ประวัติศาสตร์ไทย Myanmar version

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 9, 2012 เวลา 22:05 ในหมวดหมู่ สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย, อาเซี่ยน, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4135

ผมได้รับโปรแกรมท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์ว่าจะต้องกลับเร็วขึ้นครึ่งวัน เพราะไม่มีตั๋วเครื่องบินมากเพียงพอสำหรับกลุ่มทัวร์ของเรา ซึ่งเรามี 10 คนหากไปเฉพาะกลุ่มราคาก็จะแพงขึ้น แต่หากจะรวมกับกลุ่มอื่นราคาถูกลง เราจึงขอรวมกับกลุ่มอื่นรวมทั้งสิ้น 29 คน มีเด็กเล็ก 2 คน ผู้สูงอายุ 2 คนก็กำลังพอดี


พัก เที่ยว กิน: เขาจัดที่พักในเมืองย่างกุ้งให้ที่ Kandawgyi Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง ติดทะเลสาบ Kandawgyi กลางเมืองย่างกุ้ง มีความสะดวกสบายมากเทียบเท่าโรงแรมชั้นหนึ่งเมืองไทย เป็นไม้สักทั้งหลัง เขาเขียนโฆษณาว่า The Golden Teak Hotel on the Royal Lake สวยงามมาก มีต้นไม้ครึ้มเหมือนสวนป่าเลย เจ้าของเดิมคือคนไทย ต่อมาขายให้มหาเศรษฐีชาวพม่าลูกเขยท่านนายพลคนหนึ่ง โจเล่าว่ามหาเศรษฐีคนนี้ทักษิณอย่ามาเทียบ ไม่ค่อยเปิดเผยตัว ไม่เป็นข่าว และไม่ให้ข่าว แต่ก็มีนักข่าวรู้นิสัย ดักคอจนได้ข่าว เขาบอกว่าเงินในกระเป๋าเขานั้นจะซื้อมหานครนิวยอร์กได้ เงินบวกอำนาจอะไรจะเกิดขึ้นครับ….

ที่สำคัญตรงข้ามกับโรงแรมนี้ อีกฝั่งหนึ่งเป็นบ้านของนาง อองซาน ซู จี ที่เธอถูกกักบริเวณที่บ้านหลังนี้เป็นเวลานับสิบปี และที่มีข่าวว่านักข่าวตะวันตกกล้าหาญว่ายน้ำข้ามบึงแห่งนี้เพื่อเข้าไปพบเธอ ปกติ ทัวร์ต่างๆจะหลีกเลี่ยงผ่านหน้าบ้านเธอและห้ามเด็ดขาดที่จะถ่ายรูปบ้านพัก ไกด์โจของเราปรึกษากับคนขับรถว่า ครั้งนี้เราจะขับรถผ่านบ้านของเธอแต่ห้ามถ่ายรูป ทั้งนี้การเมืองคลี่คลายไปมากแล้ว แต่ก็ยังเกรงทหาร ยังไม่มีการประกาศเป็นทางการเรื่องการเปิดฟรีสำหรับการผ่านหน้าบ้านและถ่ายรูปบ้านของนาง ซึ่งปกติจะมีทหารเป็นยามเฝ้าหน้าบ้านตลอดเวลา ช่วงที่เราผ่านไปนั้นไม่เห็นมีด่านทหารแล้ว…



ภัตตาคารการเวกใน Kandawgyi Lake และนกวายุภักษ์ สัญลักษณ์ของธนาคารกรุงไทย

(ข้อมูลจาก อินเตอร์เนท)

ด้านขวาของบึงนี้จะมีภัตตาคารใหญ่มากๆ สวยงามมาก ชื่อ ภัตตาคารการเวก มีการแสดงศิลปะร่ายรำของเมียนมา และอาหารเป็นแบบบุฟเฟต์ นกการเวก นี่ก็คือสัญลักษณ์วายุภักษ์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของธนาคารกรุงไทยของเรา เรามีวัฒนธรรม ความเชื่ออันเดียวกันหรือใกล้เคียงกันมาก

ประวัติศาสตร์ไทย เวอร์ชันเมียนมา: สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา คือวัด เจดีย์ พระรูป พระในปางต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย ทางผู้จัดก็คัดสรรค์ที่มีความสวยงาม ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การสร้างชาติ และหลายแห่งก็เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ประเทศไทยเรา

ความน่าสนใจคือ ประวัติศาสตร์ของเขาจะแตกต่างจากของเราอย่างไร…???

