กำลังใจแด่ป้าจุ๋ม..

174 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 มกราคม 2010 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2088

ไม่ทราบเป็นอะไร ไปงานประกวดกล้วยไม้ “ช้างบาน” ที่ มข.คราวนี้ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปดอกไม้ที่สวยๆเลยหละ เดินผ่าน เดินผ่าน ดูแล้วก็ผ่านไปเฉยๆ  ทุกทีหน่วยความจำในกล้องจะร้องบอกว่า ..เจ้านายมากไปแล้ว จำไม่ไหวแล้ว..อิอิ

แต่คราวนี้ได้รูปหัวใจมา  เลนเอามาฝากป้าจุ๋มครับ

ส่งกำลังใจมาให้ป้าจุ๋มครับ


ฝ้ายคำแด่ป้าจุ๋ม..

637 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 มกราคม 2010 เวลา 21:10 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 11141

ขอมอบดอกฝ้ายคำให้ป้าจุ๋ม

ให้สดชื่นบานฉ่ำเหมือนเดิมนะครับ


อล่างฉ่าง..

882 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 มกราคม 2010 เวลา 0:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9038

ดู๊… ดู… แม่ของหลินปิงเค้านอนซี…. อล่างฉ่างซะไม่เมี๊ยะ


จาก UBC ช่อง Panda


ประกาศ

517 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 มกราคม 2010 เวลา 0:20 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7463

ขอเชิญพี่น้องเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย และทั่วประเทศไทย ที่สนใจเรื่องบ้านเมือง เรื่องการวิจัยเชิงคุณภาพ.. เชิญพบกับปรมาจารย์ด้านนี้ที่เชียงใหม่ในวันที่ 22 มกราคม ตามรายละเอียดข้างล่างนี้

  • ท่านอาจารย์ มรว.อคิน รพีพัฒน์ เป็นนักมานุษยวิทยาที่นักสังคม นักมานุษยวิทยา นักพัฒนา ต้องอ่านงานของท่าน
  • ใครๆขนานนามท่านว่าเป็นเจ้าแต่ทำตัวเป็นไพร่
  • Thesis ปริญญาโทของท่าน ที่ ออ๊กฟอร์ด ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาโยนทิ้ง 9 ครั้ง แต่เมื่อทำเสร็จ มหาวิทยาลัยชื่นชมว่าเป็น Thesis
    ปริญญาโทที่ดีกว่า Thesis ปริญญาเอกของใครๆอีก
  • ท่านเป็นอดีต ผอ.บัณฑิตอาสาสมัคร ธรรมศาสตร์
  • ท่านเป็นอดีต ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ท่านเป็นนักวิชาการแรกๆที่ทำวิจัยเชิงคุณภาพ..
  • ฯลฯ

บางทรายจะควงคนข้างกายไปกราบท่าน และร่วมเสวนาด้วยครับ

————————————

“จุลเสวนากึ่งวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60+17 ปี ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์”

ความนำ

ในวันที่ 22 มกราคม ของปี 2552 ที่ผ่านไป สถาบันวิจัยและพัฒนา มข. เป็นเจ้าภาพหลักจัดกิจกรรมเนื่องในวันเกิดครบรอบอายุ 76 ขวบ ของ รศ.ดร.ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ พร้อมกับการเปิดตัวหนังสือรวมบทความเล่มสำคัญที่ชื่อ “ชาวบ้าน ชาวเมือง เรื่องความยุติธรรมในสังคมไทย” ขึ้น ณ ห้องประชุมและลานหน้าสถาบันฯ ซึ่งครั้งนั้น การจัดงานประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับความสนใจจากบรรดานักวิชาการ นักพัฒนา ชาวบ้านร่วมงาน ทั้งภาคกลางวัน และกลางคืน กว่า 100 คน อีกทั้งยังได้ความรู้ ความคิดจากเนื้อหาสาระของการเสวนาเรื่อง “ความยุติธรรมในสังคมไทย(ที่อ่อนไหว)” โดยวิทยากรชื่อดัง ทั้งท่านอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ และพ่อผาย สร้อยสะกลาง อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งหนังสือรวมบทความของอาจารย์อคิน ยังคงจำหน่ายขายดีตามศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจนถึง 1 ปี ผ่านไป

