นั่งนับอิฐก้อนต่อไป

อ่าน: 2543

ช่วงเช้ามีธุระหายไปครึ่งวัน พอกลับมามีเจ้าลูกศิษย์เอกรีบแจ้นเข้ามารายงาน

“อาจารย์ปูครับ เมื่อเช้าตอนอาจารย์ไม่อยู่ มีวัยรุ่นสองคนมาด้อม ๆ มอง ๆ แล้วถามพวกผมว่าอาจารย์ปูอยู่ไหมอ่ะครับ”

“เหรอ เด็กโรงเรียนเราหรือเปล่าล่ะลูก”

“ไม่ใช่หรอกครับอาจารย์ หนวดเครางี้เฟิ้มเลยครับ”

“เอ ใครหว่า หนวดเคราเฟิ้มซะด้วย คงเป็นศิษย์เก่าล่ะมั้ง”

“ศิษย์เก่าแล้วทำไมต้องด้อม ๆ มอง ๆ ล่ะครับอาจารย์ ถ้าเป็นพวกผมนะ ก็เดินเข้ามาถามหาอาจารย์คนอื่นที่รู้จักก็ได้นี่ครับ”

“เออ เนอะ”

“พวกผมก็งงกันใหญ่เลยครับ ไอ้แบงค์มันบอกว่ากลัวเป็นคนมาแอบทำร้ายอาจารย์ปูอ่ะครับ”

“เฮ๊ย ไม่มีหรอกลูก ใครเขาจะมาทำอะไรอาจารย์ล่ะ อาจารย์เคยไปทำอะไรใครเขาที่ไหนล่ะ” (หรือเปล่าหว่า?)

“โหย เห็นแต่ละคนที่มาเอาเรื่องกับอาจารย์ พวกผมก็หนาวแล้วครับ เห็นในห้องอาจารย์มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน กลัวจะมีคนคิดไม่ดีกับอาจารย์อ่ะครับ”

“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรหรอกลูก บางคนเขาแค่ยังไม่เข้าใจน่ะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาหน่อยนึงเท่านั้นเอง ไม่มีใครจะคิดอะไรถึงขั้นทำร้ายกันหรอกลูกเอ๊ย”

“อ๋อ ครับ พวกผมก็เมาท์กันมันเลยอ่ะครับ แหะ แหะ”

“จ๊ะ แต่ขอบใจมากนะลูก”

“ครับอาจารย์”

เท่านั้นเอง เจ้าอิฐเลยโดนอาจารย์ที่อยู่ในห้องรุมแซวกันกระหน่ำว่าช่างสมกับที่พี่ชายที่จบไปแล้วฝากให้มาดูแลครูปูเสียเหลือเกิน เช้าถึง เที่ยงถึง เย็นก่อนกลับบ้านก็ต้องขอมาขลุกด้วยหน่อยนึงก่อนถึงจะกลับบ้านได้  ครูปูก็นะ ไปไหนมาก็ต้องหิ้วขนมมาฝากเจ้าอิฐขาประจำคนหนึ่งล่ะ  เรื่องหนึ่งที่อิฐโม้ไปทั่วก็คือ ครูปูซื้อกางเกงลายผ้าถุงทรงจ๊าบจากบุรีรัมย์มาฝาก มางานโรงเรียนทีไรต้องใส่กางเกงตัวเก่งนี้มาอวดให้เพื่อน ๆ แซวกันทุกที

ยิ่งตอนเข้าค่าย ก็เล่นใส่เป็นฝาแฝดกันทั้งแม่ทั้งลูก

เรียกว่าบ้าพอกันนั่นเอง

:P

วันนี้รู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ เข้าใจว่าคงเป็นอาการที่ร่างกายฟ้องว่าใช้งานเขาหนักไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง ก็เลยตัดสินใจว่าจะวางงานไว้ก่อนแล้วจะหาเรื่องไปลูลู่ลาล่าซักวันนึง เดี๋ยวเริงรื่นแล้วค่อยกลับมาว่ากันใหม่

แต่ก็พบข้อสังเกตประการหนึ่งว่าทุกครั้งที่รู้สึกว่าพลังงานใกล้หมด มักจะคิดถึงเหตุการณ์เล็ก ๆ น่ารัก แต่ยิ่งใหญ่นักในความรู้สึกของครูเรา อย่างกรณีด้านบนขึ้นมาทุกครั้งไป

หรืออาจเพราะในการทำหน้าที่ในแต่ละวัน ครูต้องต่อสู้กับความไม่เข้าใจที่ขาดวิ่นบ้าง ผิดเพี้ยนโดยตั้งใจและหรือไม่ตั้งใจบ้าง  ตัวครูเองด้วยประสบการณ์ด้านหนึ่ง และขีดจำกัดในการทำงานอีกมากมาย ก็อาจจะออกแบบวิธีการดูแลบริหารจัดการแต่ละรายได้เหมาะสมบ้าง เข้าใจบ้าง  ไม่พึงใจไม่เข้าใจบ้าง

หากครูไม่มีต้นทุนในวิธีคิด พื้นฐานอารมณ์และค่านิยมที่หนักแน่นพอ  ครูอาจเข้าใจผิดหลงตีค่าสมการของสิ่งที่ได้รับจากวิชาชีพนี้เมื่อเทียบกับอุปสรรคและความเหนื่อยยากที่ต้องเผชิญผิดเพี้ยน กลายเป็นความสับสน เบื่อหน่าย ท้อแท้และอาจถึงขั้นฝ่อไปได้

