ช่วยกันลุ้นหน่อย

โดย สาวตา เมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 1:57 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 2666

ที่จริงระหว่างนี้ ไม่ใคร่มีเวลาสักเท่าไร ด้วยเหตุที่กำลังมีการเตรียมการเพื่อรอรับการเข้าเยี่ยมประเมินคุณภาพขององค์กรของฉันจากสรพ.(พรพ. เดิม)

ในช่วงของเวลาเร่งรัด ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาที่มีสั้นที่เหลืออยู่แค่เพียงไม่ถึง 3 สัปดาห์แล้วนั้น บรรดาหัวหน้างานแต่ละคนล้วนพกพาความเคร่งเครียดไว้กับตัวด้วยความกังวลกับผลงานของตน

ในขณะที่อุ๊ยสร้อยมีหัวโขนที่คนมอบให้ ฉันเองก็ได้รับหัวโขนครอบจากเจ้านายมาเหมือนกัน เป็นหัวโขนที่ท้าทายยิ่งกับความรู้ที่มีอยู่เดิม เมื่อเดินไปเห็นโจทย์ของงานที่ให้มาในใจร้องโอ๊กเลยเชียวค่ะ โจทย์นี้แหละที่ยืนยันว่าความต่างของประสบการณ์ในอดีตมาจากการฝึกฝนวิธีเรียน วิธีคิด วิธีตรวจการบ้าน วิธีสอบก็น่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งทีุ่นำมาซึ่งการก่อกำเนิดความคิดพื้นฐานของผู้คน ความคิดที่มีพื้นฐานแตกต่างกันก่อให้เกิดข้อตัดสินใจที่แตกต่างกันของผู้คนที่ชวนปวดหัวมากมายจริงๆ

ความต่างที่เกิดขึ้นในระหว่างศิษย์ของชาวเฮทั้งในส่วนของสาวๆที่เป็นลูกจ้างและไม่ใช่ลูกจ้างน่าจะเป็นผลงานร่วมกันของครอบครัวและโรงเรียนในการให้อิสระในการเรียนและวิธีตรวจการบ้านตามเส้นทางผ่านของการเรียนรู้ วิธีคิดที่ผ่านมาทั้งครอบครัวและโรงเรียนได้ฝึกฝนพัฒนาการของพวกเขาในด้านต่างๆให้ติดตัวมาอย่างแตกต่างตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาเลยเชียว

สาวๆในส่วนลูกจ้างเจริญวัยมากับการเรียนรู้แบบคนป้อนให้ในโรงเรียน แต่ในครอบครัวไม่มีคนป้อนคนเคี้ยวให้สักเท่าไร เพราะคนในครอบครัวต้องดิ้นรนสู้ชีวิต สิ่งเหล่านี้บังคับให้มีเรื่องราวการเรียนรู้ที่พวกเขาต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วเรียนรู้ผลผิดๆถูกๆเอาเอง เมื่อเจอะเจอกับสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจในเฉียบพลัน สัญชาตญาณเก่าจึงทำให้พวกเขามีความกล้าลงมือ เมื่อลงมือทางออกหรือวิธีแก้ให้งานเดินหน้าก็เปิดประตูต้อนรับ

สาวๆในส่วนของนางฟ้าเจริญวัยมากับการเรียนรู้ที่มีคนเคี้ยว คนป้อน การทำงานช่วยครอบครัวพวกเขาก็แทบไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองแม้แต่การทำงานบ้าน ทุกอย่างชี้ขอได้หมดเมื่อพวกเขา”เรียนหนังสือ” จะไปไหนครอบครัวก็ไม่เคยปล่อยให้เรียนรู้การทำอะไรได้ด้วยตัวเองโดยลำพัง ความคุ้นชินเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เด็กจนเติบโต

แถมยังมีไมโครชิฟซึ่งมีโปรแกรมล้างสมองฝังมาอีกเมื่อเข้าไปเรียนฝึกเป็นนางฟ้า โปรแกรมนี้ฝึกให้เรียนจากการอ่านแล้วคุยกัน ให้ยืนดู ชี้ให้เขียน บอกให้เล่าตลอดเวลา้ เวลาดูก็ให้ทำความเข้าใจเอาเอง ไม่ีชี้โจทย์ให้ได้สะท้อนคิดเพื่อให้เกิดการเรียน เมื่อเขียนดี หรือเล่าดีก็จะให้คะแนนฝึกตนเป็นดีหนึ่งประเภทหนึ่งทีเดียวเชียว ไมโครชิฟที่ฝังไว้แบตเตอรีู่่ไม่มีวันไฟหมด หมดเมื่อไรมันรี็ชาร์ตตัวเองได้ ไฟคืนมา้ไมโครชิฟทำงานต่อให้ชี้และใช้ปากทำงาน ใช้มือทำแค่เขียนหนังสือเป็นอย่างนี้เรื่อยมา