วันที่ 22 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่อาจารย์จะมีอายุครบ 77 ขวบ “กองทุน 60 ปี อคิน รพีพัฒน์” ร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการ นักพัฒนาภาคเหนือจัดเวทีเสวนาเล็กๆ ที่เรียกว่า “จุลเสวนา” เกี่ยวข้องกับการก้าวเดินของสังคมไทยในทศวรรษที่ 201 (ปี2010) โดยมีท่านอาจารย์อคิน เป็นผู้นำเสวนา นอกจากนั้นยังจะได้เปิดประเด็น “การวิจัยเชิงคุณภาพ” ซึ่งเป็นกระบวนการศึกษาวิจัยทางสังคมที่นักวิจัยและนักพัฒนาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานอย่างแพร่หลาย โดยเมื่อ 17 ปี ที่ผ่านมา(ปี 2536) ท่านอาจารย์อคิน ร่วมกับนักมานุษยวิทยาชั้นนำของเมืองไทย จัดทำ”คู่มือวิจัยเชิงคุณภาพเพื่องานพัฒนา” เพื่อรวบรวมแนวคิด ทฤษฎี แนวทางการประยุกต์ใช้ รวมทั้งประสบการณ์ในพื้นที่กรณีศึกษาภาคสนามทั้งในระดับสากลและในบริบทของชุมชนไทย คู่มือ

ดังกล่าวได้จัดพิมพ์มาแล้ว 4 คั้ง จำนวนประมาณ 10,000 เล่ม ซึ่งในวงเสวนาจะได้เชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเนื้อหา และผู้ใช้คู่มือดังกล่าวเป็นแนวทางในการทำงานวิจัยและพัฒนาสังคมไทยในละแวกเชียงใหม่ มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การนำเนื้อหางานดังกล่าวไป

ประยุกต์ใช้ในการทำงานวิจัยและพัฒนาสังคมไทย รวมทั้งร่วมหาแนวทางในการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย เหมาะสมสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในปัจจุบันและอนาคต

วัน/เวลา และสถานที่

“จุลเสวนากึ่งวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ60+17 ปี ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์” จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องประชุมศูนย์เพื่อนชีวิตใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

——————————————————————————

กำหนดการ

“จุลเสวนากึ่งวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 + 17 ปี ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์”

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 เวลา 13.00 – 16.30 น.

ณ ห้องประชุมศูนย์เพื่อนชีวิตใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

จัดโดย

“กองทุน 60 ปี อคิน รพีพัฒน์ เพื่อสังคม”

———————————————————

13.00 – 13.30 น.        - ลงทะเบียน/รับของที่ระลึก

13.30 – 13.45 น.        - เกริ่นนำ

13.45 – 14.45 น.     - จุลเสวนา “สังคมไทยปี 2010: ความหวังหรือลางเลือน”

โดย ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์

14.45 – 15.00 น.         - พักรับประทานอาหารว่าง

15.00 – 16.30 น.    - จับเข่าคุย “77 ปี อคิน รพีพัฒน์ – 17 ปี คู่มือวิจัยเชิงคุณภาพ: คุณูปการกับการเปลี่ยนแปลง”

โดย ¹ รศ.ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ

¹ อ.สุริยา สมุทคุปติ์

¹ ตัวแทนนักวิชาการ/นักพัฒนาจากอีสาน

18.30 – 22.00 น.     - “77 ปี อคิน รพีพัฒน์: ทานข้าว เล่าเรื่อง อำนวยพรแด่ อาจารย์อคิน” โดย กัลยาณมิตรและศิษย์ ม.ร.ว.อคิน

รพีพัฒน์â

————————————–


อัสดง..

