ปลา และ อีกา 2

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ มกราคม 4, 2009 เวลา 15:24 ในหมวดหมู่ ชนบท, ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, เรื่องของชีวิต #
อ่าน: 3480

เวลาที่ทำความรำคาญและสร้างความโกรธแค้นเจ้าอีกามากที่สุดก็ช่วง พอเราเอาปลาเค็มไปตากแดดในกระด้ง กระจาด ตะกร้า หรือแผ่นสังกะสีบ้าง เพื่อผึ่งให้แห้ง ก่อนที่จะเก็บ อีกามักจะบินลงมาเกาะที่ลูกกรงชานบ้านนับสิบๆตัว แล้วก็บินโฉบเอาปลาของเราไปกินหน้าตาเฉยเลย.. แถมถ่ายมูลรดหลังคาบ้าน ชานบ้าน ลูกกรงชานบ้านขาวไปหมด พ่อต้องเอาฝาชีมาครอบ เอาแหเก่าๆที่ขาดมาคลุม แต่ก็ไม่วายถูกแย่งอยู่เสมอๆ

เสียงอีกาจะหายไปตอนพลบค่ำแล้วไปส่งเสียงดังที่ต้นไม้ใหญ่ที่วัด และเช้ามืดมันก็จะมาปลุกเราตื่นแต่เช้าตรู่อีก ช่วงเวลากลางวันเราต้องมากลับปลาที่พึ่งไว้นั้นให้อีกด้านถูกแดดด้วย หรือมาดูว่าปลาถูกแมลงวันมาหยอดไชขาง(ไข่)ทิ้งไว้ไหม หากพบก็จะเขี่ยออก บ่อยครั้งที่ปลาตะเพียนผ่าซีกของเราในกระด้งอยู่ไม่ครบตัว เพราะอีกาแอบมาเอาไปกินน่ะซี ตกเย็นหมดแดดหากไม่รีบเก็บปลาที่ตากไว้นั้น มดก็จะมาขึ้น เราก็ต้องคอยไล่มด เคาะให้มดออกจากตัวปลาแล้วก็เอาเก็บใส่ปีบ พรุ่งนี้ก็เอาตัวที่ยังไม่แห้งดีออกมาตากใหม่…

ผมไม่ชอบอีกาเอามากๆ คอยแอบยิงเสมอแต่ร้อยครั้งจะถูกสักครั้ง แต่ก็ไม่ตายหรอก ทุกปีผมจะได้กินปลาเค็มที่ทำด้วยปลาตะเพียน มันย่อง เลิศรส เค็มพอดี กับข้าวร้อนๆบ้าง ข้าวต้มตอนกลางวัน หรือไม่ก็แกงผักบุ้งใส่ปลาเค็ม ปลาช่อนเค็มผมชอบกินกับแกงมากกว่า วันไหนที่ผมต้องหาบข้าวอาหารมื้อเช้าไปส่งพ่อ แม่ที่เกี่ยวข้าวกลางนา จะเป็นอาหารที่อร่อยมากๆเพราะกินกันกลางทุ่งนา แต่ไม่ชอบเกี่ยวข้าวเพราะมันไม่สนุก เมื่อย ปวดหลัง และบางทีดินยังไม่แห้งเป็นโคลนต้องย่ำ เปื้อนน่อง เท้า ล้างมันก็ไม่ค่อยออกหมดมันก็จะแตก และหนาว

ผมชอบให้พ่อทำปี่จากปล้องต้นข้าว เป่าแก้มโป่งไปเลย เวลาค่ำเลิกงานนา เดินกลับบ้านจากทุ่งผมชอบดูแสงหิงห้อยนับล้านๆตัว บินอวดแสงที่ก้นมัน แต่ผมมักจะปิดตาแล้วเกาะมือแม่เดินตามคันนากลับบ้านด้วย เพราะกลัวผี.. กลัวงู…

นับตั้งแต่ปี 2509 ผมลงไปเรียนหนังสือที่ฝั่งธนบุรี เป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตผมครั้งใหญ่ จากเด็กบ้านนอกมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อเรียนหนังสือมุ่งหวังเข้ามหาวิทยาลัย…. ช่วงนั้นจะกลับมาบ้านก็ช่วงปิดเทอมเท่านั้น ชีวิตส่วนใหญ่ก็เริ่มห่างไกลชนบท คลุกคลีกับสังคมเมือง บางเทอมก็ไม่ได้กลับบ้านเพราะทำงานรับจ้างหาเงินบ้าง

