปว่า ก็ยังตรวจอยู่ที่ห้องตรวจเดือนละครั้ง ส่วนวันอื่นๆก็ออกไปตามบ้านบ้าง เป็นคนไข้นัดมาบ้าง ลุงเอกตอบว่าดีๆๆๆที่เอาตัวออกไปถึงบ้านคนไข้ได้
เมื่อลูกชายเล่าความคิดเขาออกมา ฉันตอบเขาไปว่า ฉันยังชอบรักษาคนไข้อยู่ แต่ฉันไม่ชอบตามแก้การป่วย อยากทำป้องกันมากกว่า เลยออกมาทำอย่างที่ทำอยู่นี้ ในเรื่องการบริหาร ถ้าหากไม่มีหมอออกมาทำเลย คนเป็นหมอที่เหลืออยู่มีความลำบากในการทำงาน เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจว่าหมอเขาขาดการสนับสนุนอะไรเท่ากับคนที่เป็นหมอด้วยกัน แม้แต่เรื่องเครื่องมือ ใครเขาก็หามาให้ตรงกับความต้องการใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี่แหละฉันจึงยังคงไม่ละหันหลังให้กับงานบริหาร ทำไปทำมาปรากฎว่าจะล้ำเส้นเดินหน้ากินแดนงานบริหารมากกว่างานดูแลคนไข้ซะแล้ว…..ชักจะเหมือนจอมป่วนมากเข้าไปทุกทีๆ….ในเรื่องความเป็นหมอ…
วันนี้จึง “ต้อง” มาใตร่ตรอง ใคร่ครวญ ไผเป็นไผ เจ้าเป็นไผ เจ้ากำลังจะทำอะไรอีกครั้งแล้ว….เพื่อตัดสินใจว่า…หากมีคำสั่งให้…ก้าวเข้าไปทำงานบริหารเต็มตัว….จะตอบรับหรือปฏิเสธ….ทบทวนเพื่อสั่งใจ…ให้เลือกและเอาสิ่งที่เลือกขึ้นตาชั่งให้ครบด้าน….อืม…ยากต่อการตัดสินใจแฮะ….จะทำสิ่งที่ชอบ…หรือจะชอบสิ่งที่ทำ…หรือจะทำทั้งสองอย่าง…หรือทำในสิ่งที่…..ชอบ แต่ตัวเองไม่ชอบ….หรือจะมีทางเลือกทางอื่น….อะไร?????…..ปล่อยให้ธรรมชาติจัดการ…ดีมั๊ย…ดีมั๊ย….ดีมั๊ย….ถามตัวเองเป็นรอบที่พันได้แล้วมั๊ง…ถามต่อไป…ถามต่อไป…ละกัน….
Keywords : สิ่งทีมองเห็นว่าจริงอาจไม่จริง สิ่งที่เห็นว่าไม่จริงอาจจะจริง……เตือนสติไว้
สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่
ความจริงเป็นสมมติ จริง ณ เวลาหนึ่ง เปลี่ยนเวลา อาจจะเปลี่ยนเป็นไม่จริง เปลี่ยนสถานที่ อาจจะเปลี่ยนเป็นไม่จริง
คนที่จะรู้ว่าไผเป็นไผ เจ้าเป็นไผ เป็นตัวเองเท่านั้น
« « Prev : เซ็ง เหงา เบื่อ คนละเรื่องหรือเรื่องเดียวกัน
Next : ปล่อยผีดุก่อนวันลอยกระทง » »
3 ความคิดเห็น
คนแต่ละคนเกิดมาแตกต่างกัน ผู้นำสี่ทิศหรือนพลักษณ์ก็เป็นเพียงสมมุติขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายสื่อความ
แค่สี่อย่างหรือเก้าอย่างแต่เมื่อประกอบเป็น combination ก็จะได้เป็น infinity
คนบางคนก็กำหนดกรอบขึ้นมาเอง เลยกลายเป็นหนู หมี กระทิง อินทรีย์ไปเกือบตลอดเวลา
คนที่ปลดพันธนาการได้ หรือทะลุกำแพงได้บ้างแล้ว ก็จะมีส่วนผสมที่หลากหลายขึ้นรึเปล่า ? แบบว่าแปลงร่างได้มั๊ง ?
ขณะที่ยังไม่ตัดสินใจ จะเป็นทุกข์ แต่ถ้าตัดสินใจไปแล้วจะโล่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขอให้โชคดีได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ อิอิ
ไม่รีบ ไม่รีบ ใคร่ครวญ ทบทวนต่อไปค่ะพี่ มีเวลาหนึ่งปีสำหรับใคร่ครวญและสรุปความคิดค่ะพี่
มาให้กำลังใจ ในการไตร่ตรอง ใคร่ครวญค่ะ และก็เห็นด้วยกับ Keyword นะคะ