เตรียม ตัว ตาย

อ่าน: 3800

ไหน ๆ ก็เป็นป้ายสุดท้ายที่ทุกชีวิตต้องจอดกันโดยถ้วนหน้าเนาะคะ จะช้า จะเร็ว หรือในสภาพไหนเท่านั้นเอง

ขั้นตอนหนึ่งของการเตรียมตัวตายของครูปู คือ การบริจาคดวงตา บริจาคอวัยวะและบริจาคร่างกายที่เหลือให้กับสภากาชาดไทย เพื่อสมัครรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ต่อไปค่ะ

ข้อมูลการบริจาคดวงตา อวัยวะและร่างกายให้กับสภากาชาดไทย

บอกน้อง ๆ ในที่ทำงานว่า

“พี่มันคนทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ตอนอยู่ก็เป็นแค่รองอาจารย์ใหญ่ตอนตายก็อยากก้าวหน้ากว่านี้หน่อยเลยอยากเป็นอาจารย์ใหญ่อ่ะ ฮ่า ๆ”

(หนนี้ไม่ค่อยมีใครยอมขำด้วยเลยแฮะ?)

พอคิดได้อย่างนี้แล้ว ความฟุ้งต่อเรื่องต่าง ๆ ลดลงถนัดตา

ชีวิตเหลือแค่สิ่งที่ควรทำกับสิ่งที่อยากทำเท่านั้นเอง

ไิอ้ที่เคยมองว่าดี ว่าแน่ ก็ไม่เห็นดี เห็นแน่ไปได้สักกี่น้ำ

ดีหน่อยที่ยังพอจะเหลือเป็นซากที่ยังประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้อยู่บ้าง

เท่านั้นจริง ๆ เนาะ


ตั้งใจบริจาคดวงตา บริจาคอวัยวะและร่างกายไว้ตั้งนานแล้วล่ะค่ะ ได้ทดลองแหย่ ๆ ทางบ้านดูติด ๆ กันมาหลายปีแล้ว แต่เสียงตอบรับยังไม่ค่อยเป็นเอกฉันท์สักเท่าไหร่ บ้างก็ตกอกตกใจ บ้างก็ตำหนิกลับหาว่า คิดอะไรไม่เป็นมงคล อยู่ดี ๆ แช่งตัวเองบ้าง เลยต้องทิ้งช่วงให้ทำใจมาเรื่อย ๆ ทุกปี

เขาเลี้ยงเรามาจนปีกกล้าขาสั้น เอ๊ย ขาแข็งขนาดนี้ เขาควรจะได้รับเกียรติให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในชีวิตเราอยู่แล้วล่ะค่ะ

ปีนี้จึงฉวยโอกาสวัน (สมมติว่า) เกิดครบ 41 ปี ของตัวเอง ทำเรื่องบริจาคดวงตา บริจาคอวัยวะ และบริจาคร่างกายกับสภากาชาดไทยเสียที จึงโทรไปปรึกษาคุณแม่เพราะในแบบฟอร์มการบริจาคร่างกายเขาให้ระบุว่าต้องการให้เขาทำศพให้ หรือต้องการรับศพมาฌาปณกิจเอง แม่อึ้งไปพักนึง แล้วตอบมาด้วยเสียงเครือ ๆ

“ก็ต้องเอามาทำเองสิ”

“ได้ ๆ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ทำไมแม่ต้องทำเสียงงั้นด้วยล่ะ นี่ปรึกษานะ ไม่ได้แปลว่ารีบมาก แค่วางแผนไว้ก่อน ฮ่า ๆๆ ล้อเล่ง ๆ

แหมนะ ตะเอง…นี่เค้าพูดไว้ก่อนนะ มันไม่มีอะไรแน่นอนซักกะอย่างเนาะแม่เนาะ สมมตินะถ้าลูกนั่งรถไปทำงานแล้วสิบล้อเอาไปกินซักวันนึงก็จบใช่ป่าว แล้วถ้าเกิดเป็นอะไรปุ๊บปั๊บขึ้นมา ที่เหลือจะทำอะไรกันถูกไหม รู้ไหมว่าความต้องการสุดท้ายของลูกคืออะไร จะให้ทำศพแบบไหน จะบอกใครบ้าง บ้านให้ใคร รถให้ใครใช่ป่าวล่ะ เงินเก็บให้ใคร เงินประกัน เงินค่าทำศพอีกก้อนใหญ่ นี่สมมตินะ สมมติ

เราคุยกันเพื่อการเตรียมการอย่างหนุกหนานนะ เพราะฉนั้น แม่ห้ามเงียบ ห้ามซึมเป็นอันขาด บังคับ ๆ ฮ่า… “

“เออ ๆ แม่รู้แล้ว”

“ตัวเองก็เหมือนกันนะ วางอะไร ๆ ไว้บ้างได้แล้ว อยากให้อะไรเป็นไปอย่างไร ตอนเราไม่อยู่ ลูกหลานจะได้ทำได้ถูกใจ”

“อืม เนอะ จริง ๆ แม่ก็เคยคิดไว้นะ แต่พอคิดไปคิดมาก็เศร้า ก็กลัวเหมือนกันวุ๊ย!”