โดยส่วนตัวแล้ว เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ล่ะค่ะ ที่ครูปู “นับ” ว่าเป็นผลตอบแทนในวิชาชีพ ปลอบประโลมให้หายเหนื่อย ให้มีแรงฮึด ให้เบิกบาน เรียกความมั่นอกมั่นใจคืนมาได้หมด

กำลังนั่งเพ้ออยู่ดี ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหน่วยงานต้นสังกัดว่ามีคนไปทำเรื่องฟ้องร้องว่า ครูปูไล่ลูกเขาออกโดยที่ไม่มีความผิด ทั้งที่ความจริง เด็กมีความผิดจริง มีหลักฐาน พยานและคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว

หลังจากพูดคุยกับตัวเด็กและผู้ปกครอง ครูปูก็เสนอคณะกรรมการพิจารณาโทษสถานเบาให้แล้วด้วย เพื่อเห็ันแก่ตัวเด็กที่ผิดพลาดมาหลายที่แล้ว เมื่อมาเรียนที่นี่ก็ถือว่าปรับตัวได้แทบจะหน้ามือกับหลังมือจากเมื่อก่อนแล้ว  แต่อย่างไรก็แล้วแต่การลุแก่โทสะครั้งนี้ก็เป็นการกระทำผิดที่รุนแรง จึงลดโทษจากให้ออกเป็น ให้โอกาสทำเรื่องพักการเรียนด้วยตนเองไป 1 เทอม จะลงว่าด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่  ผู้ปกครองก็ยกมือไหว้ขอบอกขอบใจในความเมตตาและความเข้าใจที่เรามีต่อหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่างน้อยเด็กที่ทำผิดก็ยังได้มีโอกาสในการแก้ไข ระหว่างนี้ก็ถือเป็นการรับโทษที่ต้องไปปรับตัวใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมรอบใหม่

แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด หลังจากคุยกันเสร็จจึงกลับไปร้องเรียนที่ต้นสังกัด แล้วเฉไฉเรื่องทั้งหมดเสียใหม่ เปลี่ยนเราจากผู้มีพระคุณเป็นนางมารร้ายในบัดดล (ซึ่งหน้าก็ให้อยู่แล้ว แถมใจยังรักอีกด้วยสิเรา หุหุหุ :P)

เย็นนี้ได้มีโอกาสนั่งเมาท์กับกับน้อง ๆ ซึ่งต่างก็รุมสวดผู้ปกครองท่านนี้กันยับ พร้อมทั้งติงครูปูว่าไม่น่าไปเมตตาเล๊ย รู้งี้ไล่ออกแต่แรกตามโทษที่ควรจะเป็นซะก็ดี ทั้งครูทั้งลูกศิษย์ที่ซี้ ๆ ต่างเสนอความเห็นกันอย่างถึงพริกถึงขิง รวมทั้งเจ้าศิษย์เลิฟที่แอบฟังอยู่ในห้อง ก็ อุตส่าห์ดอดเข้าพูดคุยด้วยความห่วงใย

“อาจารย์อย่าเสียใจไปเลยนะครับ ที่เขาไม่เข้าใจอาจารย์ คนบางคนเขาอาจไม่เข้าใจก็ได้ว่าอาจารย์พยายามช่วยเขา ผมว่าสักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจ เหมือนที่พวกผมเข้าใจตอนนี้นะ ผมยิ่งคิดผมก็ยิ่งเข้าใจนะอาจารย์ เพราะเมื่อก่อน พวกผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พวกอาจารย์ทำซักกะนิด เมาท์แต่อาจารย์กัน ทั้งที่สิ่งที่ตัวเองทำอ่ะโ..ตรเลวอ่ะอาจารย์ แหะ แหะ ขอโทษคร้าบ พูดไม่สุภาพ

แต่จริง ๆ นะ อาจารย์ พวกอิฐก็เมาท์อาจารย์กันหาว่าอาจารย์จ้องจับผิดบ้าง เรื่องมากบ้าง เพราะอาจารย์ปูดุมากอ่ะ พวกผมก็ยิ่งกลัว พอกลัวแล้วก็ไม่กล้า พอไม่กล้า ก็ไม่ทำผิด พอไม่ทำผิด อาจารย์กลับมีทีท่าเปลี่ยนไป อาจารย์ชมพวกผม อาจารย์ทักทาย อาจารย์แหย่เล่นกับพวกผม ให้ความใกล้ชิด พูดเล่นพูดฮาด้วย  เดี๋ยวอาจารย์ก็ให้นู่น เดี๋ยวอาจารย์ก็อัดฉีดสปอนเซอร์ทีมพวกผม พวกผมทุกคนเลยเริ่มเข้าใจอาจารย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเลยครับ”

ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ๆ

เอามือไปวางบนหัวเจ้าลูกศิษย์ แล้วตอบไปว่า

“เรื่องแบบนั้นน่ะ อาจารย์ไม่เอามานับหรอกลูก แต่ลูกศิษย์ที่คิดดีคิดได้แบบอิฐนี่สิ ที่อาจารย์จะนับ ขอบใจนะลูกนะ” ^^

Post to Facebook

« « Prev : ศิษย์คิดหลอกครู

Next : เตรียม ตัว ตาย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "นั่งนับอิฐก้อนต่อไป"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.036178112030029 sec
Sidebar: 0.11069107055664 sec