วิเคราะห์ว่าการที่เจ้าดอกอะไรยังไม่สามารถทำให้เกิดผลพวงได้อย่างใจในยามเหล่านางฟ้ามีความกดดันคงเป็นเพราะการที่เคยใช้ปากบอกแล้วได้ดีหนึ่งประเภทหนึ่ง พอมาเอ๊ะว่าเสียดีหนึ่งประเภทหนึ่งไปซะแล้วจึงยอมรับไม่ได้(มั๊ง)

ในขณะที่เห็นภาพเหล่านี้ ฉันให้สติกับใจได้อยู่่คู่กันตลอด เตือนตัวเอง รั้งตัวเองให้ช้าไว้ๆ รอ รอ รอ รอ รอ รอและรอเจ้าดอกอะไรที่ได้ใส่ไวรัสตัวดีเข้าไปแล้ว  รอลุ้นอยู่กับการเติบโตของไวรัสตัวดีที่ได้ใส่เข้าไปช่วยจัดโปรแกรมในไมโครชิฟให้ใหม่ หวังไว้ว่าเมื่อผ่านพ้นถึงเวลาหนึ่ง เจ้าไวรัสจะเติบโตขึ้นจนมีผลไปช่วยคุณภาพการฟังของเหล่าสาวๆเหล่านางฟ้าให้แจ๋วขึ้นๆจนฟังเสียงภายในของตนได้ยินว่าเหตุใดจึงรู้สึกกดดัน เมื่อนั้นสติของสาวๆจะได้ตื่นขึ้นเหมือนเด็กๆลูกจ้างเขาได้ซะที

ในขณะที่ลูกจ้างสามารถก้าวข้ามบันไดขั้นที่ 1 ไปเรื่อยๆจนใกล้ถึงขั้น 3 แล้ว เหล่านางฟ้ากลับยังคงวนเวียนหยุดอยู่ที่การฝึก 3 คุย ที่กล่าวว่ายังฝึกก็ด้วยเหตุว่าผลการคุยในบางรอบสาวเจ้ากลายเป็นโจรคนใหม่ไปซะนี่

เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ ฉันจึงเลือกลดความถี่ของ 3 ทบทวนที่ทำบ่อยๆลงเมื่อลงมือคุยกับนางฟ้า ส่วนลูกจ้างยังคงได้คุยกันในระดับความถี่เดิม เหตุที่ลดก็ด้วยหน้าตาของพวกเขาแสดงความเครียด แถมมาด้วยการปิดหูฟังหรือแสดงอาการให้รู้ว่าไม่พร้อมฟังเมื่อคุยด้วย

ในตอนแรกไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไรที่เขาทำงานไม่ได้ น่าสนใจฉันจึงตามมอง ตามสังเกตว่ามีอะไรเป็นเหตุ แล้วจึงอ้อเมื่อเจ้านายส่งหัวโขนมาให้สวมแล้วตามไปดูงานที่มอบก่อนลงมือทำ

การตามไปดูได้ความรู้ว่าคนที่มักตกลงไปอยู่ในร่องอารมณ์ลบบ่อยๆแล้วคอยชี้นิ้วใส่คนอื่นๆเมื่อพบความกดดันนั้นเป็นคนที่มีความกลัวตนเองล้มเหลวอยู่อย่างมากมายทีเดียวเชียว แถมสัญชาตญาณที่ติดการพึ่งพาการลงมือของคนอื่นอยู่ร่ำไปนั้นพาจนไปด้วย จนตรงที่ไม่ตัดสินใจ มองไม่เห็นในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้จนน่าใจหายเลยอุ๊ยเอ๋ย

เจ้าหัวโขนที่เจ้านายส่งมอบมาให้สวมในช่วงเวลานี้ก็ไปเกี่ยวกับความกดดันที่สาวเจ้ามี เมื่อคุยกันเพื่อขอข้อมูลสาวเจ้าจึงของขึ้นหลุดอารมณ์ลบตอบโต้ให้รู้ถึงความกดดันภายในใจ เรื่องของเรื่องเป็นเรื่องของการดูแลกำกับและพัฒนาภูมิทัศน์บริเวณร้านอาหารที่บุคคลภายนอกมาเช่าที่ภายในร.พ.ทำมาหากินกันอยู่ให้สวยงามน่าดู

