ราตรีอ่างแก้วมุกดาหารเมื่อคืน..

106 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มกราคม 2010 เวลา 22:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2008

 

 

งานราตรีอ่างแก้วเมื่อคืน คนมากันเกินเป้า โต๊ะจีน เกือบร้อยโต๊ะ ทุกอย่างได้รับคำชมว่าดี เอ้า ยกให้ทีมงานของจังหวัด ที่ช่วยกันจนประสบผลสำเร็จ ผมได้ช่วยเล็กๆน้อยๆ เอาเสื้อ CMU ไปขาย ได้เกือบหมด ท่านผู้ว่าหน้าบานเลย..ท่านอธิการบดี มช. Phone in มาจากประเทศจีน ..จ๊าบซะไม่เมี๊ยะ

มีวงออเคสตร้า จาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เล่นใช้ได้ มีรำฟ้อนจากนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ สวยมาก มีวงดนตรีเล่นเพลงเต้นรำ ตลอดงาน มีฝรั่งไปวาดลวดลาย จังหวะลีลาศ คนฮือฮากันใหญ่ อาหารเพียบ ผมเอาใส้อั่วและแคบหมูมาจากเชียงใหม่ อร่อยกันใหญ่ ถูกต่อว่าเอาใส้อั่วมาน้อยไป

พบ สส.ประชาธิปัตย์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน คุยกันใหญ่ ไม่ได้พบกันนาน ขับรถกลับขอนแก่นถึง ตีสองครึ่ง ..

เอารายได้ไปช่วยสนับสนุนโรงเรียนยากจน แต่ไม่ใช่ที่ดงหลวง รายงานให้ลูกช้างทราบครับ…


เอาดอกไม้มาฝาก..

163 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มกราคม 2010 เวลา 3:45 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2691

 

หลายท่านอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ สวยมากครับ สีม่วงน้ำเงิน อ่อนๆ ตัวดอกคล้ายดอกผักบุ้ง แต่เป็นสีม่วงน้ำเงิน เวลาออกดอกใบก็จะล่วงหมด เหลือแต่ดอก คล้ายฝ้ายคำ

คุณแม่(ยาย)จะเอามาปลูกทุกที่ที่ลูกสาวท่านไปอยู่ นัยประกาศว่า “บ้านนี้คนตรังนะคะ…”

เขาเรียกดอก “ศรีตรัง” ครับ ภรรยาเป็นคนตรัง คุณแม่ก็อุตสาห์หอบหิ้วต้นดอกศรีตรังมาจากจังหวัดตรังมาปลูกหน้าบ้านจริงๆ

เวลาเขาล่วงเต็มโคนต้นสวยมากครับ ผมไม่มีรูปนั้น กลับมาบ้านทีไร ผู้ช่วยแม่บ้านกวาดเรียบร้อยทุกที บางทีการไม่กวาดก็สวยไปอีกแบบนะครับ

เอาศรีตรังมาฝากครับ….


ผมไม่กลับบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มกราคม 2010 เวลา 0:09 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 614

 


เพราะป้ายโฆษณานี้

ผมจึงไม่ได้กลับบ้านช่วงวันหยุดนี้


อีเกิ้งกับยนต์เหาะที่ชายแดน..

565 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 มกราคม 2010 เวลา 15:45 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 8441

 

พระจันทร์ 13 ค่ำเดือน 3 ที่มุกดาหาร

ยนต์เหาะ เมื่อเวลา 18:15 ที่มุกดาหาร

ไม่ได้เขียนอะไรมาก

ทั้งที่มีเรื่องในสต๊อกหลายเรื่อง

แต่ เอาสมองไปเขียนรายงานหมด อิอิ

ดูรูปไปพลางๆก็แล้วกันนะ ชาวเฮ..


อีเกิ้งที่มุกฯ..

129 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มกราคม 2010 เวลา 9:17 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2412

อีเกิ้ง(อีสาน), เขน(ใต้) หรือพระจันทร์

ที่มุกดาหาร วันขึ้น 12 ค่ำเดือน 3

ดูสารคดีทาง UBC เรื่องวันโลกดับ

อธิบายโดยนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์อเมริกา แล้ว..

สยองรังสีแกรมมาที่ระเบิดออกมาจากจุดระเบิดต่างจักรวาล

แสงสว่างและความร้อนที่เกิดขึ้น

มากกว่าเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์เป็นล้านๆเท่า

ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่วินาทีก็มาถึงโลก

และชั้นโอโซนในบรรยากาศรอบโลกลุกไหม้..

สิ่งมีชีวิตบนโลกก็มอดไหม้หมดมิเหลือหรอ

อีกสมมุตฐานหนึ่งคือพระอาทิตย์ของเรานี้

เกิดการเปลี่ยนแปลงการเผาไหม้

ทำให้เกิดการขยายตัวของมวลใหญ่ขึ้นสามเท่า

อะไรจะเกิดขึ้น.