เมื่อผมเรียนจบมหาวิทยาลัยเดินทางกลับบ้าน แม่ทำปลาร้าทรงเครื่องให้กิน แกงผักบุ้งปลาเค็มตามคำร้องขอของผม ผมอร่อยในฝีมือแม่ กินจนพุงกาง แล้วถามว่าแม่เอาปลามาจากไหน แม่ตอบว่า ก็ซื้อมาซิลูก.. พ่อเขาไปตลาดก็เลยซื้อมา ซื้อมาหลายอย่าง น้ำปลาด้วย ปลานั่นเป็นปลาเลี้ยงตามบ่อต่างๆ เดี๋ยวนี้เขาขุดบ่อเลี้ยงปลากันแล้ว ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว…

เสร็จอาหารมื้อเย็นผมปลีกตัวเงียบๆไปที่โคนต้นก้ามปูใหญ่ต้นเดิมที่สมัยเด็กๆชอบมานั่งเล่นนั้น ผมทวนคำว่าปลาซื้อมา… ผมนึก 10 ปีที่ผมไม่อยู่บ้าน เราต้องซื้อปลากินแล้ว มิน่าเล่าผมไม่ได้ยินเสียงอีกาเลย ผมไม่เคยเห็นอีกาอีกเลย

พรุ่งนี้ผมจะลาจากพ่อแม่กลับไปทำงานพัฒนาชนบทที่ภาคเหนือที่ได้งานหลังเรียนจบแล้ว….

ผมคิดถึงงานพัฒนาชนบทที่เป็นโจทย์ใหญ่สำหรับบัณฑิตหนุ่มอย่างผม????…

(เป็นบทความที่ผมเขียนไว้ตั้งแต่ 22 กันยายน 2527 ในสมุดบันทึกส่วนตัว 25 ปีที่แล้ว)


ปลา และ อีกา 1

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ มกราคม 4, 2009 เวลา 15:22 ในหมวดหมู่ ชนบท, ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, เรื่องของชีวิต #
อ่าน: 2761

เมื่อเด็กๆสมัยอยู่ชั้นประถมเป็นวัยที่สนุก เมื่อขึ้นชั้นมัธยมเราต้องเดินไปเรียนหนังสือกันวันละ นับสิบกิโลเมตรไปกลับ แต่มีเพื่อนมากมาย การเดินระยะทางเช่นนั้นจึงไม่ใช่อุปสรรค

แม่ซึ่งมีอาชีพทำนาเลี้ยงลูกๆ 6 คนนั้นต้องตื่นแต่ตี 4 ตี 5 หุงข้าวให้ลูกเมื่อไปโรงเรียนกันแล้วก็อุ้มลูกคนเล็กไปนาจนเย็นค่ำ พ่อเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนวัดใกล้บ้าน พอได้ช่วยแม่บ้างยามว่าง หน้าออกพรรษาประเพณีชาวบ้านก็จะกวนกระยาสารท เตรียมกล้วยไข่บ้างกล้วยน้ำว้าบ้าง เต็มเรือนหมด คัดเอาหวีงามๆไว้ทำบุญพระที่วัด ที่เหลือก็แจกญาติ พี่น้อง บ้านเหนือบ้านใต้ พวกเราก็กินกระยาสารทกันพุงกางทุกวัน

ชีวิตช่วงนี้ชาวบ้านจะเตรียมแห เตรียมยอกัน ใครมีแหก็เอามาปะชุนส่วนที่มันขาด บ้างก็ย้อมน้ำลูกตะโกที่ตำจนละเอียดแช่น้ำ เครื่องมือจับปลาที่เตรียมไว้เพราะหลังออกพรรษานั้นเข้าสู่ฤดูน้ำลด ปลาที่อยู่ในทุ่งนาก็จะออกสู่ลำคลองแม่น้ำน้อย ตามธรรมชาติของเขา

ปลาชุกชุมมากสารพัดชนิด น้ำปลาที่ใช้ประกอบอาหารนั้นไม่ต้องไปซื้อกิน ทุกบ้านจะทำน้ำปลาจากปลาสร้อยกันเอง ชาวบ้านจะใช้แหทอด บ้างยกยอบ้าง เวลาช่วงปลาออกจริงๆมันใช้เวลาแค่สองสามวันแค่นั้นก็หมด ชาวบ้านจะนัดกันมาทอดแหโดยใช้ เรือมาดบ้าง เรือไผ่ม้า บ้าง หรือเรื่ออื่นๆที่มีอยู่ แบ่งเป็นสองกลุ่มสองฟากฝั่งแม่น้ำ 20-30 ลำก็เคยเห็น ดำเต็มแม่น้ำไปหมด…เวลาทอดแหก็จะนัดพร้อมๆกัน เป็นภาพที่ไม่มีอีกแล้ว..

