นั่งนับอิฐก้อนต่อไป
ช่วงเช้ามีธุระหายไปครึ่งวัน พอกลับมามีเจ้าลูกศิษย์เอกรีบแจ้นเข้ามารายงาน
“อาจารย์ปูครับ เมื่อเช้าตอนอาจารย์ไม่อยู่ มีวัยรุ่นสองคนมาด้อม ๆ มอง ๆ แล้วถามพวกผมว่าอาจารย์ปูอยู่ไหมอ่ะครับ”
“เหรอ เด็กโรงเรียนเราหรือเปล่าล่ะลูก”
“ไม่ใช่หรอกครับอาจารย์ หนวดเครางี้เฟิ้มเลยครับ”
“เอ ใครหว่า หนวดเคราเฟิ้มซะด้วย คงเป็นศิษย์เก่าล่ะมั้ง”
“ศิษย์เก่าแล้วทำไมต้องด้อม ๆ มอง ๆ ล่ะครับอาจารย์ ถ้าเป็นพวกผมนะ ก็เดินเข้ามาถามหาอาจารย์คนอื่นที่รู้จักก็ได้นี่ครับ”
“เออ เนอะ”
“พวกผมก็งงกันใหญ่เลยครับ ไอ้แบงค์มันบอกว่ากลัวเป็นคนมาแอบทำร้ายอาจารย์ปูอ่ะครับ”
“เฮ๊ย ไม่มีหรอกลูก ใครเขาจะมาทำอะไรอาจารย์ล่ะ อาจารย์เคยไปทำอะไรใครเขาที่ไหนล่ะ” (หรือเปล่าหว่า?)
“โหย เห็นแต่ละคนที่มาเอาเรื่องกับอาจารย์ พวกผมก็หนาวแล้วครับ เห็นในห้องอาจารย์มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน กลัวจะมีคนคิดไม่ดีกับอาจารย์อ่ะครับ”
“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรหรอกลูก บางคนเขาแค่ยังไม่เข้าใจน่ะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาหน่อยนึงเท่านั้นเอง ไม่มีใครจะคิดอะไรถึงขั้นทำร้ายกันหรอกลูกเอ๊ย”
“อ๋อ ครับ พวกผมก็เมาท์กันมันเลยอ่ะครับ แหะ แหะ”
“จ๊ะ แต่ขอบใจมากนะลูก”
“ครับอาจารย์”
เท่านั้นเอง เจ้าอิฐเลยโดนอาจารย์ที่อยู่ในห้องรุมแซวกันกระหน่ำว่าช่างสมกับที่พี่ชายที่จบไปแล้วฝากให้มาดูแลครูปูเสียเหลือเกิน เช้าถึง เที่ยงถึง เย็นก่อนกลับบ้านก็ต้องขอมาขลุกด้วยหน่อยนึงก่อนถึงจะกลับบ้านได้ ครูปูก็นะ ไปไหนมาก็ต้องหิ้วขนมมาฝากเจ้าอิฐขาประจำคนหนึ่งล่ะ เรื่องหนึ่งที่อิฐโม้ไปทั่วก็คือ ครูปูซื้อกางเกงลายผ้าถุงทรงจ๊าบจากบุรีรัมย์มาฝาก มางานโรงเรียนทีไรต้องใส่กางเกงตัวเก่งนี้มาอวดให้เพื่อน ๆ แซวกันทุกที
ยิ่งตอนเข้าค่าย ก็เล่นใส่เป็นฝาแฝดกันทั้งแม่ทั้งลูก
เรียกว่าบ้าพอกันนั่นเอง
วันนี้รู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ เข้าใจว่าคงเป็นอาการที่ร่างกายฟ้องว่าใช้งานเขาหนักไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง ก็เลยตัดสินใจว่าจะวางงานไว้ก่อนแล้วจะหาเรื่องไปลูลู่ลาล่าซักวันนึง เดี๋ยวเริงรื่นแล้วค่อยกลับมาว่ากันใหม่
แต่ก็พบข้อสังเกตประการหนึ่งว่าทุกครั้งที่รู้สึกว่าพลังงานใกล้หมด มักจะคิดถึงเหตุการณ์เล็ก ๆ น่ารัก แต่ยิ่งใหญ่นักในความรู้สึกของครูเรา อย่างกรณีด้านบนขึ้นมาทุกครั้งไป
หรืออาจเพราะในการทำหน้าที่ในแต่ละวัน ครูต้องต่อสู้กับความไม่เข้าใจที่ขาดวิ่นบ้าง ผิดเพี้ยนโดยตั้งใจและหรือไม่ตั้งใจบ้าง ตัวครูเองด้วยประสบการณ์ด้านหนึ่ง และขีดจำกัดในการทำงานอีกมากมาย ก็อาจจะออกแบบวิธีการดูแลบริหารจัดการแต่ละรายได้เหมาะสมบ้าง เข้าใจบ้าง ไม่พึงใจไม่เข้าใจบ้าง
หากครูไม่มีต้นทุนในวิธีคิด พื้นฐานอารมณ์และค่านิยมที่หนักแน่นพอ ครูอาจเข้าใจผิดหลงตีค่าสมการของสิ่งที่ได้รับจากวิชาชีพนี้เมื่อเทียบกับอุปสรรคและความเหนื่อยยากที่ต้องเผชิญผิดเพี้ยน กลายเป็นความสับสน เบื่อหน่าย ท้อแท้และอาจถึงขั้นฝ่อไปได้
โดยส่วนตัวแล้ว เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ล่ะค่ะ ที่ครูปู “นับ” ว่าเป็นผลตอบแทนในวิชาชีพ ปลอบประโลมให้หายเหนื่อย ให้มีแรงฮึด ให้เบิกบาน เรียกความมั่นอกมั่นใจคืนมาได้หมด