เห็นงานหลังจากรับหัวโขนมาแล้วรู้สึกว่างานที่เข้าคราวนี้หินน่าดู ไม่สงสัยว่าทำไมนางฟ้าของฉันจึงหัวเสียซะมากมายขนาดนั้น

ไม่หัวเสียได้ยังไงในเมื่อแต่ละเรื่องที่พวกเขาเห็นว่าเป็นปัญหาที่รอให้แก้ไขมีก็แต่เรื่องไฟฟ้า ประปา สิ่งก่อสร้าง แถมมาด้วยสภาพสลัมน้อยๆที่เมื่อสาวเจ้าเห็นก็คงนึกภาพว่าเมื่อต้องชี้ให้คนอื่นลงมือทำให้สวยงามให้ได้นั้น ตัวเองมีความรู้ไม่พอใช้ขึ้นมาทันทีมั๊ง เหตุผลนี้น่าจะเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้หงุดหงิดนะ ก็ของสกปรกนะมันถูกจริตของนางฟ้าที่ไหนกันเล่า

แม้แต่ฉันเมื่อตอนไปเห็นสถานที่ที่ถูกมอบหมายหัวโขนให้ลงมือรำนั้น วันแรกๆก็ได้แต่ถือหัวโขนเอาไว้เงียบๆทำตาปริบๆพร้อมกับร้องเฮ้อในใจไปด้วย  ตั้งสติอยู่ 2-3 วันว่าตูจะเริ่มทำอะไรก่อนดี(วะ)  จนแวบขึ้นมาว่าตกลงใจว่าลงมือใช้ตาดู หูฟังไปก่อนแล้วกันนั่นแหละจึงได้ลงมือ

พอลงมือกลับรู้สึกสนุกดีแฮะ ท้าทายดีว่าสามารถจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้างภายใต้ความรู้ที่มี พอสนุกหลายอย่างที่ตาเห็นก็ชัดเจนขึ้น เมื่อใจจับโจทย์ “สวยงาม” ไว้เป็นหลักชัยมั่นก็พบว่า เออ ทำอะไรได้หลายอย่างอยู่นะเรา เอาละนะ เริ่มงานแบบสวมหัวโขนทำงานด้วยสุ จิ ปุ ลิ ก็แล้วกัน

ปกติเมื่อเห็นอะไรที่ต้องแก้ไขความคาดหวังจะตั้งไว้เยอะ ในคราวนี้ฉันตั้งความหวังแค่เปลี่ยนสิ่งที่เห็นด้านลบ(ไม่สวยงาม) ให้เป็นด้านบวกมากขึ้น แค่ “ทำให้ความไม่สวยลดลง” ได้เท่าที่มีเวลาฉันก็พอใจผลงานตัวเองแล้วละ จนวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าภายในเวลา 3 สัปดาห์นี้จะได้ภูมิทัศน์แบบไหนคืนมา รู้แต่ว่าลงมือไปแล้ว 5 วันได้ใจแม่ค้าคืนมามากมายจนแม่ค้าบางคนทำสัญญาใจจะจับมือทำด้วย สงสัยเขาเห็นลงมือแบบทุ่มทั้งตัวเลยมั๊งจึงเทใจให้ ได้แค่นี้ก็ถือว่าฉันทำงานสำเร็จไป 1 ก้าวแล้วละนะ

ไม่ได้ทุ่มทั้งตัวแบบใช้แรงงานกรรมกรอะไรหรอกนะคะ ทำเพียงแค่คล้ายๆพ่อครูทุ่มตัวถ่ายรูปนั่นแหละค่ะ งดก็แต่ไม่พาตัวลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเท่านั้นเอง

5 วันนี้พาตัวไปมุดหัว มุดโต๊ะ มุดใต้อ่าง ก้มตัว ปีนป่าย เดินไปเดินมาวันละหลายหนค่ะ มุดไป เดินไป ก็ได้ภาพมาอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ

น้ำไม่ไหลลงบ่อดักไขมัน ไหลไปท่วมใต้บ้านพักที่เป็นบ้านร้างรอรื้อ

ภาพซ้ายยังไม่ได้ทำอะไร  ภาพขวา่แก้ไขให้น้ำที่ไหลไปยังเป้าหมายแห้งแล้ว น้ำไหลลงบ่อดักไขมันได้แล้ว