91 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 มกราคม 2010 เวลา 20:28 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1859


กลับบ้าน

ทุกวันหยุดหากไม่มีงานเร่งด่วนอะไรผมก็จะเดินทางกลับบ้านขอนแก่น

กลับมาหาครอบครัว จริงๆไม่เชิงครอบครัวเพราะลูกคนเดียวไปอยู่อีกทางหนึ่ง เป็นว่ากลับบ้านก็แล้วกัน

ใช้เวลาทำอะไรบ้างล่ะ นอกจากจะพูดคุยเล่าเรื่องโน้นนี้สู่กันฟังแล้วก็ทำอาหารจานโปรดกินกัน จนอ้วนกันไปข้างหนึ่ง หากเพื่อนๆ พี่ๆโทรมาชวนไปออกกำลังกายก็จะไป หากไม่มีใครชวนก็ทำโน่นทำนี่รอบบ้าน หรือไม่ก็ขลุกอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็อ่านหนังสือกองท่วมหัวที่ซื้อตุนไว้ หลายเล่มแค่อ่านหน้าปกแล้วก็กองไว้ว่าสักวันจะหยิบมาอ่าน บางเล่มจนลืมไปว่าเรามีอยู่

มาช่วงหลังนี่ ใครมาชวนออกกำลังกายก็จะไม่ได้ไป หรือไปน้อยลง อยากอยู่บ้านมากกว่า อยากทำนั่นทำนี่อีกหลายอย่าง ที่เว้นค้างไว้


บ่อยครั้งหอบงานกลับมาบ้านกระเป๋าเอกสารตุง นั่งแข่งกับคนข้างกายทั้งวันทั้งคืนทำงานให้เสร็จ ส่วนใหญ่เธอจะนั่งนานกว่าเพราะเธอทำไปด้วยดูละครละเม็งไปด้วย ทั้งน้ำเน่า น้ำเสีย น้ำดี เธอดูหมด ผมก็ปลีกตัวไปจะดูก็รายการกีฬาที่ชอบ หลายครั้งเวลามาตรงกัน อิอิ เป็นเรื่อง..

อย่างไรการกลับบ้านสุดสัปดาห์ก็เป็นสุขตามประสาปุถุชน

รูปข้างบนนั้นระหว่างรถติดไฟแดงที่กาฬสินธุ์ ก็คว้ากล้องมาจับไว้

อัสดง จับใจจริงๆ …..เหมือนชีวิตเราเลย….


เด็กบางคนในวันเด็ก..

610 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 มกราคม 2010 เวลา 20:10 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4827

เด็กบางคนวันนี้…

เราไปเติมน้ำมันรถตามปกติ

เห็นเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวขี่มอ’ไซด์มาจอด สั่งเติมน้ำมัน 100 บาท

เด็กสาวดูหน้าตาดี เพราะแต่งหน้ามา

พนักงาน  เติมน้ำมันให้ เด็กยื่นเงินให้

พนักงานรับเงินพร้อมเอาใบเสร็จรับเงินให้

เด็กสาวคนนั้น รับมา แล้วทันใดนั้น

…เธอขยี้แล้วก็ทิ้งลงพื้นตรงนั้นเอง

ทั้งๆที่ถังขยะก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น…

มันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สะท้อนเรื่องใหญ่ๆ

อือ…เด็กวันนี้

อือ..วันเด็กวันนี้

อือ..พลเมืองของสังคมวันข้างหน้า..

วันข้างหน้าที่เราหมดเรี่ยวแรง..แล้ว.


DuBai 2

195 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 มกราคม 2010 เวลา 0:51 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2173

 


DuBai 1

733 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 มกราคม 2010 เวลา 22:57 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9404

เฮ่อ….. มนุษย์


“ชั่งหัวมัน”

19 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 มกราคม 2010 เวลา 23:58 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม #
อ่าน: 1251

ได้กลับบ้านเกิดในวันหยุดยาววันพ่อ คุณพ่อก็ชวนขับรถเที่ยวอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเพชรบุรี อย่างอำเภอท่ายาง
ไม่ได้มีที่เที่ยวน่าสนใจไปกว่า ชะอำ หัวหิน จึงนึกไม่ออกว่าจะขับรถไปเที่ยวที่ไหนได้อีกนอกจากสองที่นั้น
คำเชิญชวนต่อมาของพ่อชวนให้รู้สึกสนใจขึ้นไปอีก เพราะพ่อบอกว่า
“ไปดูไร่ที่ในหลวงซื้อเอาไว้ไหม”