กำลังนั่งเพ้ออยู่ดี ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหน่วยงานต้นสังกัดว่ามีคนไปทำเรื่องฟ้องร้องว่า ครูปูไล่ลูกเขาออกโดยที่ไม่มีความผิด ทั้งที่ความจริง เด็กมีความผิดจริง มีหลักฐาน พยานและคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว
หลังจากพูดคุยกับตัวเด็กและผู้ปกครอง ครูปูก็เสนอคณะกรรมการพิจารณาโทษสถานเบาให้แล้วด้วย เพื่อเห็ันแก่ตัวเด็กที่ผิดพลาดมาหลายที่แล้ว เมื่อมาเรียนที่นี่ก็ถือว่าปรับตัวได้แทบจะหน้ามือกับหลังมือจากเมื่อก่อนแล้ว แต่อย่างไรก็แล้วแต่การลุแก่โทสะครั้งนี้ก็เป็นการกระทำผิดที่รุนแรง จึงลดโทษจากให้ออกเป็น ให้โอกาสทำเรื่องพักการเรียนด้วยตนเองไป 1 เทอม จะลงว่าด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ ผู้ปกครองก็ยกมือไหว้ขอบอกขอบใจในความเมตตาและความเข้าใจที่เรามีต่อหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่างน้อยเด็กที่ทำผิดก็ยังได้มีโอกาสในการแก้ไข ระหว่างนี้ก็ถือเป็นการรับโทษที่ต้องไปปรับตัวใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมรอบใหม่
แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด หลังจากคุยกันเสร็จจึงกลับไปร้องเรียนที่ต้นสังกัด แล้วเฉไฉเรื่องทั้งหมดเสียใหม่ เปลี่ยนเราจากผู้มีพระคุณเป็นนางมารร้ายในบัดดล (ซึ่งหน้าก็ให้อยู่แล้ว แถมใจยังรักอีกด้วยสิเรา หุหุหุ :P)
เย็นนี้ได้มีโอกาสนั่งเมาท์กับกับน้อง ๆ ซึ่งต่างก็รุมสวดผู้ปกครองท่านนี้กันยับ พร้อมทั้งติงครูปูว่าไม่น่าไปเมตตาเล๊ย รู้งี้ไล่ออกแต่แรกตามโทษที่ควรจะเป็นซะก็ดี ทั้งครูทั้งลูกศิษย์ที่ซี้ ๆ ต่างเสนอความเห็นกันอย่างถึงพริกถึงขิง รวมทั้งเจ้าศิษย์เลิฟที่แอบฟังอยู่ในห้อง ก็ อุตส่าห์ดอดเข้าพูดคุยด้วยความห่วงใย
“อาจารย์อย่าเสียใจไปเลยนะครับ ที่เขาไม่เข้าใจอาจารย์ คนบางคนเขาอาจไม่เข้าใจก็ได้ว่าอาจารย์พยายามช่วยเขา ผมว่าสักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจ เหมือนที่พวกผมเข้าใจตอนนี้นะ ผมยิ่งคิดผมก็ยิ่งเข้าใจนะอาจารย์ เพราะเมื่อก่อน พวกผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พวกอาจารย์ทำซักกะนิด เมาท์แต่อาจารย์กัน ทั้งที่สิ่งที่ตัวเองทำอ่ะโ..ตรเลวอ่ะอาจารย์ แหะ แหะ ขอโทษคร้าบ พูดไม่สุภาพ
แต่จริง ๆ นะ อาจารย์ พวกอิฐก็เมาท์อาจารย์กันหาว่าอาจารย์จ้องจับผิดบ้าง เรื่องมากบ้าง เพราะอาจารย์ปูดุมากอ่ะ พวกผมก็ยิ่งกลัว พอกลัวแล้วก็ไม่กล้า พอไม่กล้า ก็ไม่ทำผิด พอไม่ทำผิด อาจารย์กลับมีทีท่าเปลี่ยนไป อาจารย์ชมพวกผม อาจารย์ทักทาย อาจารย์แหย่เล่นกับพวกผม ให้ความใกล้ชิด พูดเล่นพูดฮาด้วย เดี๋ยวอาจารย์ก็ให้นู่น เดี๋ยวอาจารย์ก็อัดฉีดสปอนเซอร์ทีมพวกผม พวกผมทุกคนเลยเริ่มเข้าใจอาจารย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเลยครับ”
ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ๆ
เอามือไปวางบนหัวเจ้าลูกศิษย์ แล้วตอบไปว่า
“เรื่องแบบนั้นน่ะ อาจารย์ไม่เอามานับหรอกลูก แต่ลูกศิษย์ที่คิดดีคิดได้แบบอิฐนี่สิ ที่อาจารย์จะนับ ขอบใจนะลูกนะ” ^^
ความคิดเห็นสำหรับ "นั่งนับอิฐก้อนต่อไป"