ไปเที่ยวพม่ามา

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 9, 2012 เวลา 9:27 ในหมวดหมู่ สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย, อาเซี่ยน #
อ่าน: 2047

ไปเที่ยวพม่ามาครับ (เมื่อวันที่ 5-8 อาว์เปลี่ยนอยากไปแต่ติดงาน) ผมมีประสบการณ์ไปเที่ยวนครวัด สิบสองปันนา หลวงพระบาง สิงค์โปร์ มาเลเซียมาแล้ว ผมประทับใจนครวัด และหลวงพระบางมากมาย ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้าง และความสวยงามเท่านั้น แต่การอ่านหนังสือไปก่อน ประกอบกับไกด์ดีดีแบบสุดยอดนั้น เงินที่เสียไปไม่เสียดายเลยครับ อิ่มเอมกับสาระที่ได้ หลังจากนั้นจะไปเที่ยวไหนก็จะหาหนังสือมาอ่านๆ และค่อนข้างคัดเลือกบริษัททัวร์มาก และเน้นให้ทัวร์จัดไกด์ดีดีมาให้เรา เพราะเรามิใช่เที่ยวเพียงได้เห็น เพียงได้ไปเท่านั้น แต่เราต้องการรู้เรื่องเชิงประวัติศาสตร์อย่างละเอียดอีกด้วย

ก่อนไปผมก็แจ้ง บริษัททัวร์ ให้จัดสิ่งที่เราต้องการให้ และก็สมหวังครับ

แต่ไปพม่าคราวนี้ ผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือไปก่อน งานล้นมือเลยหวังพึ่งไกด์ของบริษัทที่จัดให้ และก็ไม่ผิดหว้งต้องชมเชยบริษัททัวร์ที่ตอบสนองเราได้พึงพอใจ


ล่าม/มัคคุเทสก์: คุณโจ เป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งภาควิชาเคมี ก่อนที่มหาวิทยาลัยจะถูกทหารสั่งปิดตาย แล้วคุณโจก็เข้ามาเรียนในประเทศไทย ภาษาไทยและกลับไปเป็นมัคคุเทสก์ภาษาไทย โดยเป็น Freelance บริษัทไหนเรียกใช้ก็ไป และทราบว่าเคยรับใช้ผู้หลักผู้ใหญ่เมืองไทยที่ไปพม่ามาแล้วหลายคน สมัยที่คุณโจเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยนั้นเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยคนสำคัญคนหนึ่ง และเกือบเอาชีวิตไปทิ้งกลางถนนเพราะเป็นผู้นำขึ้นไฮปาร์ค นำขบวนนักศึกษา และเผชิญหน้าทหารที่จัดการเด็ดขาดกับขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะนักศึกษา เขาเป็นคนชื่นชม นางอองซาน ซู จี มาก พ่อเขาเป็นมอญ แม่เป็นชนเผ่าพม่า ยากจนจึงไปอยู่กับญาติที่พอจะส่งเสียเขาเรียนได้ พี่ชายเป็นนักฟิสิกส์ เขาเลยมาเป็นนักเคมี ประกอบแบตเตอรรี่ใช้เองมาแล้ว ระเบิดนั้นง่ายมากเขาว่า โจยังบอกว่า อนาคตหากสังคมพม่าไม่ดีขึ้นเขาจะเล่นการเมืองต่อไป โจ ล่ามเมียนมาท่านนี้น่าสนใจมากครับ ติดตามต่อไปว่าอนาคตเขาจะเป็นนักธุรกิจใหญ่หรือเป็นนักการเมือง

การที่โจ เป็นอดีต Activist มาก่อนเขาจึงเป็นมัคคุเทสก์ที่ไม่ใช่รู้เรื่องเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศและสถานที่ที่เราไปชมเท่านั้น เขายังเอามาผูกพันกับพัฒนาการทางการเมืองของประเทศได้ ทำให้เรารู้เรื่องลึกซึ้งมากกว่าปกติ โจออกจะสนใจการเมืองมาก ตลอดเวลาที่เขายืนบรรยายสถานที่ที่เราจะไปชมนั้น นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะคล่องปรื๊อแล้ว เขายังสอดแทรกมุมทางการเมืองเขาไปด้วย จนเราเคลิ้มไปเลย


เขาเป็นคนรักชาติ และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมชาติที่เป็นคนยากจน ทุกครั้งที่เขามีโอกาส เขาจะช่วยคนพม่าที่มาขายสินค้าข้างรถทัวร์ให้ โดยการหยิบเอาสินค้านั้นมาอธิบายว่า มันคืออะไร ทำมาจากกอะไร มีความหมายว่าอย่างไร และเขาให้ข้อมูลตรงไปตรงมาโดยหลายครั้งเขาเทียบเคียงว่า ของกินชิ้นนี้เทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันในประเทศไทยไม่ได้เลย แต่หากทุกท่านมีจิตเมตตาช่วยซื้อเพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ ก็เป็นพระคุณ ทั้งๆที่เราเดินผ่านคนขายมาแล้ว เมื่อโจพูดเช่นนั้นเราก็อดที่จะควักเงินจั๊ดมาจ่ายซื้อสินค้าไม่ได้ด้วยความเห็นใจ สงสาร และช่วยเหลือกัน

