Myanmar ที่ร่ำรวย

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 13, 2012 เวลา 21:52 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1952

พม่า (Burma) เป็นชื่อชนเผ่าหนึ่ง และขนาดใหญ่ที่สุด สมัยก่อนเราใช้ชื่อนี้เป็นชื่อประเทศ

ชื่อ “เมียนมา” (Myanmar) เป็นชื่อประเทศที่รวมทุกชนเผ่าในพื้นที่เข้าด้วยกัน มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทย ชื่อ Myanmar นั้น อเมริกาและอังกฤษไม่ยอมรับ ยังเรียกว่า Burma เพราะต่อต้านรัฐบาลทหาร

โจ ไกด์คนเก่งอธิบายว่า เมียนมา มีทรัพยากรมากมาย สามารถพัฒนาให้เป็นประเทศที่ร่ำรวยหรือเศรษฐกิจดีได้ เพราะมีป่า มีทองคำ มีหยก มีแก๊ส มีน้ำมัน และเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพด้วย

โจกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลทหารตัดสินใจพัฒนาเขื่อนกั้นแม่น้ำอิระวดี เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยให้บริษัทของประเทศจีนมาลงทุน ขณะนี้กำลังก่อสร้างอยู่ที่ส่วนเหนือของประเทศ บริษัทที่ก่อสร้างมาขอรัฐบาลเมียนมาว่าขอขนดินก่อสร้างเขื่อนเข้าไปในประเทศจีน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป รัฐบาลเมียนมาอนุมัติ และบริษัทก่อสร้างก็ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนและขุดดินจำนวนมากขนกลับเข้าประเทศจีน ต่อมามีการทราบว่า การที่จีนทำเช่นนั้นเพราะว่า ดินทั้งหมดนั้นมีแร่ทองคำชั้นดีปนอยู่ และกว่าที่รัฐบาลเมียนมาจะทราบจีนก็สามารถแยกแร่ทองออกจากดินได้นับหลายตัน….??

โจ เล่าว่าเพื่อนเขาที่เรียนเคมีมาด้วยกัน เขากลับไปบ้านซึ่งอยู่ส่วนเหนือของประเทศ เขาไม่ทำงานเหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆ แต่กลับไปทำอาชีพร่อนทองตามริมแม่น้ำอิรวดี พบว่าเขาได้ทองทุกวันเฉลี่ยวันละบาท(น้ำหนัก) ปัจจุบันเขาเป็นผู้มีเงินมากมายเพราะทำอาชีพนี้มาหลายปี

หากเราทราบว่าเมียนมาคือแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีมากมายนั้นเนื้อหอม เพราะชาติอุตสาหกรรมต่างๆก็ใช้การเมืองแทรกตัวเข้ามาเพื่อหาทางทำธุรกิจในเรื่องต่างๆเหล่านี้



มิแปลกใจเลยที่เราจะรับฟังว่าเจดีย์ชเวดากองนั้นทั้งองค์หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ และเป็นทองคำที่มาจากทางภาคเหนือของประเทศ โจกล่าวว่ามิใช่ทองจากอยุธยาแน่นอน เพราะสีต่างกัน คุณภาพทองต่างกัน ช่างทองทราบเรื่องนี้ดี และพิสูจน์ได้

ความร่ำรวยของพม่าทางทรัพยากรธรรมชาตินั้นยังมีสิ่งบ่งบอกอีกประการหนึ่งคือ ที่ยอดบนสุดของเจดีย์ชเวดากองนั้นมีเพชร 74 กะหลัด ติดตั้งอยู่ โจ พาพวกเราไปพิสูจน์โดยการพากลุ่มของเราออกไปทางทิศเหนือของเจดีย์ชเวดากอง ให้มองไปที่ยอดเจดีย์ซึ่งค่ำนั้นมีแสงไฟส่องสว่าง โดยที่พื้นมี mark แบบคร่าวๆด้วยปากกา ซึ่งหากใครๆเดินผ่านมาก็จะไม่ทราบว่า Mark ไว้ทำไม อาจจะคิดเลยเถิดไปว่า เด็กมาขีดเล่นอะไรกัน Mark นี้มีสามจุดใกล้ๆกันตามเส้นทางรัศมีจากกลางองค์พระเจดีย์



พวกเราเข้าแถวกันโดยมีโจกำกับอยู่ตรง Mark แล้วให้มองเงยไปที่ส่วนสูงสุดยอดเจดีย์ ถามว่าเห็นสีวับๆอะไรไหม แรกๆก็ไม่เห็น แต่เมื่อพยายามเพ่งมอง ก็พบว่ามีประกายสีเขียวสะท้อนออกมา โจให้ขยับไปข้างหน้าตรง Mark ที่สอง พบว่ายอดเจดีย์ส่วนปลายสุดเป็นสีเหลืองวับๆ ส่วนจุดที่สามเป็นสีแดง วูบวาบอยู่ โจบอกว่านั่นคือแสงสะท้องออกจากเพชร 74 กะหลัด นั่นเอง

Mark เหล่านี้ไม่มีใครรู้ ทางรัฐบาลไม่ทราบแลทางเจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่ก็ไม่ทราบ มีแต่พวกไกด์เท่านั้นที่ทราบ ซึ่งเป็นการค้นพบจุดเหล่านี้เอง จุดที่มองเห็นประกายของเพชรเมื่อโดยแสงไฟส่อง…

ทำไมรัฐบาลจึงย้ายเมืองหลวงจาก “ย่างกุ้ง” ไปที่เมือง “เนปิดอ” และการใช้ชื่อเมืองหลวงใหม่ว่า “เนปิดอ” นั้น ประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะอะไร..?

