ดีใจกับลูกศิษย์ของครูชาวเฮกันหน่อย

โดย สาวตา เมื่อ 15 มกราคม 2010 เวลา 22:52 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1078

พรุ่งนี้เป็นวันของครู จึงขอนำเรื่องลูกศิษย์มาเล่าให้ครูเฮฟังซะหน่อย ลูกศิษย์ที่จะนำมาเล่าเป็นกลุ่มของเด็กๆในฝ่ายงานของฉันเอง

ก่อนที่ครูชาวเฮจะไปช่วยให้เกิดวันนี้ขึ้น พวกเขาทั้งหลายมีหลายเรื่องที่คิดแตกต่างกัน เมื่อลองนำความคิดที่สัมผัสไปเทียบกับหลักคิดเรื่องคุณภาพในบางแง่มุม ความต่างในวิธีคิดนั้นกลับทำให้เกิดประสบการณ์แห่งชีวิตที่มีค่ามากมายทั้งของพวกเขาและตัวฉัน

หลักคิดคุณภาพที่นำมาเทียบมีผู้รู้เขาสอนไว้ให้ได้รู้จัก เขาบอกให้ยึดบันได 3 ขั้น ก้าวขึ้นไป ก้าวขึ้นไปทีละก้าว ก้าวแรกนั้นให้คติว่า ทำงานประจำให้ดี มีอะไรคุยกัน ขยันทบทวน ก้าวที่ 2 เดินขึ้นไปต่อด้วยคติ เป้าหมายชัด วัดผลได้ ให้คุณค่า ละยึดติด ก้าวสุดท้ายเมื่อก้าวขึ้นไปแล้ว จะนำพา่้ก่อผลเหล่านี้ในองค์กร ผลลัพธ์ที่ดี มีวัฒนธรรม นำมาตรฐานมาใช้

ย้อนมองกลับตามเส้นทางบันได 3 ขั้น ฉันพบว่าทิศทางการก้าวเดินที่ผ่านมานั้นน่าพอใจ ผลที่เกิด ผลลัพธ์ที่เห็น บรรยากาศที่สัมผัสล้วนบ่งบอกให้เห็นถึงความงอกงามเกิดขึ้นตรงหน้า

ในก้าวแรกที่เดินทางมาตามเส้นทางนั้น ดูเผินๆูเหมือนกับว่าทุกคนในทีมของฉันต่างมีคติของตนยึดอยู่ เป็นคติที่เป็นไปตามหลักคิดนั่นแหละ จึงปล่อยให้ทุกคนเดินตามอิสระของตัว จนกระทั่งเดินมาถึงบันไดขั้น 2 ก็ปล่อยๆให้อิสระก้าวขึ้นไปด้วยคิดว่าไม่น่าจะยากแต่ก็พบว่าเป็นเรื่องยากไปซะได้ จึงทำให้ก้าวกลับลงมาดูใหม่ว่าที่ก้าวขั้นแรกขึ้นไปได้นั้น เป็นอะไรที่ความคิดหลอกตัวเองหรือเปล่าว่าโอ

การก้าวกลับทำให้พบนัยยะที่ซ่อนตัวอยู่ พบแล้วอ๋อว่าแท้จริงสมองหลอกให้เชื่อไปได้ ไอ้ที่คิดว่าโอนะยังไม่โอหรอก การก้าวกลับทำให้ไปพบประเด็นที่เอ๊ะ

แท้ที่จริง นัยยะของคติมีอะไรหลายอย่างซ่อนอยู่ให้เรียนในระหว่างการก้าวไปตามบันได ขั้นแรกมีอะไรตามมาดูกันหน่อยแล้วกัน

ทำงานประจำให้ดีนั้นมีนัยยะถึงเรื่อง 3 รู้ รู้เป้าหมาย รู้ว่าจะทำให้ดีได้อย่างไร รู้ว่าทำได้ดีหรือไม่

มีอะไรคุยกันมีนัยยะที่เรื่อง 3 คุย คุยกันภายในหน่วยงาน คุยกันระหว่างหน่วยงาน คุยกันระหว่างวิชาชีพ

ขยันทบทวนมีนัยยะของ 3 ทบทวน ทบทวนหลังทำกิจกรรม(AARทบทวนเมื่อมีเหตุการณ์ ทบทวนข้อมูลที่เป็นประโยชน์

การก้าวกลับลงไปย้อนดูที่ทำให้ฉันอ๋อว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นคือการบูรณาการ 3 ทบทวนนะเอง

