ดับทุกข์ด้วยต้นทุนชีวิตจากครอบครัว
นึกถึงบันทึกที่เคยเขียนไว้เนื่องจากได้รับการขอร้องจากคุณแม่ของคู่กรณีให้อภัยให้กับลูกเขา แถมยังฝากฝังให้เราดูแลและตักเตือนได้เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน
คนเป็นแม่เขาเมตตาได้ขนาดนั้น
แล้วคนแบบเราล่ะคิดได้แค่ไหน ?
————————
สิ่งเร้าอันเป็นเหตุไม่พึงประสงค์ที่พุ่งเข้ามากระทบชีวิตเพื่อทดสอบสมรรถนะของสตินั้น มักไม่เข้าแถวเป็นระเบียบนัก ช่วงใดโชคเข้าข้างก็อาจทิ้งช่วงห่างให้พอมีเวลาจัดการกับของเดิมบ้าง แต่เมื่อใดที่เขาเข้ามาแบบหน้ากระดานเรียงตับ เมื่อนั้นเราจะเห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของใจเราได้อย่างชัดเจน
บางคนเก่ง อาจวูบแค่จิตตก บางคนแก้ไม่ตกปรับไม่ทัน เลยไม่รอด ปล่อยให้ฝังลึกไปถึงใจ ย้ำคิดย้ำทำจนเสียจริต เลือกตอบสนองผิดเพี้ยนทั้งวาจาและใจ เสี่ยงต่อการสร้างความเสื่อมให้กับตนเอง เสี่ยงต่อการเสียมิตรสหาย เสียความเคารพนับถือ เสียบุคลิกภาพ หรืออาจเลยเถิดถึงขั้นเสียหน้าที่การงานสังคมไปนู่น
แต่ที่เสียแน่ ๆ เพียงแต่เจ้าตัวจะตระหนักรู้ได้ช้าหรือเร็วเท่านั้น คือ “เสียใจ”