แม้ว่าสมมุติฐานนี้จะเกิดเพียงหนึ่งในล้านส่วน

แต่มิใช่เกิดขึ้นไม่ได้

อีเกิ้งที่สวยๆในมุมสัมผัสของเรานั้นมันไม่มีหรอก..

ตั้งคำถามว่า “ชีวิตเพื่ออะไรกัน”

พฤติกรรมที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อกันคืออย่างไร

สังคมมนุษย์ควรมีครรลองแบบใด

..ฯลฯ..

ดูเหมือนคำตอบมีอยู่แล้ว

เริ่มที่ตัวเราเองก่อนแล้วกันนะ


สามหนุ่ม..

196 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 มกราคม 2010 เวลา 16:28 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3389

 

 

เมื่อคืนนั่งริมบ่อน้ำ มีเพลงฟัง ท่ามกลางแสงจันทร์ และผู้คน

จอมป่วน ออต บางทราย ละเลียดความหนาวเย็นพอควรไปจนถึง 4 ทุ่ม

ป้าหวานติดธุระ เลยเหลือแต่หนุ่มโด่เด่

เสียงแซกโซโฟน ของดนตรี ทำให้จอมป่วนเคลิ้มๆไป

เราคุยกันหลายเรื่อง ก็ คนคอเดียวกัน พบกันก็กี๊บก๊าบกันพอหอมปากหอมคอ

ส่วน อรยนท ถึงใครบ้าง ก็สังเกตอาการจุกเสียดท้องใส้เอาก็แล้วกันนะ

ห้า ห้า ห้า…อิ้ววววววววว


อีเกิ้ง ที่ขอนแก่น..

147 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 22:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 5181

คุณเห็นพระจันทร์เหมือนผมไหมครับ

ผมถ่ายเขาตอน 5 โมงเศษๆวันนี้เอง แล้วเอามาแต่งเติมให้ดูดีครับ

อีสานเรียก อีเกิ้ง…


หม่อนตุ่น..

127 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 13:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1657

หม่อนตุ่น (หม่อนเป็นภาษาเหนือ หมายถึงชวด) ปีนี้ก็อายุ 77 แล้ว แต่ยังแข็งแรง ผมเรียก อุ้ย ตุ่นเพราะเรียกกันมานานแล้วตั้งแต่สามีอุ้ยยังมีชีวิตอยู่ ชื่อ เมือง สมัยนั้นลุงเมืองกินเหล้าหนัก เห็นผมขี่มอเตอร์ไซด์ไปมาระหว่างสะเมิง เชียงใหม่ และมักจะหยุดพักที่บ้านโป่งแยง ก็เลยรู้จักกัน ลุงเมืองบอกว่า อาจารย์ช่วยหน่อย มีหนี้สินอยู่จำนวนหนึ่ง อยากขายที่ดินเอาเงินมาใช้หนี้ ผมก็รับไว้โดยไม่ได้คิดทำธุรกิจอะไร


แล้วผมก็จ้างลุงเมืองเฝ้าสวนให้ ผมให้ค่าจ้างเดือนละ 600 บาทสมัยเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ก็มากพอสมควร ปรากฏว่าลุงเมืองเอาไปซื้อเหล้าขาวกินจนแกตายไปเลย ผมยังได้ไปเผาศพลุงเมืองที่ ป่าเห้ว(ป่าช้า) บ้านโป่งแยงในสมัยนั้น

มาวันนี้ลูกหลานเติบโตกันหมดแล้ว มีครอบครัว มีลูกหลานกันเต็ม ต่างก็ดิ้นรนกันทำมาหากินตามเส้นทางของตัวเอง อุ้ยตุ่น หรือ หม่อนของหลาน เหลน ก็ยังอยู่ที่เดิม บอกว่า มันบ่ม่วน เพราะมี่รถราเข้ามาขวักไขว่ ไม่เงียบสงบเหมือนสมัยก่อน..แต่ทำอะไรไม่ได้ ต่างก็ว่านี้คือความเจริญ มีฝรั่งมังค่าเข้ามาท่องเที่ยวมากมายแต่ละวัน นายทุนก็มากว้านซื้อที่ดิน เปลี่ยนมือกันไปมากมาย ชาวบ้านไม่คิดว่าจะขายที่นาก็ไม่เหลือหรอเพราะราคามันยั่วยวนใจ หลังสุดนี่นายทุนจากไต้หวันมันมาซื้อบ้านและที่ดิน ตั้ง 25 ล้านบาท ที่ดินมีไม่ถึงสองไร่ เพียงแต่มันติดลำห้วยน้ำใสๆ เท่านั้นเอง คนบ้านป่าแต่เดิมมีหรือจะไม่คว้าเงินมากมายขนาดนั้น เกิดมาชาตินี้ได้จับเงินล้านก็บุญตาเป็นที่สุดแล้ว