โจ มัคคุเทสก์ของเรานั้นช่างฉลาดและความรู้เยี่ยมจริงๆ เพื่อนร่วมคณะของเรานั่งหน้าผมถือหนังสือท่องเที่ยวไปด้วย ผมถามเขาว่า สิ่งที่โจเล่าให้เราฟังตลอดเวลานั้นละเอียดแตกต่างจากที่หนังสือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวหรือไม่ เขาบอกว่า โจเล่าละเอียดกว่ามากมายนัก… โจกล่าวว่าประวัติศาสตร์ของไทยกับของเมียนมานั้นหลายช่วงตอนแตกต่างกัน เช่น พระนางสุพรรณกัลยา ในประวัติศาสตร์เมียนมานั้นบันทึกไว้เป็นพระพี่เลี้ยงขององค์พระสมเด็จพระนเรศวรเท่านั้น มิได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าบุเรงนองแต่อย่างใด กรณีปืนข้ามแม่น้ำสโตงที่ยิงแม่ทัพเมียนมาเสียชีวิตที่ริมแม่น้ำนั้น ทางพม่าไม่มีการบันทึกไว้และไม่มีหลักฐานรองรับเรื่องนี้ ตลอดจนทองที่ปิด หุ้มองค์พระเจดีย์ชเวดากองนั้นนักท่องเที่ยวต่างกล่าวว่าเอามาจากการเผากรุงศรีอยุธยานั้น โจกล่าวว่า การกล่าวเช่นนั้นเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น หากเข้าใจประวัติศาสตร์การก่อสร้างเจดีย์ชเวดากองจะเข้าใจว่า ไม่มีทางที่ทองจากอยุธยาจะมาหุ้มองค์พระเจดีย์องค์ที่สำคัญที่สุดนี้…

จากการรับฟัง โจเป็นคนฉลาดมากที่รู้จักใช้คำ ใช้ภาษาที่ระมัดระวังความรู้สึกของคนไทย เขาใช้คำที่ถนอมน้ำใจมาก ตรงข้ามส่วนใดที่จะยกย่องส่งเสริมองค์พระมหากษัตริย์ไทยก็จะกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสมเด็จพระศรีสุริโยทัย โจกล่าวว่าการศึกครั้งนั้นที่สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์นั้น ได้เผยผมสตรีออกมา คู่ต่อกรคือพระเจ้าแปร ที่มากับพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ทำศึกอยุธยาครั้งที่หนึ่ง ทรงทราบว่าคู่ต่อสู้นั้นมิใช่ชาย แต่เป็นสตรี ถึงกับทรงประกาศวาวมือทำศึก เพราะเคยสาบาลกับพระอาจารย์ท่านไว้ว่าจะไม่ทำร้ายสตรี แต่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยทรงปลอมตัวมาเป็นชายทรงขี่คอช้างและกล้าหาญทำศึกกับพระเจ้าตะเบงชะเวตี้เยี่ยงอย่างชาย ประวัติศาสตร์เมียนมายกย่องสตรีสูงศักดิ์ของไทยพระองค์นี้ยิ่งนัก


(ภาพจากอินเตอร์เนท)