ประวัติคุณโจนั้นคล้ายๆภูมิหลังผมจึงซักถามหลายเรื่องถึงขบวนการนักศึกษาของเมียนมา เขาบอกว่าไม่มีพรรคการเมืองอยู่ข้างหลังเพราะเมียนมาไม่มีพรรคการเมือง มีแต่ทหารปกครองตลอดมายาวนาน และคู่คิดของนักศึกษาคืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั่นเอง หลังจากที่ทหารสั่งปิดตายมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง นักศึกษา อาจารย์ไปไหนกันหมด เขาบอกว่า นักศึกษาหลายคนที่ไม่เด่นดังก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นๆในประเทศ คนที่เด่นดังก็อพยพไปต่างประเทศเลย ที่สำคัญคือประเทศไทย อาจารย์ดังๆหลายท่านมาอยู่ที่ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนต่างๆ หรือไปประเทศทางยุโรป ทั้งหมดนิยม ออง ซาน ซู จี และหวังว่าสักวันหนึ่งนางจะขึ้นมาปกครองประเทศ และนางเคยประกาศไว้ว่าเมื่อใดที่นางขึ้นมาก็จะเปิดมหาวิทยาลัยย่างกุ้งใหม่….

จากความรู้ที่โจมีอยู่ ท่าทีที่นอบน้อม และมีความเชื่อมั่น ความคิดเห็นทางการเมือง ความสามารถทางภาษา และอื่นๆ โดยเฉพาะสำนึกแห่งบ้านเมือง ผมคิดว่า ล่ามคนนี้อนาคตของเขาไม่ใช่ล่ามแล้วหละครับ…


คำถามถึงสวนป่าที่เฮฮาเก้า…

1 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 4, 2012 เวลา 1:23 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 1831

ส่งสัญญาณมานานพอสมควรเรื่องเฮเก้าที่สวนป่า ผมก็ตั้งท่าเรื่องแผนงานชีวิตไว้ อาว์เปลี่ยนก็เช่นกัน เพราะชีวิตเราขึ้นกับงาน มิใช่งานจะขึ้นกับชีวิตเรา แต่ก็พอจูนเครื่องได้บ้างและลงล๊อคพอดี แต่สำหรับท่านอื่นๆคงปรับตารางชีวิตยาก เพราะเงื่อนไขแต่ละคนแตกต่างกันไป ผมกับอาว์เปลี่ยนตั้งใจอยากเอา ป้าหวานและ ออต ไปด้วย แต่ทั้งสองท่านติดงาน ติดภารกิจดังกล่าว เข้าใจได้ครับ เพราะหลายครั้งเราก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เอาเถอะ สบายๆ ตามสไตล์เฮ..

ได้พบเพื่อนใหม่ หลายท่านครับ น่าสนใจ จริงๆทำไมจึงมีคนหนุ่มสาวหันหน้ามาสวนป่า ขณะที่จำนวนมากมายหลงใหลกับห้างสรรพสินค้าที่แอร์เย็นเฉียบ และชีวิตทันสมัยในเมืองหลวง ผมถือโอกาสพูดคุยกับท่านเหล่านั้น แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดที่นี่ ผมนั้นสนใจ The turning point ของแต่ละคน น่าศึกษา น่าหาจุดคลิก แล้วมองย้อนกลับมาเราจะสร้างคนให้ คลิกได้อย่างไร ในฐานะที่เป็นคนทำงานพัฒนาคน จึงสนใจแง่มุมเหล่านี้…

จริงๆผมกับอาว์เปลี่ยนมีงานจะต้องทำ แต่บังเอิญ งานที่จะทำนั้นเกี่ยวข้องกับสวนป่าและพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ แผนงานเราจึงสอดคล้องกับเฮเก้า แม้ว่าเวลาที่เราจะอยู่น้อยไปหน่อยก็ตาม

ด้วยงานที่เราทำมีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิพัฒนาอีสานที่สุรินทร์ จึงนัดน้องสองคนจากสุรินทร์มาพบกับอาว์เปลี่ยน เพื่อคุยกันเรื่องงาน เมื่อจบน้องกลับไป ก็เหลือแต่พวกเฮ ผมก็ร่วมวงคุยกับพ่อครูบา แม่หวี คอน เปลี่ยน และน้องใหม่ ท่ามกลางอากาศที่เย็นมากๆ ประมาณ 21 องศา เย็นจนคอนบอกว่าเกือบไม่สบาย

ระหว่างที่คุยกันนั้น เรื่องราวสาระก็พาไปหลายเรื่อง จนมาถึงเรื่องสวนป่า ผมนั่งหนาวไปก็นึกไปร้อยแปด