อุ้ยตุ่นก็ได้แต่เล่าให้ฟังเท่านั้นว่า บ้านโป่งแยงปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง อุ้ยตุ่นมีหน้าที่ใหม่ คือเป็นผู้นำทางพิธีกรรมพื้นบ้าน เรียกว่า “จ้ำ” เหมือนทางอีสานก็ได้ เพราะ ทำหน้าที่ดำเนินพิธีไหว้ศาลเจ้าแม่จันทร์หอม ซึ่งเป็นผีเจ้านายฝ่ายเหนือที่ดูแลพื้นที่ โป่งแยงอยู่ เจ้าแม่มีอายุ 200 ปีแล้ว เป็นภรรยาของเจ้าอาจญาแสน ลูกเจ้าหลวงคำแดง พิธีกรรมก็ต้องเอาไก่ต้ม 8 ตัว ขันครู 3 ขัน ทำพิธีปีละ 3 ครั้ง คือช่วงเดือน 4 ได้ข้าวใหม่แล้ว ช่วงปีใหม่เมืองเหนือคือสงกรานต์ และช่วงเดือน 9 อุ้ยตุ่นเป็นผู้ทำพิธีคนเดียว ชาวบ้านก็จะแห่กันมาร่วมพิธีกันทั้งบ้าน


ปกติอุ้ยก็ใช้เวลาว่างสานเข่งขาย มีแรงพอทำได้ ก็ทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆ เมื่อยเปล่าๆ ปลี้ๆ สานเข่งได้ก็ได้เงินใช้ รวมกับเบี้ยผู้สูงอายุก็พอใช้จ่ายส่วนตัวเดือนๆหนึ่ง “ตอก” ก็ซื้อเขามา 1000 เส้นละ 80 บาท สานได้ 33 ใบ ขายใบละ 8 บาท เขาเอาไปใส่ผักกาดหัว วันหนึ่งสานได้ประมาณ 15-20 ใบ


ชีวิตพอเพียงแบบชาวบ้านภาคเหนือ ดูแล้วก็มีความสุขตามเงื่อนไขแบบชนบทที่อิทธิพบเมืองเข้าไปมากมาย อุ้ย เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายก็ช่วง 30 ปีมานี่แหละ แต่ก่อนโป่งแยงเหมือนเป็นเมืองปิดด้วยซ้ำ ตั้งแต่ทำถนนหนทางและนายทุนมาลงทุน รีสอร์ท พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว แบบ ไป-กลับจากเชียงใหม่วันเดียวจบ นักท่องเที่ยวก็มากันจนความสงบไม่เหลือหรอ

โป่งแยงวันนี้ ทุกไหล่เขามีแต่คนมีเงินต่างหน้ามาสร้างบ้านพักสวยๆ อยู่กัน ชาวบ้านก็แอบบุกรุกที่ป่าบนภูเขาเพื่อเอามาปลูกดอกไม้ ที่กลางคืนต้องให้แสงสว่างมันด้วย โป่งแยงจึงสว่างทั้งวันทั้งคืน มันจะสงบอย่างไรล่ะ..

คนเฒ่า แก่อย่างอุ้ย จะไปคัดค้านอะไรกับใครเขาล่ะ แค่รักษาชีวิตให้อยู่รอดไปวันวันตามแบบของเราก็พอมีสุขบ้าง…

ทุกครั้งที่ผมจากมาก็จะทิ้งเงินเล็กๆน้อยๆให้อุ้ยตุ่นไว้ใช้บ้าง ก็คบกันมามากกว่า สามสิบปีแล้ว…


 


ยินดีต้อนรับผู้มาอาศัย..

434 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 มกราคม 2010 เวลา 22:09 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7633

นั่งทำงานอยู่ได้ยินเสียงเหมือนไก่จิกอาหารบนพื้นไม้ เสียงมันดัง กุก กุก กุก แล้วก็ กุก กุก กุก ไม่ได้หยุด ก็พยายามหาที่มาของเสียงเป็นนานว่ามาจากไหน ก็ไม่เห็น พยายามเงี่ยหูฟัง ก็พอเดาสถานที่ได้ว่ามาจากนอกตัวบ้าน เลยแอบหลังม่านผ้า ค่อยๆเปิดกระจก มุ้งลวด ดูที่มาของเสียงก็ไม่เห็นมีอะไร

ไปใกล้ๆอีกคราวนี้เดาที่มาเสียงได้ว่า ดังมาจากด้านบนชายคาบ้านใต้หลังคา มีสัตว์อยู่ แต่ไม่รู้เป็นอะไร เลยเปิดประตูค่อยๆแอบฟังเสียง และพยายามดู ก็เดาไม่ออกว่าเป็นอะไร สักครู่ก็มีนกบินออกไปจากใต้หลังคา สองตัว ตัวหนึ่งบินไปไหนก็ไม่รู้ อีกตัวเกาะอยู่ที่กิ่งก้ามปู เราก็แอบหลังกระจกดู ว่าเป็นนกอะไร