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองนั้น โจอธิบายว่า สาเหตุเป็นเพราะการยุแหย่ของโปรตุเกสในกรุงศรีอยุธยาที่ต้องการให้เกิดสงคราม เขาจะได้ขายปืนใหญ่ ให้กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ความย่อๆคือ กษัตริย์ในสมัยโบราณนั้นชอบสะสมช้างเผือกคู่บารมี เมื่อพระเจ้าบุเรงนองทราบว่าที่กรุงศรีอยุธยามีช้างเผือกหลายช้าง จึงแต่งทูตไปขอ แต่ความจริงมีช้างเผือกช้างเดียวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาจึงไม่ทรงมอบให้พร้อมอธิบาย แต่ระหว่างทางคณะทูตเดินทางกลับหงสาวดี โปรตุเกสไปยุแหย่ให้ราชทูตไปทูลบุเรงนองว่ามีช้างเผือกหลายตัวไม่ให้และถูกทำร้ายกลับมาด้วย โดยโปรตุเกสมอบเงินทองสินทรัพย์ให้คณะราชทูตเหล่านั้นมากมาย นี่คือต้นเหตุสงคราม เพราะกษัตริย์เมียนมาก็แต่งทัพหลายทางมาตีกรุงศรีอยุธยาจนแตก ไกด์โจ อธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียด พระเจ้าบุเรงนองทราบความจริงภายหลังจึงจับตัวคณะทูตชุดนั้นประหารชีวิต (จริงเท็จอย่างไร เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ต้องสะสางกันต่อไป)

จากการสังเกตของผมนั้น โจ จะ Sensitive มากๆกับชนชาติที่มาเอาเปรียบ ไม่ว่า อังกฤษ โปรตุเกส อเมริกา ญี่ปุ่น ทุกครั้งที่เขากล่าวถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เมียนมาชอกช้ำจากประเทศเหล่านั้น ดูเขาจริงจัง และพูดจาหนักแน่นมากๆ

แหม..คนรักชาติ รักประชาธิปไตยนั้นยอมไม่ได้หรอกครับ แม้ชีวิตก็มอบให้ได้..


ไปเที่ยวพม่ามา

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ เมษายน 9, 2012 เวลา 9:27 ในหมวดหมู่ สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย, อาเซี่ยน #
อ่าน: 2057

ไปเที่ยวพม่ามาครับ (เมื่อวันที่ 5-8 อาว์เปลี่ยนอยากไปแต่ติดงาน) ผมมีประสบการณ์ไปเที่ยวนครวัด สิบสองปันนา หลวงพระบาง สิงค์โปร์ มาเลเซียมาแล้ว ผมประทับใจนครวัด และหลวงพระบางมากมาย ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้าง และความสวยงามเท่านั้น แต่การอ่านหนังสือไปก่อน ประกอบกับไกด์ดีดีแบบสุดยอดนั้น เงินที่เสียไปไม่เสียดายเลยครับ อิ่มเอมกับสาระที่ได้ หลังจากนั้นจะไปเที่ยวไหนก็จะหาหนังสือมาอ่านๆ และค่อนข้างคัดเลือกบริษัททัวร์มาก และเน้นให้ทัวร์จัดไกด์ดีดีมาให้เรา เพราะเรามิใช่เที่ยวเพียงได้เห็น เพียงได้ไปเท่านั้น แต่เราต้องการรู้เรื่องเชิงประวัติศาสตร์อย่างละเอียดอีกด้วย

ก่อนไปผมก็แจ้ง บริษัททัวร์ ให้จัดสิ่งที่เราต้องการให้ และก็สมหวังครับ

แต่ไปพม่าคราวนี้ ผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือไปก่อน งานล้นมือเลยหวังพึ่งไกด์ของบริษัทที่จัดให้ และก็ไม่ผิดหว้งต้องชมเชยบริษัททัวร์ที่ตอบสนองเราได้พึงพอใจ


ล่าม/มัคคุเทสก์: คุณโจ เป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งภาควิชาเคมี ก่อนที่มหาวิทยาลัยจะถูกทหารสั่งปิดตาย แล้วคุณโจก็เข้ามาเรียนในประเทศไทย ภาษาไทยและกลับไปเป็นมัคคุเทสก์ภาษาไทย โดยเป็น Freelance บริษัทไหนเรียกใช้ก็ไป และทราบว่าเคยรับใช้ผู้หลักผู้ใหญ่เมืองไทยที่ไปพม่ามาแล้วหลายคน สมัยที่คุณโจเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยนั้นเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยคนสำคัญคนหนึ่ง และเกือบเอาชีวิตไปทิ้งกลางถนนเพราะเป็นผู้นำขึ้นไฮปาร์ค นำขบวนนักศึกษา และเผชิญหน้าทหารที่จัดการเด็ดขาดกับขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะนักศึกษา เขาเป็นคนชื่นชม นางอองซาน ซู จี มาก พ่อเขาเป็นมอญ แม่เป็นชนเผ่าพม่า ยากจนจึงไปอยู่กับญาติที่พอจะส่งเสียเขาเรียนได้ พี่ชายเป็นนักฟิสิกส์ เขาเลยมาเป็นนักเคมี ประกอบแบตเตอรรี่ใช้เองมาแล้ว ระเบิดนั้นง่ายมากเขาว่า โจยังบอกว่า อนาคตหากสังคมพม่าไม่ดีขึ้นเขาจะเล่นการเมืองต่อไป โจ ล่ามเมียนมาท่านนี้น่าสนใจมากครับ ติดตามต่อไปว่าอนาคตเขาจะเป็นนักธุรกิจใหญ่หรือเป็นนักการเมือง