  • มหัศจรรย์จริงๆที่เดิมตรงนี้มันแปนเอิดเติด (เตียน โล่ง ว่าง) มันกลายมาเป็นป่าได้อย่างไร ผมเห็นเทศบาลขอนแก่นหรือที่ไหนๆใช้งบประมาณปีหนึ่งมากมาย พาคุณหญิงคุณนาย พาผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงาน มาปลูกต้นไม้ ถ่ายรูป ลงหนังสือ ชื่นชมกันไม่ได้หยุด แต่แล้วต้นไม้นั้นก็เฉาตายหลังจากนั้นไม่นานเท่าไหร่ ผมทราบมาว่าป่าของเดนมาร์คเพิ่มขึ้น 2 % แต่ป่าไม้บ้านเราหดหายไปทุกปี แต่ที่สวนป่าเป็นป่า ท่านผู้เป็นเจ้าของที่แห่งนี้สร้างมันขึ้นมาได้ ผมคิดว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์
  • ที่เดิมตรงนี้มันแปนเอิดเติดนั้นมันสะท้อนวิถีการพัฒนาสังคมเกษตรของบ้านเรา ของประเทศเรา เอาป่ามาปลูกพืชเศรษฐกิจ แล้วก็เสียภาษี แล้วเอาภาษีนั้นกลับมาปลูกป่า ซึ่งก็ไม่ได้ดีเท่าของเดิมที่เคยมีอยู่
  • หากผมเป็นพ่อครูในสมัยสามสิบปีย้อนหลังไปนั้น ผมหรือใครๆที่เป็นชาวบ้านที่คิดจะเอาที่ดินตรงนี้มาปลูกป่านั้น คงคิดยาก และไม่คิด หนทาง แนวทางจะขายเสียมากกว่าเพื่อเอาเงินไปทำอย่างอื่น หรือทู่ซี้ปลูกมัน ปลูกอ้อย ต่อไปอีก มุ่งสร้างปริมาณโดยเพิ่มการลงทุนลงไปมากขึ้น เพียงหวังว่าจะได้กลับคืนมามากพอตามต้องการ ในจิตใจพ่อครูคิดอย่างไรจึงหันมาปลูกป่า มันแหวกม่านความคิดทั่วไปของชาวบ้านไปสิ้นเชิง พ่อครูคิดอะไร ทำไมถึงคิดเช่นนั้น
  • แค่คิดก็มหาศาลแล้ว แต่นี่ท่านผู้นี้ลงมือทำ ลงมือปลูกป่าในที่ดินที่ใครๆเขาปลูกอ้อน ปลูกมันสำปะหลังกันในสมัยนั้น… คิดแบบง่ายๆว่า ปลูกอ้อย ปลูกมันขายไปก็ได้เงิน แต่ปลูกป่านี่มันได้เงินตรงไหน เมื่อไหร่มันได้ แปลกคนจริงเชียวพ่อครูนี่….
  • ผมคิดต่อไปว่า เอ เอาละจะปลูกป่า ก็คือปลูกต้นไม้เยอะๆลงในพื้นที่ที่เตียนโล่งนี่น่ะ ตัดสินใจเอาต้นอะไรมาปลูกเป็นต้นแรก ทำไมถึงเอาต้นนี้ เพราะอะไร แล้วมันอยู่รอดหรือเปล่า เอาน้ำที่ไหนมารดมันล่ะ หรือรอเพียงน้ำฝนเท่านั้น กล้าหาญจริงๆ กล้ามากที่คิดปลูกป่าในพื้นที่ที่เป็นเศรษฐกิจ
  • ผมสนใจระบบคิด การตัดสินใจ เหตุผล ปัจจัยรอบข้าง เงื่อนไข และ…สารพัดประเด็นคำถามที่อยากถามพ่อครูบา…

คืนนั้นผมและเพื่อนๆนั่งซักถามพ่อครูบา และแลกเปลี่ยนกันจนถึงเที่ยงคืน จึงล่ำลากันไปนอน เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมก้าวลึกเข้าไปในพัฒนาการสวนป่าจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน ซึ่งความจริงเราไม่ได้หยุดอยู่แค่ปัจจุบัน เรายังมองไปในอนาคต ซึ่งผมคิดว่า ชาวเฮหลายท่านคิดเรื่องนี้มาก่อนผมแล้วด้วย องค์ความรู้ที่ไหลออกมาจากสมองของพ่อครูบา ที่มันหลุดมาจากปากพ่อครูบา ที่มันอยู่ในมือของพ่อครูบานั้น จะถูกบันทึกเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะชนอีกมากมายได้อย่างไร

ความรู้ ความจริงอีกมากมายที่ยังรออาสาก้าวเข้าไปช่วยสร้างระบบเหล่านี้ขึ้นมา แล้วเผยแพร่ออกไป

ส่วนประเด็นข้างบนนั้นผมไม่มีคำตอบ หากท่านอยากทราบ

คำตอบอยู่ที่สวนป่าครับ



Main: 0.050718069076538 sec
Sidebar: 0.048907995223999 sec