มีการเสนอชื่อ เจดีย์ชเวดากองให้เป็นมรดกโลก แต่เมียนมาไม่ยอม ไม่อยากเป็น ขอถอนชื่อออกจากการพิจารณา เพราะเหตุใด…?? เป็นเหตุผลที่น่าสนใจมากที่สุด ขณะที่ใครๆก็อยากให้สถานที่สำคัญของตัวเองเป็นมรดกโลก แต่เมียนมา ไม่ใช่….

เอากะหม่องซิ…..

 


เรื่องปกติของชีวิต

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 13, 2012 เวลา 10:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1500

สงกรานต์ไปเที่ยวไหน เป็นคำถามที่ใครต่อใครถามไถ่กัน ผมเองนั้นตอบว่าอยู่บ้านครับ ให้ลูกสาวคนเดียวที่ดื้อเหมือนแม่มัน ขึ้นมาบ้านจะได้อยู่กันแบบครอบครัว ประสาพ่อแม่ลูก แม่มันอุตสาห์เก็บสะสมไมล์ของการบินไทยยกให้ลูกบินไปจะได้ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตยามสงกรานต์บนถนน..

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็มาทำลายแผนนั้นหมดสิ้น

พี่ชายสินีเข้า รพ.หมอตรวจพบมะเร็งที่กระดูกสันหลัง กำลังจะผ่าตัดด่วนที่สุด

เท่านั้นเองเสียงร้องให้ก็ดังลั่นบ้าน

ตัดสินใจยกเลิกตั๋วเครื่องบินของลูกเลื่อนไปก่อน เตรียมตัวขับรถลงกรุงเทพฯด่วน เดินทางไปโทรศัพท์ไป

ผ่าแล้ว…พบเนื้อร้าย เอาออกแล้ว แต่หมอพยายามหาต้นตอว่ามาจากไหน ยังหาไม่พบ…หากพบจะได้รักษาได้ถูกต้อง

พี่สะไภ้ ไม่บอกลูกสาว กลัวลูกไม่เป็นอันทำงาน ไม่บอกลูกชายที่กำลังทำปริญญาเอกด้านวิศวกรรมที่ อเมริกา กลัวว่าลูกจะกังวลจะกระทบการเรียน เธอแบกทุกข์อยู่คนเดียว โดยมีญาติใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้เรื่องเพราะเธออยากจะเก็บไว้ก่อนจนกว่าการวินิจฉัยของหมอจะถึงที่สุด…

เสียงสะอึกสะอื้นมาเป็นระยะ ที่เธอโทรศัพท์คุยกับยาหยีผม ดูเธอแบกทุกข์ที่สุดไว้ข้างในคนเดียว

ค่ำวันนั้น เธอโทรมาด้วยน้ำเสียงดีขึ้นมากๆ บอกว่าหมอพบแหล่งต้นตอแล้ว ว่ามาจากต่อมไทรอย ไม่ได้มาจากตับ ปอด ฯลฯ ทั้งนี้พี่ชายคนนี้สมัยหนุ่มๆเคยมีปัญหาเรื่องไทรอยมาแล้ว หมอบอกว่ารักษาได้… โล่งใจไปเยอะ หมอบอกให้คนไข้ทดลองเดินหลังฟื้นจากการผ่าตัด 1 วัน

ยาหยีค้นกูเกิล เรื่องนี้ พบว่านั่นคือกระบวนการของหมอที่ตรวจสอบคนไข้ว่าการผ่าตัดนั้นไปกระทบเงื่อนไขการเดินหรือเปล่า ผ่าน….

เราไปเยี่ยมที่ รพ.แห่งหนึ่งที่ พี่สะไภ้อพยพไปต่างจังหวัดใกล้กทม.เพราะ รพ.ในกทม.นั้นหมองานล้นมือหมด เธอไม่อยากคอยแม้นาทีเดียว..ตัดสินใจไป รพ.ที่พร้อม ที่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญว่างและแนะนำ

พี่สะไภ้บอกว่า คนที่ทุกข์นั้นมิใช่คนป่วยเพราะดูทำใจได้ แต่คนที่รักนี่ซิ ทุกข์กว่าหลายเท่านัก…ดูจะจริง เธอบอกสู้ทุกอย่าง เงินทอง เวลา การดูแลรักษา เต็มที่สู้สุดๆ

เราไปถึง รพ.เห็นพี่ชายยาหยีเดินยก walker ฉลุยในห้อง รพ. เราขำ นี่หรือคนป่วย แทนที่จะเห็นเดินช้าๆด้วย walker แสดงสีหน้าเจ็บ และกังวล แต่นี่หัวเราะลั่น เห็นเรามาก็ส่งเสียงลั่น….

พี่เขาสบายใจที่รู้ว่าเหตุที่มาของเนื้องอกนั้นมาจาก ไทรอย…

แต่ก็ไม่วางใจ ทำตามหมอสั่งทุกประการ..อย่างเคร่งครัด…

เฮ่อ….ปกติของชีวิตที่ต้องเผชิญนะเนี่ยะ..

วันนี้ผมก็ขับรถกลับขอนแก่นได้แล้ว

ไปพร้อมๆกับคลื่นคนที่กลับบ้านกันนั่นแหละ…..



Main: 0.53862810134888 sec
Sidebar: 0.29528498649597 sec