ภาพบนซ้าย 2 ภาพแรก บ่อดักไขมันตัน ไขมันไหลเลอะเทอะ ภาพบนขวาและภาพล่าง แก้ไขความเลอะเทอะได้บ้างแล้ว รอแก้เรื่องบ่อตันต่อไป

แหล่งเพาะยุง หลังร้านอาหาร ยังคิดไม่ออกจะทำอะไรต่อดี

คราบไขมันเต็มไปหมดในคูระบายน้ำ เพราะแม่ค้าตัดท่อระบายน้ำที่ไหลลงบ่อไขมันทิ้งไป ต่อท่อใหม่ลงคูระบายน้ำเองซะงั้นแหละ ยังคิดไม่ออกจะแก้ยังไงให้ดูดีกว่านี้และ้ทันสรพ.มาตรวจ (เหลือเวลาแค่ 3 สัปดาห์เองแหละ)

เห็นภาพแล้ว เข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันจึงหวังแค่ทำให้สิ่งที่ไม่สวยงามดูไม่สวยงามลดลงแค่นั้นเอง ในตอนนี้ยังไม่มีภาพในหัวเลยว่าภูมิทัศน์ที่สวยงามจะหน้าตาเป็นยังไง  3 สัปดาห์ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่สั้นจริงๆนะคะ ขอกำลังใจจากทุกท่านมาช่วยลุ้นกันหน่อยเน้อ

« « Prev : ดีใจกับลูกศิษย์ของครูชาวเฮกันหน่อย

Next : ใช้ความรู้จากธรรมชาติและหลักคิดการพัฒนาคุณภาพแก้ปัญหาไปพร้อมๆกัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 8:14

    ปลูกป่่าให้ไปที่สตึก ปลูกผักชีต้องไปหาจอมป่วน อิิอิ

    ลงมือทำ อย่ากลัวความล้มเหลว อย่าหวังอะไรจากสิ่งที่ทำ เพราะเป็นสิ่งที่ควรทำ…..( อ.ดร. นิกร วัฒนพนม นิด้า อาจารย์ผมเอง)

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 9:53

    อืม เอาทีละอย่างนะคะพี่ตา
    1. บ่อดักไขมัน ช้อนไขมัน+ขยะทิ้งให้หมด (งานสนามน่าจะมีวิธีเอาไปทิ้งโดยใส่ในถุงดำก่อนน่ะค่ะ) หรือให้บริษัม/เทศบาลมาจัดการดูดออกไปก่อน เพื่อดูสภาพบ่อ และดูว่าร่องระบายน้ำส่วนไหนตันบ้าง ตะแกรงปิดบ่อทำใหม่ ถ้าใช้อะลูมิเนียมโดยให้ช่างมาวัดแล้วทำแบบครอบปิดโดยมีช่องเปิดเพื่อตัดไขมันได้ก็จะดูเรียบร้อยขึ้นค่ะหรือเป็นสังกะสีแบบแผ่นที่ตัดแล้วเชื่อมก็ถูกดี ที่เปลี่ยนวัสดุเพราะเบากว่าตะแกรงเหล็ก คนตักจะได้ไม่ขี้เกียจมากนักน่ะค่ะ อย่าลืมตรวจดูว่าไขมันมาจากส่วนไหนของรพ.เยอะที่สุด เพื่อแก้ไขเป็นจุด ๆ ไปจะได้ไม่ทะลักลงบ่อทีเดียว
    2. ใช้อีเอ็มใส่เข้าไปในบ่อเลย มีกี่บ่อใส่ให้หมด ประมาณ 2-3 วันกลิ่นจะหาย น้ำใสขึ้นค่ะ
    3. ตารางเวรตักไขมันใครรับผิดชอบคงต้องมีการทวนกลับต้นทาง
    4. ใช้น้ำหมักในการทำความสะอาดเช่นเช็ดกระจก ล้างห้องน้ำ อย่างที่รพ.ก็ใช้ในฝ่ายโภชนาการและวอร์ดต่าง ๆ น่ะค่ะ (แต่ส่วนของวอร์ดจะใช้ที่หมักจากเปลือกส้ม เพราะกลิ่นหอมกว่าคนไข้ไม่เวียนหัว) เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ในบ่อ
    5. ทำที่ดักเศษอาหารอย่างง่ายให้กับร้านค้าและโรงครัว (ถ้าไม่มี) โดยใช้ท่อเอสรอลสีเหลืองตัดให้ยาวพอพาดขอบอ่างได้ 2 ท่อ แล้วใช้มุ้งตาข่ายสีฟ้าแบบที่ใช้ในการเกษตรน่ะค่ะ ซื้อได้ตามร้านขายเกี่ยวกับเครื่องมือเกษตรทั่วไป (ตัวอย่างมุ้งอยู่ข้างล่างนะคะ) เลือกแบบตาละเอียดสุด ตัดให้เป็นถุงสี่เหลี่ยมที่มีขนาดหย่อนในอ่างล้างได้แต่ไม่ถึงพื้นอ่างเพื่อกวาดเศษอาหารใส่ ถุงสี่เหลี่ยมนี้ทำเป็นช่องด้านข้างตรงขอบบนทั้ง 2 ด้านตามความยาวของขอบอ่างเพื่อสอดท่อเอสรอล 2 อันที่ตัดไว้แขวนถุงนี้กับขอบอ่างทั้ง 2 ข้างน่ะค่ะ ทำถุงไว้หลาย ๆ อันเพื่อถอดออกมาซักแล้วยังมีสำรองอยู่ อันนี้ช่วยดักเศษอาหารไม่ให้ตกไปในบ่อ / ท่อระบายน้ำได้เยอะค่ะ
    http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/425/2425/images/Nongkradon7.jpg