พ่อเล่าต่อว่า ไร่นั้นอยู่ห่างไกลความเจริญ ถนนราดยางยังเข้าไม่ถึง ไฟฟ้าไม่มี แต่พระองค์ท่านทรงปลูกบ้านอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว

บ้านมีสองหลัง หลังแรกของในหลวง หลังที่สองของพระเทพฯ ราชการทูลเกล้าถวายเลขที่บ้าน เลขที่ 1 กับเลขที่ 2 ให้

ฟังทีแรกก็ไม่เข้าใจว่าพระองค์ท่านจะไปซื้อที่ดินในที่ธุรกันดาร แถมยังปลูกบ้านไว้ที่นั่นทำไม ในเมื่อปัจจุบันพระองค์ท่านก็อาศัยอยู่ที่หัวหินเป็นกิจลักษณะแล้ว แถมพ่อยังบอกอีกว่า ขับรถเข้าไปในที่ดินได้เลยนะ ทหารเขาให้เข้า ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าเราจะเข้าไปขับรถเล่นในเขตพระราชฐานกันได้ยังไง ด้วยความอยากรู้ อันนี้ก็ต้องพิสูจน์ ไปกันดู จากตัวอำเภอท่ายาง ขับเลี้ยวเข้าไปทางตำบลเขากระปุก ถนนเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่นา

นั่งมองต้นไม้ไปได้สักครู่ สองข้างถนนก็เริ่มมีธงชาติ ธงเหลือง ธงฟ้า และธงม่วง พร้อมตราสัญลักษณ์ของแต่ละพระองค์ (ราชาศัพท์เรียกอะไร??) ติดเต็มไปตลอดทาง ดูจากเสาธงก็รู้ว่าเป็นธงที่ชาวบ้านช่วยกันทำขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อรับเสด็จ ข้างๆ ธงมีร่องรอยตะเกียงน้ำมันอย่างง่าย (หรืออาจเรียกได้ว่าคบไฟ) เพื่อรอรับเสด็จในเวลากลางคืน ทั้งธงและคบไฟบ่งบอกได้ว่าข่าวของพ่อไม่ผิด เรากำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ไร่ของในหลวงเข้าไปทุกขณะ

ในขณะที่นั่งชมทิวธงและคบไฟไปได้จนเริ่มง่วง ถนนราดยางก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นคลุ้งตลบ แต่เราคงมาไม่ผิดทางแน่
เพราะทิวธงยังคงอยู่ มองไปแต่ไกลเห็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ตรงหน้า กังหันผลิตไฟฟ้าประมาณสิบกว่าต้น สูงเด่น มีรถทะเบียนกรุงเทพฯ วิ่งสวนมาเป็นระยะ ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มถนนแคบ

รั้วลวดหนามทอดตัวยาวไกล ต้นไม้หลากหลายชนิดเรียงตัวเป็นระเบียบอยู่ในนั้น เขื่อนดินขนาดใหญ่ พร้อมศาลาเก้าเหลี่ยมสูงเด่น เราเดินทางมาถึงไร่ของในหลวงกันแล้ว เมื่อแลกบัตรที่ป้อมทหาร และเลี้ยวรถเข้าไป ก็เพิ่งถึงบางอ้อ ที่ดินจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ว่าไม่ใช่ไร่ที่ซื้อเอาไว้หลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง หรือใช้ตากอากาศ แต่มันคือที่ดินเพื่อใช้เป็น โครงการในพระราชดำริ
ที่มีชื่อมันๆ ว่า “โครงการชั่งหัวมัน”