การที่โจ เป็นอดีต Activist มาก่อนเขาจึงเป็นมัคคุเทสก์ที่ไม่ใช่รู้เรื่องเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศและสถานที่ที่เราไปชมเท่านั้น เขายังเอามาผูกพันกับพัฒนาการทางการเมืองของประเทศได้ ทำให้เรารู้เรื่องลึกซึ้งมากกว่าปกติ โจออกจะสนใจการเมืองมาก ตลอดเวลาที่เขายืนบรรยายสถานที่ที่เราจะไปชมนั้น นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะคล่องปรื๊อแล้ว เขายังสอดแทรกมุมทางการเมืองเขาไปด้วย จนเราเคลิ้มไปเลย


เขาเป็นคนรักชาติ และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมชาติที่เป็นคนยากจน ทุกครั้งที่เขามีโอกาส เขาจะช่วยคนพม่าที่มาขายสินค้าข้างรถทัวร์ให้ โดยการหยิบเอาสินค้านั้นมาอธิบายว่า มันคืออะไร ทำมาจากกอะไร มีความหมายว่าอย่างไร และเขาให้ข้อมูลตรงไปตรงมาโดยหลายครั้งเขาเทียบเคียงว่า ของกินชิ้นนี้เทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันในประเทศไทยไม่ได้เลย แต่หากทุกท่านมีจิตเมตตาช่วยซื้อเพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ ก็เป็นพระคุณ ทั้งๆที่เราเดินผ่านคนขายมาแล้ว เมื่อโจพูดเช่นนั้นเราก็อดที่จะควักเงินจั๊ดมาจ่ายซื้อสินค้าไม่ได้ด้วยความเห็นใจ สงสาร และช่วยเหลือกัน

ประวัติคุณโจนั้นคล้ายๆภูมิหลังผมจึงซักถามหลายเรื่องถึงขบวนการนักศึกษาของเมียนมา เขาบอกว่าไม่มีพรรคการเมืองอยู่ข้างหลังเพราะเมียนมาไม่มีพรรคการเมือง มีแต่ทหารปกครองตลอดมายาวนาน และคู่คิดของนักศึกษาคืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั่นเอง หลังจากที่ทหารสั่งปิดตายมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง นักศึกษา อาจารย์ไปไหนกันหมด เขาบอกว่า นักศึกษาหลายคนที่ไม่เด่นดังก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นๆในประเทศ คนที่เด่นดังก็อพยพไปต่างประเทศเลย ที่สำคัญคือประเทศไทย อาจารย์ดังๆหลายท่านมาอยู่ที่ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนต่างๆ หรือไปประเทศทางยุโรป ทั้งหมดนิยม ออง ซาน ซู จี และหวังว่าสักวันหนึ่งนางจะขึ้นมาปกครองประเทศ และนางเคยประกาศไว้ว่าเมื่อใดที่นางขึ้นมาก็จะเปิดมหาวิทยาลัยย่างกุ้งใหม่….

จากความรู้ที่โจมีอยู่ ท่าทีที่นอบน้อม และมีความเชื่อมั่น ความคิดเห็นทางการเมือง ความสามารถทางภาษา และอื่นๆ โดยเฉพาะสำนึกแห่งบ้านเมือง ผมคิดว่า ล่ามคนนี้อนาคตของเขาไม่ใช่ล่ามแล้วหละครับ…



Main: 0.063074111938477 sec
Sidebar: 0.050345897674561 sec