อ้อ เจ้านกหัวขวาน นี่เองเจ้าต้นตอเสียงที่ดังอยู่ คนข้างกายก็เคยบอกว่าบ้านเรามีอะไรก็ไม่รู้ กลางคืนได้ยินเสียงกุก กุก เขากลัวจนล็อคประตู เดินดูภายในบ้านก็ไม่รู้ว่ามันเสียงอะไร ตอนนี้กระจ่างแล้วว่าเป็นเจ้านกหัวขวานมาทำรังใต้หลังคาเรา


สักครู่ อีกตัวที่บินจากไปก็เอาเอาแมลงมาให้ เราก็เข้าใจว่า อ้อเขาเป็นแม่ลูกกัน เจ้าลูกจับกิ่งไม้แต่งตัว ตกแต่งขนอย่างเดียว รอแม่เอาอาหารมาป้อนให้

ถ่าย คริปไว้สองชุด ไปหาข้อมูลพบว่ารูปร่าหน้าตาแบบนี้เขาเรียกนก นกกระรางหัวขวาน
เคยเห็นแต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาทำรังใต้หลังคาบ้าน และก็เพิ่งพบความจริงวันนี้เอง ทั้งที่เขาคงจะมาทำรังนานแล้ว แต่ไม่ส่งเสียงร้องเลย เงียบเชียว

เห็นสองตัวปฏิบัติต่อกันก็เดาไปอย่างนั้นเองว่าเป็นแม่ลูกกัน แต่จริงๆเป็นอย่างไรเราไม่มีข้อมูลมากไปกว่านี้ เวลาเขาบิดขี้เกียจ เอาขนบนหัวชูชัน สวยมาก เหมือนพวกอินเดียแดงใส่ขนนกบนหัว

ไปหาข้อมูลมาพบว่าเขามีชื่อว่า Common Hoopoe ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Upupa epops เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เอกสารว่ารังเขาสกปรกมาก ยังไม่ได้ขึ้นไปดูเพดาน คนข้างกายบอกว่าปล่อยเขาไม่ต้องไปดู เดี๋ยวเขาหนีไป..

เออ อยู่ดีดีก็มีเพื่อนบ้านใหม่ ที่น่ารักมาอยู่ด้วย ขอให้อยู่ให้สบายนะเจ้า Hoopoe เราไม่กวนเจ้าหรอก อยากถ่ายรูปสวยๆแค่นั้นแหละ อิอิ


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลครับ

1.
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=channoi&month=12-07-2008&group=2&gblog=43

2. http://www.moohin.com/animals/birds-31.shtml

3. http://beebard.igetweb.com/index.php?mo=3&art=227700


เก็บตก ดร.วรภัทร์..

690 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 มกราคม 2010 เวลา 10:30 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 31959

 

มันทั้งลีลาและสาระจริงๆ

เป็นฉุกคิดที่ให้คุณค่าจริงๆ..

ขอบคุณ อ.วรภัทร์ครับ

 

 


เพื่อลูก แม่ทำได้…

200 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 มกราคม 2010 เวลา 23:27 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4201




 

เช้าที่วุ่นวายเป็นปกติของเมืองท่องเที่ยว ที่นักเศรษฐกิจ นักธุรกิจพอใจที่ยกระดับ การไหลเวียนกระแสเงินได้สะพัด แต่นักสังคม-และมานุษยวิทยา เห็นว่า ภายใต้ ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้นเราก็จะเห็นภาพนี้รุนแรง ซับซ้อนมากขึ้น


ชายคนนั้นกับขยะริมถนน..

171 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มกราคม 2010 เวลา 21:54 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3652

ผมและคนข้างกายเดินทางถึงล้านนาศรีนครพิงค์ตั้งแต่บ่าย 5 โมง เพื่อนจากมุกดาหารโทรติดต่อมาตั้งแต่เช้าว่า มาล้านนาก็ดีแล้วช่วยเข้าไปใน มช. เอาเสื้อ มช.และอื่นๆไปขายในงานราตรีอ่างแก้วสิ้นเดือนนี้ด้วยซี จะได้ไม่เสียเที่ยว เอาใส้อั่วและแคบหมูไปโตยเน้อ.. ครับผม..รีบบึ่งเข้า มช.ก่อน CMU shop จะปิด โฮ…รถติดระเบิด เพราะวันนี้รับปริญญากัน

ได้ลูกสาวเพื่อนที่เรียนคณะวิศวะที่นี่ช่วยจัดการให้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยในเวลา 45 นาที ได้ของไปลังใหญ่กลับขอนแก่นและจะเลยต่อไปมุกดาหาร เหลือใส้อั่วกับแคบหมู ค่อยไปหาซื้อในวันกลับ

ผมมาล้านนาครั้งนี้เพราะอย่างที่ประกาศไว้ว่ามาร่วมงานฉลองครบรอบอายุท่านอาจารย์ อคิน รพีพัฒน์ ซึ่งท่านมีบ้านที่นี่ด้วย งานก็ทั้งวัน จะต้องร่วมเสวนาตอนบ่ายด้วย น้องๆผู้จัดแซวว่า จะเอาผมขึ้นเวทีด้วย อิอิ เอากันแบบไม่ได้ตั้งตัวนี่นา…