“ลูกก็เหมือนก๊าน… แค่คิดเรื่องตายก็แกว่งเหมือนกันทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นไง

เอ… แม่  ตายไปแล้วนี่มันคงหมดความรู้สึกไปแล้วล่ะมั้ง ไม่งั้นคนที่ตายไปแล้วคงกลับมาเล่าให้เราฟังแล้วล่ะ หรือเราคิดมากไป ตอนอยู่ก็คิดนู่นนี่นั่นกันจั๊ง นี่ยังอุตส่าห์คิดเผื่อตอนตายอีกแนะ ท่าจะบ้านะเนี่ยะเรา ฮ่า…”

“เออ เนอะ ถ้าแม่ไม่อยู่นะ ไม่ต้องไว้หลายวันนะ ยุ่งยาก ทำแบบไหนก็ได้ที่พวกลูก ๆ ไม่เดือดร้อนน่ะ”

“ใช่ ๆ ปูก็เหมือนกันนะแม่ ตอนแรกคิดไว้ว่าอยากให้เขาจัดการให้เสร็จสรรพไปเลย ได้รับพระราชทานเพลิงศพด้วยนะแม่ แต่ถ้าแม่อยากจะให้เป็นยังไงก็ตามใจแม่แล้วกัน ขอร้องอย่างเดียว แม่อย่าไปคิดอะไรมากนะเรื่องนี้ ไม่งั้นปูก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เดี๋ยวพอตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ตัวเองจะมาน้อยใจอีกนะว่าลูกมีอะไรไม่ค่อยปรึกษา”

“แม่รู้…ว่าปูนะคิดแต่เรื่องดี ๆ ทำแต่เรื่องดี ๆ อยู่แล้วแหละ แม่แค่ตกใจแล้วก็ทำใจไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง”

“คร้าบ ลูกเข้าใจ กลับกัน ถ้าแม่ไปก่อน ปูก็คงทำใจลำบากเหมือนกัน ปากดีไปงั้นเองแหละ ฮ่า…”

“ฮ่า…”

“เดี๋ยวที่เหลือลูกจะทำพินัยกรรมไว้ พูดไปเท่ ๆ งั้นเองยังไม่รู้ว่าเขาต้องทำยังไงให้มันมีผลครอบคลุมทางกฎหมายด้วย อันนี้เราคุยกันประสาแม่ลูกนะ ปูมีชื่อเป็นลูกป้ากับลุงเขา ถ้าไม่วางอะไรไว้บ้างเวลาเป็นอะไรไป ตัวเองก็จะไปอึก ๆ อัก ๆ กันในหมู่พี่น้องอีกนะ เพราะฉนั้นคุยกันไว้เลย ถ้าเป็นอะไรไป ปูยกอะไรให้ใคร แม่ว่าอย่างนี้ดีไหม”

“อืม แม่เข้าใจ ๆ”

“นี่ลูกก็พยายามเร่งโปะบ้านกะว่าอย่างเก่ง 5-6 ปีนี้ก็น่าจะหมดแล้ว ยังไงก็แล้วแต่ลูกจะทำงานแค่อายุไม่เกิน 50 แล้วพอ ที่เหลือลูกจะลาล่าลูลู่ไปทำไอ้สิ่งที่อยากทำแล้วล่ะ ฮิ๊ว…….”

“เออ ดี แม่เห็นด้วย พักซะบ้าง”

“อืม ลูกกลัวแก่มากไป แล้วต้องไปเจ็บ ไปป่วย มัวแต่เสียเวลารักษาตัวเอง แถมอดเที่ยวอีกต่างหาก ไม่ใช่ทำเป็นโม้ว่าจะดูแลแม่ดูแลยายแต่กลับต้องไปนอนแบ่บให้แม่ดูแลล่ะ กรรมเลย ไม่เอาหรอก เหอ เหอ”

“พูดไปพูดมาแม่นึกขึ้นมาได้ เมื่อวันก่อนนะ ป้าแหววมาเยี่ยมยายแล้วนั่งคุยเรื่องปูกัน ป้าแหววบอกว่า ไอ้ปูเนี่ยะ ท่าทางมันจะเรียนเยอะไป มันคิดอะไรแต่ละเรื่องไม่เห็นเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเลย แล้วเราก็ว่ามันไม่ค่อยได้ด้วยนะ เพราะฟังไปฟังมา มันก็คิดดี ๆ ทั้งนั้นเลย เถียงมันไม่ค่อยจะได้ซักกะเรื่อง พูดไปพูดมาหันมาถามแม่อีกนะ ตัวเองเลี้ยงมันยากมั้ย”

“ฮ่า… แล้วแม่ตอบไปว่าไงล่ะ”

“แม่ก็บอกว่าจะไปยากอะไร เถียงมันไม่ได้ก็อย่าไปเถียงมันก็แค่นั้นเอง ให้มันทำอย่างที่มันอยากทำดูก่อน เดี๋ยวมันกลับมาเล่าให้ฟังเองแหละว่าเป็นยังไง ไปเถียงกับมันให้เหนื่อยทำไม สู้มันไม่ได้อยู่แล้วนี่ ฮ่า……”

“เอ่อ แม่ขา ทำไมแม่หัวเราะดังที่สุดในชีวิตที่หนูเคยได้ยินมาเลยล่ะคะ

อันนี้ วัยรุ่น ม่าย เข้า จายยยยย อ่ะ”

:(

Post to Facebook

« « Prev : นั่งนับอิฐก้อนต่อไป

Next : ก่อนน้ำมา » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "เตรียม ตัว ตาย"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.068618059158325 sec
Sidebar: 0.1634669303894 sec