ดูจากวันที่ตั้งโครงการ คาดว่าน่าจะเป็นโครงการล่าสุดเลยทีเดียว พอได้เดินเข้าไปในโครงการก็เกิดอาการซาบซึ้ง เพราะไม่นึกว่าในหลวงที่เราเห็นในทีวีที่แทบไม่มีแรงยกมือ กลับยังมีใจ + มีไฟ ริเริ่มโครงการใหม่ๆ ในถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญอยู่ตลอดเวลา ไม่มีหยุด

ดูจากบอร์ดภายในโครงการ อธิบายว่า โครงการนี้เป็นเสมือนแปลงทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น อันได้แก่ มะนาว มะพร้าว ชมพู่เพชร และพืชไร่ พืชสวน อะไรอีกจิปาถะมากมายที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีความรู้พอจะเขียนถึง

มีการขุดบ่อ (หรือในโครงการคือเขื่อน) เพื่อเก็บกักน้ำ มีกังหันและโซล่าเซลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เหมือนจะเป็นแบบทดลองตัวอย่างแก่เกษตรกรโดยรอบ เพื่อเพิ่มคุณภาพให้ผลผลิต แบบพึ่งพาตัวเอง

และเหนือสิ่งอื่นใด พอมีข่าวในหลวงเสด็จมาตั้งโครงการปั๊บชาวบ้านแถวนั้นก็ดีใจกันยกใหญ่ หลายคนถวายแรงกายแรงใจ เข้ามาช่วยงานในโครงการฟรีชาวบ้านบางคนที่ทำงานอยู่ในนั้น พูดอวดใครต่อใครที่มาเยือนว่าได้ก้มลงกราบฝ่าพระบาทถวายตัวรับใช้งาน
พูดไปน้ำตาไหลไป มีความภาคภูมิใจในถิ่นที่เกิดและอาชีพของตัวเอง นี่คือเรื่องราวๆ ดีๆ เพียงไม่กี่เรื่องในรอบปีที่ได้รู้แล้วก็อยากเอามาเล่าต่อ นี้ก็เป็นโครงการที่เกิดจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ มีประโยชน์เพื่อการพัฒนารากเหง้าของชาวบ้านที่แท้จริง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานฝรั่ง แต่เอารากที่เมืองไทยมี คือการเกษตร มาพัฒนา ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานน้ำมัน ไม่ต้องตามตลาดโลก ไม่ต้องป่าวประกาศ ไม่ต้องออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทำอย่างเงียบๆ ทำดีอย่างที่ในหลวงบอกคนไทยเสมอว่าเป็นการ
“ปิดทองหลังพระ” อย่างแท้จริงและงานแบบนี้ ถ้าในหลวงไม่ทำ ก็อย่าหวังว่ารัฐบาลชุดไหนจะมาทำให้คนไทย รับรองได้ว่าไม่มีแน่ๆแถมท้าย หลังจากกลับมาค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ในอินเตอร์เน็ต

ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชื่อที่มาของโครงการว่า ตอนที่ในหลวงเสด็จมาที่ที่ดินนี้ครั้งแรกๆ มีชาวบ้านเอาหัวมันมาถวายแต่ยังไงไม่รู้ ในหลวงทรงลืมเอาหัวมันกลับไปด้วย พอกลับมาที่ที่ดินนี้อีกที หัวมันนั้นก็เริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้น

เมื่อถึงเวลา ก็พระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า “โครงการชั่งหัวมัน”

ถ้าใครได้ติดตามผลงานของในหลวงมาตลอด ก็จะรู้ว่า ในหลวงท่านทรงมีเอกลักษณ์ในการตั้งชื่อแบบนี้ ชื่อไทย+จำง่าย+ มีอารมณ์ขัน (ต่างจาก to be number one จริงๆ) หลายคนต่างก็ตีความคำว่า ชั่งหัวมัน ไปต่างๆ นานา แต่การตีความไปได้ต่างๆ ก็เป็นเสน่ห์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งของการตั้งชื่อ ดังนั้น แล้วแต่ใครจะไปคิดเป็นอะไรก็แล้วกัน