เสร็จธุระหมด ผมก็เข้าที่พักประจำของผมกลางเมืองราคาถูกๆ แล้วรองเท้ามันก็พาเราไปนั่งที่ร้านอาหารเกาหลี มาทุกครั้งก็มากินร้านนี้ทุกครั้ง ชอบกิมจิน่ะซี…แต่ไม่ชอบดาราเขาหรอกนะ ผมน่ะตก เทรนไปนานแล้ว โน่นต้องลูกสาว พวกวัยรุ่นโน่น ผมชอบอาหารเขาต่างหาก ก็ไม่ได้โปรดปรานอะไร แค่เปลี่ยนรสชาดน่ะครับ

หลังจากพุงกางแล้วก็ควงคนข้างกายเดินเล่น ไปกินกาแฟ ดูชีวิตศรีนครพิงค์ ผมหิ้วเป้ที่ใส่อุปกรณ์ถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้รูปอะไรที่น่าสนใจ นั่งคุยกันสักพักก็เดินกลับกะว่าจะทบทวนภาระพรุ่งนี้


แต่แล้วก็มีอะไรเข้ามาในสายตาผม คนเก็บขยะครับ เขาก้มหน้าควานหาถุงพลาสติกและกล่องกระดาษ แล้วก็เอาไปรวมๆไว้ แล้วก็ย้ายไปขยะกองอื่น ผมคว้ากล้องมาถ่ายรูปเขาโดยไม่ใช้แฟลช เกรงว่าเขาจะโกรธ หรือไม่พอใจ เขาเดินมาใกล้ผม ผมก็ตัดสินใจเดินไปคุยกับเขา


…เอาไปขายหรือครับ… ใช่ เอาไปขาย ผมคุยต่อว่า ดีมากครับ ดีมากครับพร้อมยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา เขายิ้มให้ผมแล้วเดินมาคุยว่า ..โผ เคยไปซามักงาน เขาว่าโผ เป บ้า โผเลยไม่มี งาน สำเนียงแบบนี้ ใครก็เดาออกว่าเขาเป็นชนเผ่า ผมเลยถามว่า เป็นม้งหรือครับ เฮา เป อาข่า อ้อ เผ่าอาข่า ผมเคยคลุกคลีพักหนึ่งที่เชียงรายสมัยที่สมเด็จย่าอยู่ เขาบอกว่า บ้านเขาอยู่แม่สรวย ผมก็ต่อว่าดอยวาวีใช่ไหมที่มีกาแฟดังๆ เขาบอกใช่

ผมมีลูกสามคน กำลังเรียนสองคน คนที่สามได้มาไม่ตั้งใจ ยังเล็กอยู่ คนโตเรียน ม.6 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมต้องหาเงินให้ลูกเรียนหนังสือ

แค่นั้นเอง..ผมสะอึก… เขาพูดต่อว่า ผมไม่มีงานที่มีค่าจ้างทำ มีทางเดียวที่จะหาเงินได้คือขยะเหล่านี้มีเงินทองซ่อนอยู่ แค่ผมใช้เวลากับมันผมก็ได้เงิน เก็บสะสมให้ลูกได้

“เพื่อลูก..พ่อทำได้ทุกอย่าง..”


ผมชมเขา ดีมากครับ ดีมากครับ เขายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า “ขอบคุณที่ให้กำลังใจ” เขาก้มหน้าทำหน้าที่พ่อแก่ลูกของเขาอย่างแข็งขัน เขาไม่เอ่ยปากขอเงินผมเลย ทั้งที่ผมเดาว่า เขาอาจจะเป็นเหมือนหลายคนที่เคยพบคือ อยากแสดงความน่าสงสารแล้วเรียกร้องเงินทอง อะไรทำนองนั้น ไม่เลยเขายิ้มและทำงานของเขาต่อไป เขาเพียงขอบคุณที่ให้กำลังใจเขา….


ผมเดินจากมา ในมโนสำนึกผมคิดอะไรไปมากมาย

ผมอยากจะคุยเขาอีกหลายอย่าง…

หูผมยังก้องคำที่ว่า… เพื่อลูก พ่อทำได้ทุกอย่าง….

..ขอบคุณที่ให้กำลังใจ…

ผมไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำไป แต่การพูดคุยไม่กี่คำกับเขา ให้สติดีจริงๆ..

ผมเป็นคน sensitive ตั้งแต่เมื่อไหร่…ผมเดินจากมาด้วยน้ำตาซึมๆ พร้อมจูงแขนคนข้างกายกลับที่พักเพื่อทำภารกิจอื่นเพื่อพรุ่งนี้ต่อไป…


ปานวาด..

199 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มกราคม 2010 เวลา 23:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3033

เอาเมฆสวยมาให้ดูกันครับ ได้มาวันนี้ ปีนหลังคาอีกแล้ว อิอิ

 

ตั้งชื่อว่า “ปานวาด” นะ ไม่ใช่คนชื่อปานเป็นคนวาดนะ ห้า ห้า ห้า..


อวด “ลาน..”

