ศิษย์อกตัญญูหาว่าครู”ไม่มีน้ำยา”
ตอนเด็ก ๆ พอทำการบ้านส่งเสร็จครูปูจะมีหน้าที่นวดให้ครูบ้าง ตรวจการบ้านแทนบ้าง เติมน้ำในแจกันบนโต๊ะครู วิ่งเอากับข้าวหรือเอาของไปเก็บที่บ้านครูบ้าง ไม่ว่าเราจะสนิทสนมกับคุณครูท่านนั้นมากน้อยแค่ไหนแต่หากถูกใช้ไหว้วานเราจะรู้สึกเต็มใจเต็มที่สู้ตายทุกเรื่อง
ถ้าเพื่อนคนไหนรู้เข้าก็จะยิ่งมาช่วยมะรุมมะตุ้มกันเข้าไปอีก เราเองจะหน้าบานเป็นจานข้าวแมวภูมิใจและเป็นเกียรติที่เราเป็นคนได้รับคำสั่งจากคุณครูมาโดยตรงเชียวนะ
อาจเพราะเรามองครูว่าสูงส่ง ไม่มีการจับผิดจ้องพลาดด้วยความลังเลสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นครูนะจะไปคิดจะไปมองท่านเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร
ครั้นพอได้มาเป็นครูเสียเองจึงได้เห็นจากอีกมุมหนึ่ง ด้วยภาระที่หนักอึ้ง หลายหน้าหลากบทบาท ทั้งสอนทั้งรับผิดชอบกิจกรรม ทั้งภาระติดตามให้การดูแล ประสานงานประสานความเข้าใจทั้งผู้ปกครองและฝ่ายต่าง ๆ ทำให้ตารางชีวิตในแต่ละวันแน่นเอี้ยด เวลากินข้าวแทบจะไม่มี ไปทางไหนเด็กก็ล้อมหน้าล้อมหลังจะเอาเรื่องนี้ จะเอาเรื่องนั้น เข้ามาทักทายชวนคุย พูดเล่นพูดหัว (ขืนไม่ทักตอบไม่เล่นด้วย เจองอน!)
ด้วยความสนิทสนมและความผูกพันที่มีต่อกัน ครูจึงมีเด็กเป็นกำลังสำคัญ (ถ้าไม่มีล่ะแย่เลย) ช่วยจัดเอกสาร พิมพ์งาน ช่วยกิจกรรม ครูทำอะไรหนูก็จะตามไปทำด้วย ค่ำมืดดึกดื่นต่อแสตนด์เชียร์ ทำอุปกรณ์ ทาสี เย็บฉากผ้า ขนอุปกรณ์ วิ่งซื้อข้าวซื้อน้ำ ระดมข้าวของเครื่องใช้และเสบียงเท่าที่ต้องการมาให้
ความมีน้ำใจและทุ่มเทของเด็ก ๆ ทำให้ครูอย่างเราพลอยหายเหนื่อยและประทับใจกับความน่ารักน่าเอ็นดูของพวกเขาไปด้วย ทำงานอย่างมีความสุขไปตลอดเวลา
พวกเขาอาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ครู มีแรงทุ่มเทกับภาระหน้าที่แห่งวิชาชีพนี้ได้ต่อไป
อย่างไรก็ตามการใช้ไหว้วานเด็กก็ต้องมีขีดจำกัด ยิ่งปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบางคนในวิชาชีพนี้ที่เป็นข่าวเป็นเรื่องให้ได้แบ่งปันกันไปอับอาย ครูก็ยิ่งต้องคำนึงถึงกันให้มาก ๆ
ครูปูคนหนึ่งล่ะที่มีชื่อเรื่องความสนิทสนมกับนักศึกษา จะใช้ไหว้วานอะไรใคร จะมีมือรับมือรองอยู่เพียบ ทั้งตัวนักศึกษาและเครือข่ายผู้ปกครองหลากอาชีพ หากเป็นเรื่องที่ครูปูร้องขอทั้งแม่ทั้งลูกทั้งบ้านจะตาลีตาเหลือกหามาให้ตามต้องการ