ดีใจกับตัวเองที่ตัดสินใจก้าวกลับไปมอง แล้วทำให้ได้พบว่าการเชื่อมคติทั้งหมดในขั้นที่ 1 เข้าด้วยกันมีหลุด หลุดตรงโจทย์สำคัญที่เข้ากับยุคสังคมปรนัยซะด้วยซิ

เมื่อเชื่อมโยงแล้วฉันได้เห็นภาพรวมว่ามีต้นตอที่ทำให้บันไดขั้น 2 เป็นทางตันอยู่มากมาย ถ้าไม่เชื่อมโยงก็ไม่เคยเห็นว่าลูกน้องแต่ละคนเขาประเมินตัวเองแบบปรนัยทั้งสิ้น เมื่อเวทีของ 3 คุยเกิดขึ้นมาในหน่วยงาน คำตอบว่ามีและทำอยู่จึงเป็นการอยู่บนข้อมูลคนละชุด การเดินขึ้นบันไดขั้น 2 ด้วยคติเป้าหมายชัด วัดผลได้ ให้คุณค่า จึงกลายจากทางโล่งเป็นทางตันในทันทีอันเนื่องมาจากการใช้ข้อมูลคนละชุดกันในการตัดสินใจ

ในช่วงที่คำตอบปรนัยผ่านเข้ามาสู่เวทีคุยกันนั้น บรรยากาศของการทำงานเป็นอะไรที่เต็มไปด้วยเรื่องยึดติด เวลาของชีวิตในช่วงนั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่กับชีวิตการทำงานจนต้องพาตัวออกไปเรียนรู้เพื่อหาคำตอบ แล้วฉันก็ได้พบกับคำตอบแบบอัตนัยที่ผ่านเข้ามาซึ่งได้พลิกชีวิตใหม่ให้กับฉันเมื่อฉันตัดสินใจจะผ่าตัดวิธีคิดปรนัยของผู้คนในที่ทำงานของฉันให้ลดถอยลง

เวทีแรกที่ฉันส่งผู้คนเข้าไปลิ้มลองการผ่าตัดเปลี่ยนความคิดนั้น ฉันพาตัวตามไปศึกษาูวิธีผ่าตัดด้วยเพื่อกลับมาจะได้ตามดูผลของการผ่าได้อย่างเข้าใจ ตามแล้วพบว่าวิธีคิดของผู้คนที่ส่งไปกลับยิ่งกลายเป็นแบบปรนัยมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก

ข้อสงสัยว่าผลข้างเคียงนี้เกิดจากอะไรจึงทำให้ฉันตามไปเรียนต่อที่สวนป่าในครั้งที่พี่ตึ๋งลงมือเป็นพี่ดัน กลับมาจากสวนป่าก็ลองใช้ฝีมือของตัวเองผ่าตัดทีมดูหน่อย กลายเป็นว่าความต่างในวิธีของคนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการลงมือฝึกผ่าที่ไม่คาดฝันขึ้นจากชุดข้อมูลที่สมองหลอกให้เชื่อ

เหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้้ฉันดั้นด้นไปเรียนรู้ต่อจากคณะพยาบาลของอุ๊ยสร้อยและวงน้ำชา ไปคราวนี้จึงพบกับอ๋อว่าผลแทรกซ้อนเมื่อลงมีดผ่าตัดไปบนความคิดของผู้คนนั้นเกิดจากความต่างของวิธีเรียนรู้ของผู้คนและความรู้ที่ผู้คนสะสมมานับแต่ถือกำเนิดจนเติบโตเป็นเขา ณ วันนี้

ความคิดต่าง ประสบการณ์ต่าง วิธีเรียนรู้ต่าง ทำให้คุณภาพของการฟังต่างไปด้วย  ชีวิตและความคิดปรนัยที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากคุณภาพการฟังของผู้คนแต่ละคนนี่เอง เมื่อคุณภาพการฟังต่าง 3 คุยก็ไม่ได้คุณภาพ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อเข้าใจเรื่องความคิดปรนัยแล้วฉันก็มองย้อนซ้ำ อืม ยังมีนัยยะอีกอย่างที่ซ่อนอยู่อีกแฮะ เปลือกที่สังคมห่อหุ้มตัวฉันเอาไว้นั่นแหละเป็นต้นตออีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่แปลก ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เปลือกความเป็นหมอแล้วมาเป็นนายทำให้ลูกน้องทั้งหลายรู้สึกว่าเผชิญอำนาจเมื่อพูดคุยกัน ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้พวกเขาสร้างกลไกป้องกันตัวเองขึ้นแล้วส่งพลังต้าน