838 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 มกราคม 2010 เวลา 20:36 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7333

เซ็ง เซ็ง รำคาญ เข้ามาลานดีกว่า…

ทำสติกเกอร์มาตั้งนานแล้วไม่ได้ติด ซ่อนอยู่ วันนี้เห็นก็เลยเอามาติดซะ โฆษณาลานให้ชาวบ้านเห็น เล่นยังงั้นแหละ..

สติกเกอร์แบบนี้ไม่ทนหรอก ล้างๆ เช็ดๆ ไม่กี่ครั้งก็หลุด ช่างมันเถอะ ทำเล่นๆไม่ได้ซีเรียสอะไร คราวหน้าจะใช้กระดาษสะท้อนแสงกลางคืนด้วย อิอิ

ขอเล่นหน่อยนะ..ท่านสารวัตรที่เคารพครับ..

ตำรวจคงไม่จับผมนะ..


Coke + Mentos = ?

337 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มกราคม 2010 เวลา 18:09 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6506

แต่ก่อนผมชอบกิน Coke ไม่ชอบ Pepsi แต่ก็หยุดมานานแล้ว

เห็น FW mail นี้ก็ตกใจ อันตรายมากนะครับ เด็กๆที่ชอบบังคับพ่อแม่ ร้องจะกินน้ำอัดลม ระวังหน่อย..

ความจริงมีอีกนะครับที่ผสม COKE แล้วอันตรายมากๆ เพราะมันคือน้ำกรดดีดีนี่เอง คือเอากำมะถันใส่ไปในน้ำ COKE อย่าทำเด็ดขาดนะครับ จะโกรธใครมากมายแค่ไหนก็อย่าเอากำมะถันใส่น้ำ Coke แล้วไปสาดหน้าเขา กรรมมากมายนัก

ขอบคุณผู้ FW mail


ฝ้ายคำ..สวย

159 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 12:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3216

ดอกฝ้ายคำบานเต็มต้น เต็มที่ ลมหนาวก็มา พัดเสียแรงทีเดียวช่วงนี้ เขาก็ล่วงหล่น เราก็เก็บเอามาวางสวยๆต่อ ก็มันยังสวยอยู่น่ะ..

เพราะเราถ่ายรูปใกล้ๆไม่ได้ ต้องใช้ซูม ก็พยายามถ่ายมุมต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพคมชัดและเด่นโดด
ก็ได้เท่าที่เห็นแหละ..

ทั้งดอกตูม ดอกบาน สวยไปคนละอย่าง ทั้งหงาย ทั้งคว่ำ ก็สวยไปคนละแบบ

พยายามหามุมที่เน้นดอกให้เด่น แต่ไม่ง่ายในเงื่อนไขที่อยู่ไกลและจัดมุมได้ยาก ก็เอาเท่าที่พอจัดได้

ลองใช้เทคนิคการถ่ายแบบให้ออกมาดูนุ่มนวล ให้เบลอๆบ้าง ก็สวยไปอีกแบบ บางคนชอบแบบนี้มากกว่าด้วยซ้ำไป

แม้แค่กลีบดอกที่โดดเด่นจากมุมมืดดำ ก็สวยเพียงพอ

เฮ่อ…มันก็แค่การปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้นเอง แค่เราไปกำหนดค่า ให้ราคา ชอบ ไม่ชอบ..เท่านั้นเอง

ทำให้นึกถึงคำในพระสูตรที่เทียบเคียงเอาว่า

“เอ่อ…มันสวยนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้สวยหรอก..เออ..แต่มันก็สวย..”

(ห้า ห้า เบื่องานเขียนก็แว๊บมาพึมพำที่นี่แหละ)


กรวดอีกก้อน..

143 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 มกราคม 2010 เวลา 11:38 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2373

อย่างที่รู้ๆกันว่าคุณแม่ผมเป็นชาวนาพ่อผมเป็นครูประชาบาล อาๆ เป็นครู พี่สาวเรียนครู ตัวผมเองก็เรียนมาทางสายครู แต่ผมมาเป็นครูนอกระบบ

แรกๆไม่ได้คิดว่าตัวเองทำหน้าที่คล้ายๆเป็นครู ก็งานพัฒนาชนบทนั้น ใจกลางของงานคือการพัฒนาคน ที่ผมว่าเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา มันไม่ง่ายดั่งใจนึก ห้องเรียนก็กว้างสุดคณานับ เรื่องราวสาระที่ควรจะส่งมอบให้บุคคลเป้าหมายนั้นมากมายดั่ง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ แต่สิ่งที่ทำแค่เศษเสี้ยว หลายเรื่องเราไม่เคยมีความรู้มาก่อน แต่ต้องมาทำหน้าที่ เป็นคนจัดการอย่างไรก็ได้ที่จะส่งมอบความรู้ต่างๆที่สำคัญให้แก่เขาและนำไปปฏิบัติ เพื่อเขาดีขึ้นมา หรือหลุดพ้นจากบ่วง
ปัญหาทั้งหลาย