ปลาสร้อยที่ได้มานั้นก็จะเอาใส่ตุ่มใหญ่บ้างเล็กบ้างหมักเกลือปิดฝาให้มิดชิดเอาตากแดดไว้กลางชานบ้านเลย หรือบางบ้านก็ทำร้านเฉพาะก็มี พ่อเล่าให้ฟังว่าสมัยพ่อหนุ่มๆนั้นปลาสร้อยในแม่น้ำน้อยมากจริงๆ ยามที่เราพายเรือไป หากไปโดนฝูงปลาสร้อยเข้ามันตกใจกระโดดเข้าเรือเราเยอะไปหมด แต่สมัยผมนั้นไม่เห็นภาพเหล่านี้อีกแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีปริมาณปลามากอยู่ คนที่ไม่มีแรงงาน หรือไม่มีแหไม่มียอก็จะซื้อปลาสร้อยมาทำน้ำปลาเลิศรสกัน ใช้กินตลอดทั้งปี ไม่ต้องซื้อน้ำปลาขวดที่มาจากสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ หรือจังหวัดชายทะเล

นอกจากปลาสร้อยก็มีปลาตะเพียน ปลาช่อน ปลาอื่นๆทุกชนิดเมื่อได้มาเหลือกินมื้อนั้นๆก็เป็นหน้าที่เด็กๆเอามาขอดเกล็ดผ่าท้องเอาไส้ออกทิ้งไป บั้งข้างๆปลา หรือไม่ก็ผ่าซีกครึ่งตัวแผ่ออก เอาเกลือที่ตำจนละเอียดพอสมควรมาทาให้ทั่ว หมักเอาไว้หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็เอาไปล้างน้ำเอาเกลือออก แล้วก็เอาไปผึ่งแดด เพื่อทำปลาเค็ม (สมัยนี้ก็เป็นปลาแดดเดียว) หากว่ามีปลาจำนวนมากก็จะเอามาย่างถ่าน พอสุกได้ที่ก็เก็บใส่ปีบปิดให้สนิท กัน ขี้ขมวน กิน (เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่ชอบมาชอนไชกินปลาย่าง)

ทั้งปลาเค็ม ปลาย่าง ทำไว้เพื่อเอาไปใช้ประกอบอาหารในฤดูหนาวที่ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อเตรียมเขน็ดมัดข้าว ลงมือเก็บเกี่ยวข้าวในนา หรือคุมการเกี่ยวข้าวของลูกจ้าง ขนข้าวจากที่นาเข้าลาน นวดข้าว ฝัดข้าว และเก็บเมล็ดข้าวเปลือกที่ได้ทั้งหมดเข้ายุ้งฉางซึ่งใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่างานทุกอย่างจะแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด ไม่มีเวลาไปหาของกินอื่นๆ ก็ได้ปลาเค็ม ปลาย่างที่ทำไว้นั่นเอง…

จำได้ว่าช่วงฤดูจับปลานี้ ปริมาณปลาที่มากมายในแม่น้ำน้อย และตามทุ่งนาใครมีปัญญาจับปลาด้วยวิธีใดก็ทำได้เต็มที่ ช่วงเวลาทำปลาเค็มปลาย่างนั้นศัตรูที่สำคัญคือ อีกาและเหยี่ยว แต่อีกามีจำนวนมากกว่าหลายเท่านัก มันจะมาเกาะเต็มหลังคาบ้านเวลาเช้าๆแล้วส่งเสียงร้องดังหนวกหูไปหมด ผมเคยเอาหนังสะติกมาไล่ยิงมัน แต่ไม่เคยยิงถูกเลย มันบินหลบเก่งมาก แค่มันเห็นเราเงื้อหนังสะติกมันก็บินหลบไปแล้ว



Main: 0.032356023788452 sec
Sidebar: 0.027193784713745 sec