แต่ในเมื่อเป็นหัวหน้าเขา ไอ้เรื่องจะไปนั่งเล่าวีรกรรมผลงานความดีงาม ความทุ่มเทในอดีตที่เป็นผลของความร่วมมือที่ได้รับในปัจจุบันก็เกรงจะเป็นเรื่องโม้โอ้อวดไปเีสีย เผลอ ๆ ถ้าไม่เข้าใจนึกว่าเราใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่มิชอบ รับสินบาทคาดสินบนล่ะ ซ-ว-ย เลย
หัวข้อการวางตัวการรักษาระยะห่างระหว่างครูกับเด็กจึงมักเป็นวาระในที่ประุชุมที่ต้องแจ้งเตือนกันเป็นระยะ ๆ ยิ่งในช่วงปิดเทอมไม่มีการเรียนการสอนก็จะมีเด็กที่ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ หรือมาซ่อมกิจกรรม มาลงเรียนซ่อมแบบไม่เต็มเวลา เวลาที่เหลือก็จะมาขลุกอยู่กับพวกอาจารย์เสียเป็นส่วนใหญ่
ครูไปกินข้าวก็ขอเดินรวมกลุ่มไปกับเขาด้วย เขาหุงข้าวทำกับข้าวมากินรวมกันก็มาขอแจม รบกวนพ่อแม่ทำกับข้าวมาเผื่อ มาแบ่งปันกันอย่างสนุกสนานวุ่นวายและมักลงท้ายที่เด็กเป็นคนล้างจาน ?
ประเด็นนี้เคยพูดในที่ประชุมก่อนปิดเทอมไว้แล้ว แต่ทำอย่างไรได้เด็กเขาสนุกสนานที่จะขลุกอยู่กับคุณครูเขานี่ จึงทำได้ติงให้อาจารย์ระวังความรู้สึกของผู้ปกครองบางคน เดี๋ยวจะหาว่าเราใช้แรงงานลูกเขาไปนู่น มีนะคะไม่ใช่ไม่มี
แต่ปิดเทอมนี้ คุณครูคงเข็ดกับการใช้เด็กล้างจานกันแล้วล่ะค่ะ
เหตุเกิดในวันประชุมผู้ปกครองที่ผ่านมา อาจารย์สิบกว่าคนนั่งกินข้าวกันเป็นกลุ่มใหญ่กับศิษย์รักก้นกุฎิหลายคน กินเสร็จอาจารย์ฉลองผู้ที่เป็นเวรล้างจานประจำวันพอดีก็ออกปากสั่งเด็ก ๆ ให้ขนจานชามไปล้าง
“อาจารย์วางน้ำยาไว้ให้แล้วนะ”
เด็กผู้หญิง 2 คนก็รวบจานทั้งหมดแล้วลุกเดินไปห้องน้ำ คุณครูที่เหลือก็นั่งคุยกันต่อในโรงอาหารซึ่งเต็มไปด้วยผู้ปกครองและนักศึกษาที่กำลังกินข้าวเที่ยง หลังจากเสร็จกิจกรรมประชุมผู้ปกครองมาหมาด ๆ
อยู่ดีๆ ทุกคนก็อึ้งไปชั่วครู่แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะครืน…ใหญ่กันทั้งโรงอาหาร
เด็กผู้หญิงสองคนนั่นคงหาน้ำยาล้างจานไม่เจอหรือเจอแต่น้ำยาอาจจะหมด ประกอบกับมือที่เปียกน้ำแล้วคงไม่อยากเดินมาไกลจากซิงค์ล้างจานนัก จึงโผล่หน้ามาตะโกนตรงหน้าโรงอาหารพร้อมกันทีเดียวสองคน เสียงดังก้องกังวานคงกะให้อาจารย์ฉลองซึ่งนั่งอยู่ท้ายโรงอาหารได้ยินชัด ๆ
อาจารย์ฉลองงงงงงงง…ไม่มีน้ำยาาาาาาาา…
อาจารย์ฉลองแกหายวับเข้าใต้โต๊ะตัวนั้นทันใดพร้อมทั้งขมุบขมิบปากอย่างหัวเสียว่า
“ก็ว่าวางไว้ตรงนั้นนะ ทำไมไม่มีหรือว่าน้ำยาเราหมด หมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า ?”
« « Prev : เมื่อเฒ่าหัวงูมาดูงาน
Next : ทหารบุกหรือจะบุกทหาร? » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ศิษย์อกตัญญูหาว่าครู”ไม่มีน้ำยา”"