งานพัฒนาชนบท คืองานพัฒนาคนทั้งครบ (”ทั้งครบ” เป็นศัพท์ที่ทางคริสเตียนใช้กัน ซึ่งผมเห็นชอบว่าเหมาะจริงๆ) แรกๆที่ก้าวมาทำงานด้านนี้เพราะใจมันชอบ พอดีเราโตมาในยุคสมัยขบวนการนักศึกษา เลยเดินหน้าลูกเดียว จากเด็กอ่อนหัดในงานพัฒนา ก็ค่อยๆแกร่งกล้ามากขึ้น แต่เรียนไม่จบและไม่มีทางจบ โลกของคน สังคมนั้นผันแปรไปดังเมฆในท้องฟ้า เบาบางและเคลื่อนไหวตลอดเวลา

เราไม่มีทางจับสังคมให้นิ่ง มีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ สร้างสติ สำนึก ด้วยการ เอาข้อมูลต่างๆมาตีแผ่ แล้วให้เขาเลือกทางเดินเอง
เขาอาจเดินถูกบ้างผิดบ้าง ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพราะสิ่งที่ได้อาจจะมิใช่ผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้น แต่สำนึกและการมีหลักคิดที่เหมาะสมในการกำหนดชีวิตที่เขาจะเดินไป สิ่งนี้จะเป็นการเพิ่มขึ้นของความมั่นใจของทางเดินของชีวิตที่จะก้าวไปต่างหาก



ปริมาณสูงสุดนั้นเป็นเรื่องของปรัชญาทุนนิยม แต่ความพอดี เป็นหลักของการดำรงชีวิตที่เหมาะสมกับเงื่อนไขที่สังคมควรจะชวนกันเดินไป หลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้ไว้ มันตรงกับข้อสรุปที่หลายต่อหลายเวทีสัมมนาสรุปเอาไว้

อาจารย์ ทำอย่างไร?ที่ดินผมจะได้ใบซักที..

อาจารย์ ผมปลูกมะขามหวานตามที่ทางราชการส่งเสริม ผมเอาไปนั่งขายหน้าอำเภอ สามวันผมได้เงินมาเพียง 100 บาท..??

อาจารย์ ลูกผมมันไม่ยอมเอาข้าวไปกินที่โรงเรียน มันจะเอาแต่สตางค์..

ฯลฯ…

นอกจากคำถามถึงปัญหาต่างๆแล้ว…มากมายกว่าคำถามก็คือสายตาที่เราประเมินเห็นวิถีต่างๆที่ชุมชนดำเนินอยู่นั้น เต็มไปด้วย “ประเด็นของการทำให้ดีขึ้นได้..” เช่น เรื่องของสุขภาพ ความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม การเกษตร อาชีพต่างๆ ฯลฯ แต่แก่นแกนของสิ่งทั้งหลายนั้นคือ ความคิด สำนึก ความรับผิดชอบ

โครงการที่ทำก็มิใช่เปิดโอกาสให้เราเล่นได้ทุกเรื่อง เขากำหนดกรอบงานมาให้แล้ว หลายเรื่องเราเข้าไปจุดประกายได้ แต่หลายเรื่องแม้จะเห็นประเด็น และถูกร้องขอก็ทำได้เพียงแนะนำ หรือต่อสายป่านไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ขบวนวิธีที่ไร้รูปแบบนั้นมีมากมาย จับตรงไหนก็ใช่ไปหมด และสืบสาวราวเรื่องโยงใยไปถึงกันหมด โดยตรงๆก็มี โดยอ้อมๆก็มาก

ภายใต้กระแสสังคมที่เรามิใช่เป็นผู้กำหนด ตรงข้ามเราทวนน้ำด้วยซ้ำไป แค่หันหัวเรือชาวบ้านให้ทวนน้ำได้สักพัก กระแสก็หันหัวเรือกลับไหลไปไกลซะแล้ว กว่าจะว่ายน้ำตามไปหันหัวเรือใหม่ก็เหนื่อยไม่น้อย..

สีวร.. อาจารย์ ผมพอใจที่ก้าวเดินทางตรงนี้ ครอบครัวผมมีสุข ผมมีรายได้ ผมมีอาหารกิน ไม่ขาดแคลน ผมมีเพื่อนที่เห็นด้วยกับเส้นทางนี้ ผมมีกลุ่มรุ่นพ่อรุ่นพี่ที่ก้าวเดินไปก่อนล่วงหน้าแล้ว.. บางครั้งเราก็แอบมานั่งภูมิใจเล็กๆที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้

มันรอเวลาการขยายตัวแบบเงียบๆ สักวันมันอาจจะเป็น Critical mass ก็ได้ การมาสัมผัสชีวิตแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นพระคุณของครูทั้งหลายที่มีส่วนสร้างเรามา

เอาเถอะ…เราปวารนาตัวเองมาแล้ว ก็ขอเป็นกรวดอีกก้อนที่ถมทับลงบนทางเดินนี้..


