
รูปนี้ติดอยู่กระจกหน้ารถทัวร์ที่เรานั่งประจำ หันหน้าเข้าด้านภายในรถ หากเดินขึ้นรถแล้วนั่งลงที่เบาะทุกตำแหน่ง มองไปหน้ารถก็จะเห็นรูปนี้ ขวามือนั่นเป็นสตรีที่โด่งดัง เป็นหญิงเหล็ก เป็นคู่กัดของรัฐบาลทหารมานานแสนนาน เธอเป็นเหมือนขวากหนามชิ้นใหญ่ของรัฐบาลทหาร แต่เธอมาจากตระกูลรัฐบุรุษของประเทศ และเธอกล้าหาญมากเหนือสตรีทั่วไป นานาชาติจึงปกป้องเธอ
นาง ออง ซาน ซู จี ชีวิตเธอน่าสนใจยิ่งนัก มีคุณพ่อเป็นนายทหารใหญ่และมีบทบาทที่สำคัญต่อประเทศพม่า คือนายพล อองซาน (รูปซ้ายมือนั่น)


อนุสาวรีย์ ท่านนายพล ออง ซาน
ไกด์ โจเล่าให้ฟังถึงประวัติท่านนายพล อองซาน และตัวนาง ออง ซาน ซู จี เดิมเธอนั้นไม่ได้สนใจการเมืองเลย เป็นสตรีทั่วไปที่สนใจการทำงาน และดูแลครอบครัว แต่เหตุการณ์ทางการเมืองของขบวนนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้ง เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดึงเธอเข้าไป โยที่เธอรับรู้ความไม่ถูกต้อง และคสามโหดร้ายของรัฐบาลทหารที่ยิงทิ้งประชาชน นักศึกษาต่อหน้าเธอ เหมือนผลักเธอเข้าสู่เวทีการต่อสู้ และเธอไม่เคยถอย แม้จะต้องโดยเผด็จการทหารจับเธอเข้าคุก กักบริเวณ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เธอก็สู้ตลอดมา
สายเลือดท่านนายพลอองซาน ผู้นี้ไม่ทำให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยผิดหวัง เชิดชูเธอเป็นหัวแถวของการต่อสู้มาตลอด

ประตูหน้าบ้านของนาง ออง ซาน ประตูบ้านที่เธอถูกกักบริเวณมานานมากมายนัก หากเป็นคนอื่น คงมีปรากฎการณ์อะไรออกมา แต่เธอยืนหยัดต่อสู้แบบอหิงสา และสากลก็กดดันรัฐบาลมาตลอด หนักที่สุดคือการไม่คบค้าด้วย บอยคอท (ทั้งๆที่ใต้ดินนั้นอยากเข้าประเทศนี้ใจจะขาด) จนมาสมัยนี้ที่อาเซียน เข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อการเมืองในประเทศนี้ เช่นถึงคราวที่เมียนมาร์ต้องเป็นประธานอาเซียนหลังจากถูกต่อต้านมาหลายครั้ง แต่คราวนี้ยินยอม แต่เมียนมาร์ต้องเป็นประชาธิปไตย นั่นคือการเลือกตั้งทั่วประเทศ รัฐบาลพม่าก็ยอม แต่ทุกครั้งที่พูดถึงตรงนี้ แบบนี้ สาระทำนองนี้ ไกด์ โจ มักจะเหน็บรัฐบาลเสมอว่า “ไม่รู้มีอะไรหมกเม็ดบ้างไหม”

ดูรูปนกหงส์นี่ซิครับ โจ เขาถามพวกเราว่า หงส์ที่ยืนขี่กันในรูปนั้น ทายสิว่าตัวบน หรือตัวที่ยืนขี่หลังหงส์ตัวล่างนั้น เป็นหงส์ตัวผู้หรือตัวเมีย ผมเดาไม่ถูกและไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน รู้เพียงว่าหงส์นั้นคือสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี หรือพม่าในสมัยก่อนที่รับรู้มา แต่หงส์ขี่กันนี้เพิ่งเห็น และไม่มีคามรู้จริงๆ
มีสมาชิกทัวร์ตอบถูกว่า หงส์ตัวเล็กที่อยู่ด้านบนนั้นเป็นหงส์ตัวเมีย…??!!
ทำไม เพราะอะไร ความเป็นมาอย่างไร…. หมายถึงอะไร… พวกเรายิงคำถาม โจ สรุปสั้นๆว่า หงส์เป็นสัตว์ในวรรณคดีคู่กับศาสนามานาน เป็นสัตว์ชั้นสูง และการที่ตัวเมียขี่หลังตัวผู้นั้น หมายถึงว่า “ในสังคมเมียนมาร์นั้น ผู้หญิงเป็นใหญ่” คตินี้ปรากฏหลักฐานถึงในพระราชวัง ที่พระแท่นของพระเจ้าบุเรนอง ก็มีที่นั่งพระมเหษีอยู่ทางขวามือ…คตินี้ยังมีปรากฏในวัฒนธรรม ประเพณีอีกหลายอย่างในสังคมเมียนมาร์
น่าสนใจขึ้นหละซีครับ เมื่อมาถึงตรงนี้ ที่สังคมเมียนมาร์ถือคติสตรีเป็นใหญ่ แล้วนางออง ซาย ซู จี ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด เรียกว่าเธอชนะการเลือกตั้ง สังคมเมียนมาร์กำลังมีการปกครองโดยสตรี หรือ.. และหากเป็นเช่นนั้นคงน่าดูชมเมื่อประเทศไทยก็มีสตรีเป็นนายกรัญมนตรี
เอ..ของเราจะเทียบกับของเขาในมุมไหนดีหนา
อิอิ อิอิ อิอิ