พลังนี้ทำให้คุณภาพการฟังของแต่ละคนด้อยลงไป เมื่อฉันคุยกับเขาไม่ว่าในลักษณะใด เขาก็ยังรู้สึกว่าฉันเป็นโจรอยู่ร่ำไป เมื่อความรู้สึกฝังเป็นความเชื่อเขายิ่งรู้สึกว่าเผชิญอำนาจที่แรงขึ้นๆ มันก็เลยไปกันใหญ่กับเรื่องราว มิน่าคุยกันทีไร พวกเขาจึงได้ยินเสียงที่ฉันสื่อออกไป ได้น้อยกว่าน้อย ประสบการณ์ที่มีกับเรื่องราวเหล่านี้คือบทเรียนที่ทำให้ฉันเข้าใจชีวิตที่อายตนะส่งผลให้เกิดขึ้นมากมายเลยเชียว

ความตั้งใจจะนำพาพวกเขาให้เดินผ่านขึ้นบันไดขั้น 2 และ 3 ต่อไปให้ได้เพื่อก่อผลตามหลักคิดของการพัฒนาคุณภาพองค์กร ทำให้ฉันตัดสินใจว่าควรหาเครื่องมือมาช่วยเติมคุณภาพการฟังของแต่ละคนซะก่อน ฟังได้ยินแล้วนั่นแหละพวกเขาจึงจะปลดเปลื้องความรู้สึกที่พวกเขาสร้างขึ้นเองนั้นให้หลุดไปได้

ประสบการณ์ที่เรียนจาก 3 เวทีกล่าวถึงข้างต้น ได้ส่งคำตอบให้ปิ๊งขึ้นมาว่าวิชาที่จะช่วยให้พวกเขามีคุณภาพการฟังที่กระเตื้องขึ้นมีแต่วิชาดอกอะไรเท่านั้นเอง การเรียนวิชานี้ของพวกเขาต้องการครูที่รู้จักจริตการเรียนของพวกเขาเป็นอย่างดีซะด้วย แล้วในแวดวงของมิตรที่คบหาอยู่ก็มีแต่ชาวเฮเท่านั้นที่ช่วยได้ ฉันจึงเอ่ยปากชวนชาวเฮให้มาช่วยกันที่แดนใต้

วันนี้มาขอบคุณครูชาวเฮนะคะที่พากันมาช่วย ลูกศิษย์ทั้งหลายของครูมีคุณภาพการฟังที่เติบโตขึ้นค่ะ มีกะปิที่วัดว่าคุณภาพการฟังของพวกเขาดีขึ้น จากเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นมากมายกับงานแต่ละเรื่องที่พวกเขาทำ  บรรยากาศของการทำงานบ่งบอกว่าความสุขในชีวิตของเขา่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ในระหว่างกันที่เคยมีบรรยากาศเผชิญหน้าในเชิงอำนาจไม่ว่าในระหว่างคนอายุมากกว่ากับคนอายุน้อยกว่าหรือในระหว่างคนเก่งกับคนไม่เก่งลดน้อยถอยลง 

มีเรื่องให้แปลกใจอยู่หน่อยที่พบว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกลับเกิดในกลุ่มลูกจ้างซึ่งมีการศึกษาไม่ถึงระดับปริญญาตรีทั้งนั้นเลย

ในกลุ่มของผู้ที่ถูกเรียกว่านางฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ้างในมุมของความผ่อนคลายกับตัวเองและบรรยากาศการทำงานในบางขณะที่ไม่มีเรื่องของการวัดผลงานหรือการประิเมินตนเองที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

บรรยากาศของการเผชิญหน้าในเชิงอำนาจยังคงอยู่หลอนความรู้สึกของเหล่านางฟ้าในยามที่พวกเขาเผชิญกับความกดดันที่ตัวเขาเองมีต่อผลงานของตัวเอง  มองเห็นแล้วดูเหมือนแวบว่าช่างคล้ายๆกับประสบการณ์ของอุ๊ยสร้อยอยู่มากโข

สิ่งที่ฉันดีใจก็คือเมื่อเวลาผ่านมาถึงวันนี้ เจ้าลูกน้องของฉันในกลุ่มนี้ทั้ง 4 สาวลูกจ้างซึ่งไม่ได้จบปริญญาตรีกันเลยสักคน สามารถทำงานที่ยากขึ้นๆในระดับที่ทำได้ดีกว่าคนจบปริญญาตรีได้หลายงาน งานจัดการหลายๆอย่างที่ต้องอิงหลักวิชาการทางการแพทย์ที่มอบหมายสามารถทำได้ดีขึ้นๆ