To Sir, With Love…

146 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 มกราคม 2010 เวลา 9:16 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2484

ข้าน้อยขอก้มกราบครูทุกท่าน

ทั้งในอดีต และปัจจุบัน

ทั้งที่มีตัวตนและล่วงลับ

ทั้งที่สั่งสอนโดยตรงและโดยอ้อม

กราบทั้งครูในระบบและครูที่ไม่ได้มีฐานะทางสังคมเป็นครู

แต่ทำบทบาทดั่งครูทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

ข้าน้อยขอก้มกราบด้วยจิตคารวะเป็นที่สุด..


Solar Eclipse (KKN)

163 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 มกราคม 2010 เวลา 16:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2628

สุริยคราสที่ขอนแก่นครับ

ถ่ายรูปผ่านแผ่นฟีล์ม x-ray

สองชั้นที่มีพื้นที่ดำที่สุดทั้งสองแผ่น

มือจับ ถ่ายหลายสิบได้ดีแค่นี้ อิอิ


ความยั่งยืนของชุมชน

266 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 มกราคม 2010 เวลา 22:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 18404

คนทำงานพัฒนาชุมชนนั้นทำงานหลายหน้า สนุกดีสำหรับคนที่ชอบ เพราะมีสิ่งท้าทายตลอดเวลา คนทำงานแบบนี้ต้องตื่นตัวและเรียนรู้ตลอด หลายเรื่องไม่คิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะต้องเกี่ยวข้อง

ต้องเรียนรู้ชุมชนและเข้าใจด้านลึกของชุมชน ต้องวางตัวเป็นนักมานุษยวิทยา ที่เรียกว่าทำตัวเป็น “คนใน” มิใช่ “คนนอก” เมื่อได้ข้อมูลมาก็คิดวิเคราะห์ ตีแตกความหมายว่ามันหมายความว่าอย่างไร เกี่ยวข้องกับอะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อวิถีชุมชน ต้องเป็นนักสังเกต ต้องเป็นลูกอีช่างถาม และต้องพยายามหาคำตอบให้ได้ไม่เร็วก็ช้า ฯลฯ


ต้องเป็นนักบันทึก ผิดถูกก็ค่อยไปปรับปรุงพัฒนาไป แต่บันทึกไว้ก่อน แล้วค่อยๆใช้ช่วงเวลาที่เราคลุกคลีกับชุมชน ทำกิจกรรมกับชุมชน เยี่ยมยามชุมชนหาทางพิสูจน์เรื่องราวต่างๆที่บันทึกนั้นว่าถูกต้องมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ที่เราเรียก Cross check หรือ double check เพราะเราไม่ใช่คนในที่แท้จริงจึงไม่อาจเข้าใจความหมายต่างๆที่เป็นคำพุดในภาษาของเขา สำนวน ท่วงทำนอง ท่าที ฯ ล้วนมีความหมายเฉพาะ และคนนอกที่ฉาบฉวยเข้าใจผิด ตีความหมายผิดมาเยอะแล้ว

ความเป็นวิชาการ ผมนั้นมองตัวเองว่ากึ่งๆความเป็นวิชาการเพราะเราเติบโตมาจาการเรียน อ่าน คลุกคลีกับนักวิชาการ แต่เราก็ทำงานใกล้ชิดชุมชน แม้ว่าจะไม่ใช่คนในอย่างสนิทแนบ แต่ก็ระบุตัวเองได้ว่าใกล้ชิดชุมชนโดยทางปฏิบัติมากกว่ารู้เรื่องชุมชนจากวิชาการ

จึงมีหลายมุมมองที่ผมเห็นแย้งกับวิชาการ หลายครั้งผมเองก็ไม่เห็นด้วยที่นักวิชาการมักจะเอากรอบคิดทางวิชาการไปครอบชุมชน แม้ว่าดีขึ้นมาหน่อยที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วม ซึ่งหลายครั้งก็เป็นแบบทำไปเพราะมันเป็นสูตรสำเร็จมิเช่นนั้นไปอ้างไม่ได้ แต่สาระที่เกิดขึ้นจริงๆนั้น ไปคิดแทนเขาเสียมากกว่า

วันนี้โครงการตั้งประเด็นขึ้นมาว่า เอ..เราจะวัดความยั่งยืนของชุมชนได้อย่างไร เราทำงานมาหลายปี เราจะบอกได้ไหมว่าชุมชนของเรานั้นยืนอยู่จุดไหนของความยั่งยืน เราชี้ได้ไหมว่ากลุ่มนั้น ยั่งยืน ชุมชนนั้นยั่งยืน ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง.

เป็นเรื่องหละซี.. 15 คนแต่มี 50 ความคิดเห็น อิอิ เพราะแต่ละคนมีหลายความเห็นแม้แต่ขัดแย้งกับความคิดเห็นแรกๆของตัวเอง อิอิ..

จบเอาดื้อแหละ… ไปเขียนรายงานต่อก่อนนะ..



Main: 1.3111810684204 sec
Sidebar: 0.051964998245239 sec