แต่ส่วนตัวของกระผมคิดว่าพระองค์ท่านน่าจะมีความสุขทีเดียวที่ได้ทำงานนี้ การได้เลี้ยวรถจากหัวหินมาแวะที่โครงการชั่งหัวมัน
ถ้ามันสร้างความสุขให้พระองค์ท่านได้ สร้างความสุขให้กับชาวบ้านแถวนี้ได้ ผลผลิตทางการเกษตรก็ถือเป็นของแถมไปแล้ว

โครงการชั่งมัน ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองคอกไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

ภาพข้างล่างคือ
บ้านพักส่วนพระองค์ของในหลวง บ้านเลขที่ 1 เด่นเป็นสง่าภายในโครงการ



น่าหอมแก้มจริงๆ

41 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 มกราคม 2010 เวลา 15:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1280

มอบให้สาวชาวลานที่น่ารักทุกท่านครับ

หนุ่มๆชาวลานอย่าอิจฉานะ..


ได้มาจากร้านขายตุ๊กตา ตลาดอินโดจีน มุกดาหารครับ


พระงาม…

1365 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 22:42 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 16140

พระพุทธรูปองค์นี้ ท่านจอมป่วนเคยพาพ่อครูบาฯและหลายท่านไปกราบมาแล้ว อยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งครับ

พุทธลักษณะงามยิ่งนัก.


ช้างบาน..

501 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 21:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7926

ผมเห็นพ่อครูบาฯนั่งขูดกัวซาข้างกล้วยไม้ช้างกระ นึกขึ้นได้ว่าผมเพิ่งถ่ายรูปช้างกระที่บ้านมา

กำลังบานครับ ผมมีอยู่ก็เป็น “ช้างกระ” และมี “ช้างแดง” ซึ่งเป็นช้างที่หายากมากในธรรมชาติเกือบจะไม่พบกันแล้ว ที่มีขายกันนั้นเป็นการขยายโดย Tissue Culture ที่ผมมีอยู่ก็ซื้อมาจากงานเกษตรอีสานที่ มข.นั่นแหละเมื่อหลายปีมาแล้ว


ผมชอบช้างเพราะมีกลิ่นหอม เย็น และฟอร์มเขาสวย สมัยคลั่งช้าง(ตอนนี้ไปคลั่งอย่างอื่น อิอิ) ทำหมายเลขติดไว้ที่ต้นและเก็บรุปฟอร์มต้นนี้ ไปเปรียบกับต้นโน้น ดมกลิ่นต้นนี้แล้วเทียบกับต้นโน้น สนุกดี เพลินไปวันวันหนึ่งเลยทีเดียว

ดูฟอร์มเบอร์ 7 ต้นนี้ซิครับสีขาวตรงกลีบดอกนั้นขาวบริสุทธิ์ และมีแต้มสีม่วง กลีบดอกซ้ายขวานั้นแต้มสีม่วงจะมีส่วนใกล้เคียงกัน หรือคล้ายๆกัน


เจ้าเบอร์ 8 นี่ ฟอร์มสวยกว่าเบอร์ 7 และการกระจายตัวของแต้มสีม่วงสวยกว่า ความอวบอ้วนก็ดีกว่า


เจ้าเบอร์ 2 นี่ครับดอกเกือบขาวหมดมีแต้มม่วงอยู่นิดหน่อย ชอบมาก แต่ ฟอร์มสวยสู้เบอร์ 8 ไม่ได้ครับ ความจริงช้างกระนั้น ลายจุด หรือแต้มสีม่วงของเขาแตกแยกย่อยลงไป และมีชื่อย่อยไปอีก ผมเองไม่ได้ศึกษาละเอียด อาจารย์ภูคาท่านชำนาญเรื่องนี้มาก ท่านอธิบายได้ดีกว่า


เจ้าแดงเข้มจนออกดำนี่แหละช้างแดงที่หายาก(จากธรรมชาติ) หอมมากกครับ กลิ่นเดียวกับช้างกระ ผมว่า ฟอร์มเขาไม่เด่นเท่าไหร่ครับ


ปกติกล้วยไม้จะออกดอกต้นละสองก้านดอก ซ้าย ขวา แต่บางต้นออก 4 ก้านดอก เลยครับ เพราะต้นเขางามมาก