ความก้าวหน้านี้ทำให้ฉันเข้าไปเกี่ยวข้องนำพาชี้บอกให้เขามองเห็นและสัมผัสกับนัยยะของคติที่ซ่อนอยู่ในบันไดขั้นที่ 2 ไม่น่าเชื่อว่าแค่ฉันย่ำเท้าอยู่กับพวกเขาที่บันไดขั้นที่ 1 เขาก็เหยียบบันไดขั้นที่ 2 ไปได้โดยอัตโนมัติได้แล้ว ละยึดติด คือ จุดที่เขาก้าวไปสัมผัสได้เร็วที่สุด

น่าแปลกอีกเช่นกันที่พบว่าเมื่อฉันเดินตามการละยึดติดที่เกิดขึ้นในกลุ่มพวกเขาไปด้วย ฉันกลับพบว่า แค่ฉันสะท้อนให้เขาได้รู้จักคติของบันไดขั้นที่ 2 ในเรื่อง “ให้คุณค่า” ซึ่งมีนัยยะคือ ให้คุณค่าแก่ผู้ป่วยและครอบครัว ด้วย 3 ทบทวนมันกลับก่อผลของคุณภาพในกระบวนการทำงานของสาวๆแต่ละคนเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติได้เลย

บอกเล่ากันไว้ซะหน่อยว่าคติของ”วัดผลได้” เกี่ยวกับตัว 3 วัด วัดหนึ่งคือการบรรลุเป้าหมาย วัดสองคือคุณภาพในกระบวนการทำงาน วัดสามคือทำให้สมดุลกับการประเมินโดยไม่ต้องวัด

ส่วนละยึดติด จะเกี่ยวกับ 3 รูป คือ ไม่ติดรูปแบบ นวตกรรมเกิดขึ้นเริ่มจากจุดขี้รำคาญ จัดการระบบด้วยแว่นความงาม

การที่ 4 สาวสัมผัสกับละยึดติดได้เร็วด้วยพวกเขามีธรรมชาติของการ”ไม่ติดรูปแบบ” อยู่ในตัวกันอยู่แล้ว เมื่อฉันตามน้ำผสมผสานธรรมชาติ”ขี้รำคาญ” ของฉันเข้าไปด้วย 3 ทบทวน มันกลับส่งผลไปกระตุ้นให้พวกเขาเริ่มพัฒนา เมื่อการเชื่อมโยงไปสู่การให้คุณค่าเกิดขึ้นนวตกรรมก็เริ่มขึ้นแล้วฉันก็ปล่อยให้เขาทำงานต่อไปโดยชี้ชวนให้เห็นความงามของการให้คุณค่า ปรากฎว่าพวกเขาก็เริ่มต้นคิดค้นวิธีจัดการระบบที่น่าเบื่อด้วยแว่นความงามต่อไปกันได้เอง ดีจริงๆ

ณ วันนี้ฉันมองเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการก้าวขึ้นบันไดขั้นที่ 2 คือการที่พวกเขาทั้ง 4 กำลังก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นที่ 3 อย่างช้าๆ บางสิ่งบางอย่างที่หลักคิดของการพัฒนาคุณภาพต้องการเห็นเริ่มก่อผลให้เห็นเงาร่างที่ชัดเจนขึ้น

“ผลลัพธ์ที่ดี” อันเป็นผลหนึ่งที่ควรก่อเกิดเริ่มเห็นผลแรกคือผลเปรียบเทียบ เมื่อเชื่อมโยงให้เขามองเห็นคุณค่าความสำคัญของตัวเขาที่มีต่อความปลอดภัย แล้วเติม 3 ทบทวนลงไปให้รู้จักวัฒนธรรมการเรียนรู้ ฉันกลับพบว่าผลอีกอย่างเริ่มก่อกำเนิดให้ชื่นใจ

ฉันมองเห็นว่าผลที่เกิดกำลังสะสมไปตลอดเส้นทางที่พวกเขาก้าวย่างแล้วในที่สุดวัฒนธรรมคุณภาพและการนำมาตรฐานมาใช้จะก่อเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใจวัฒนธรรมความปลอดภัย และเมื่อนั้นผลสมบูรณ์ก็จะก่อเกิดขึ้น การประเมิน ปฏิบัติ และ พัฒนาก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรเล็กๆของฉันอย่างสมบูรณ์

ขอขอบคุณครูชาวเฮทั้งหลายด้วยนะคะที่ส่งมอบลูกศิษย์ที่มีคุณค่าคืนให้กับสังคมในองค์กรฉัน

ขอบคุณกับการทำให้ 4 สาวของฉันได้รู้จักกับเจ้าดอกอะไร

ขอบคุณกับประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกันค่ะ

« « Prev : 365 วันของวันใหม่ที่ผันผ่าน

Next : ช่วยกันลุ้นหน่อย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.064088106155396 sec
Sidebar: 0.10685801506042 sec