    6. ส่วนหลังร้านตัดหญ้าออกให้หมด ถ้าเทปูนได้เทเลย ทำแคร่วางกระป๋อง กะละมังไว้ด้านหลังร้านให้ก่อน (แต่ไปทดคืนตอนประมูลปีต่อไป อิอิอิ) ส่วนที่แม่ค้าตัดท่อออกควรทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่อนุญาต แต่ขอทราบปัญหาที่ทำอย่างนั้น ก่อนร่วมกันแก้ไข งานสุขาภิบาลอาหาร / สถานที่น่าจะช่วยพี่ตาได้เยอะค่ะ ไหน ๆ ก็จะปรับแล้ว ทำให้ถูกตามสุขาภิบาลอาหารไปเลย ตั้งแต่การวางภาชนะ การล้าง การหุงหาอาหาร ภาชนะที่ใช้ ฯลฯ ให้เป็นข้อตกลงร่วมกันจะได้งามตา

    เอาใจช่วยค่า

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 11:26

    #1 ลงมือแล้วค่ะพี่ตึ๋ง

    #2 อยากเห็นวิธีใช้ตาข่ายสีฟ้าที่ร้านอาหารร.พ.เชียงรายอ่ะ ถ่ายรูปส่งขึ้นบันทึกมาให้ดูหน่อยดิ

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 11:32

    ไม่มีความรู้ด้านนี้ มีแต่กำลังใจมาช่วยลุ้นครับ ทำทีละเรื่องครับ เพราะเวลายุ่งเราจะคิดรวมกันไอ้นั่นก็ต้องทำ ไอ้นี่ก็ต้องทำ ทำไม่ทันแล้ว แต่ถ้าวางแผนดีๆ ทำไหนก่อนหลัง งานอาจเสร็จทันภายในสามอาทิตย์นะครับ สู้ๆครับ

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 11:47

    ช่วยอะไรไม่ได้ครับ มาเรียนรู้ซะอีก

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 19:03

    #2  ลืมขอบคุณไปเลยน้องสาวที่ช่วยหาความรู้มาให้ ขอบคุณนะคะ  ปิ๊งกับความคิดเรื่องการใช้ตาข่ายสีฟ้าค่ะ ยังรอดูภาพการใช้ตาข่ายสีฟ้า อยู่้เด้อน้องเด้อ ถ้าหากว่ามีตัวอย่าง อย่ารอช้า ถ่ายรูปเร็วไว เพราะที่เล่ามาให้รู้ นึกภาพไม่ออกจ๊า ส่วนเรื่องของอีเอ็มใช้กันอยู่แล้วจ๊าน้อง ความโชคดีที่ไม่มีกลิ่น นั่นแหละที่ทำให้ละเลยกันจนเกิดเรื่องนี้

    #4 ช่ายยยยยยยยยเลยยยยย ในเวลาวิกฤติอย่างนี้ คนกำลังเครียดอย่างนี้ ควรที่จะเลือกทำทีละเรื่อง  คิดอย่างนี้ก่อนทำจริงๆค่ะ ก็เลยคัดกรองเรื่องราวแล้วหยิบจับเรื่องที่ทำเสร็จไวๆมาทำก่อนค่า  สู้ๆค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

    #5  แค่เข้ามารับรู้ นี่ก็ถือว่าช่วยมากแล้วค่ะพี่ มีกำลังใจสู้ต่อขึ้นอักโขเลยค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.14853882789612 sec
Sidebar: 0.13313317298889 sec