ช่วงนี้มีงานประกวดกล้วยไม้ช้างกระบานที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใครอยู่ใกล้ๆก็เชิญไปชมได้ครับ หรือดูรายละเอียดได้ ที่นี่

หลังช้างบานแล้ว ดอกไม้ที่ตามมาคือ จันกะพ้อ และสารภี ครับ อ้อตอนนี้ ฝ้ายคำกำลังบาน เสียดายรูปสวยๆยังไม่มี


เรือนริมธาร

683 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 13:51 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6064

ไปกำแพงเพชร คราวนี้ไม่ได้พักบ้านพี่ แต่ไปพักที่เรือนริมธาร เป็นห้องพักขนาดกะทัดรัด มี 8 ห้องที่เป็นหลังๆ และมี 10 ห้องที่เป็นคล้ายๆห้องแถว คนข้างกายค้นมาจาก internet ราคาห้องเตียงคู่ริมแม่น้ำ 450 บาท ห้องติดกันด้านในราคา 400 บาท ในห้องก็มีทุกอย่างตู้เย็น พัดลม ทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน ห้องน้ำ และที่เลือกเพราะมี WIFI และบรรยากาศดีมาก อ้อมีอาหารเช้าด้วย มีกาแฟ


ทราบคร่าวๆว่าเจ้าของเป็นหมออยู่กรุงเทพฯ ได้มรดกมาก็ทำเป็นที่พัก แล้วให้ญาติมาบริหารให้ ห้องสะอาด บรรยากาศดีมาก เพราะติดริมน้ำปิงที่สงบเงียบ ผิวน้ำเรียบเหมือนแก้ว ไม่มีเรือมาวิ่งให้เกิดเสียงดัง อ้อมีเหมือนกันแต่ไม่มาก



อยู่ใกล้สะพานที่เป็นเส้นถนนรอบเมือง ชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชัง และปลูกผักกะเฉด เช้าขึ้นมาก็มาเก็บผักกะเฉด แม้จะไม่ไกลจากสะพานก็เสียงรถก็ไม่รบกวนครับ


บริเวณที่พักมีสนามหญ้า มีต้นไม้ร่มรื่น มีโต๊ะให้นั่งเลน หรือจะทำกิจกรรมอะไรก็ได้ มีศาลาหลังเล็กๆ นั่งได้สักสิบคน สำหรับนั่งทานอาหารเช้า หลังจากนั้นจะมานั่งเล่นก็ได้ นั่งคุยกันก็โอเค นั่งเล่นคอมพ์ก็ไม่แปลก เขาจะให้รหัสเข้า Internet แล้วก็ใช้ฟรีไปเลย


ที่ผมชอบอีกอย่างคือ มีลานจอดรถกว้างขวาง ใครผ่านไปมากำแพงเพชร อยากพักก็ลองแวะไปนะครับ ดีกว่าหลายๆที่ จุดเด่นคือ สะอาด เงียบ ริมน้ำ อัธยาศัยดี ราคาไม่แพงครับ..


แด่สาวชาวลานทุกท่าน..

592 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 มกราคม 2010 เวลา 23:41 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7527

ขอมอบพิเศษแด่สาวชาวลานทุกท่าน


ใครที่เคยแห้ว.. ต่อไปก็ไม่แห้ว

ใครที่ไม่เคยแห้ว.. ก็จะไม่มีทางแห้ว

ตลอดปีเสือนี้ ทุกสาวจะมีแต่เสียงหัวเราะ

เพราะท่านทำสิ่งดีดีไว้มากมาย

สุขกายสุขใจ แล้วก็หัวเราะตลอดทั้งปี

(อิอิ เอ..หัวเราะทั้งปีนี่ ไม่ใช่คนบ้านา… ภาพนี้ได้มาจากร้านนิรมิตร เป็นร้านอาหารที่ตลาดวิเศษชัยชาญ)



Main: 0.071105003356934 sec
Sidebar: 0.074972152709961 sec