เมื่อเฒ่าหัวงูมาดูงาน

อ่าน: 2518

วันศุกร์ที่ผ่านมามีโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งมาขอเยี่ยมชมโรงเรียน นักเรียนแค่ 90 คน อาจารย์ 2 ท่าน เลี้ยงอาหาร ขนม น้ำ พาเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอน ห้องปฎิบัติการและการทำกิจกรรมต่าง ๆ มีผู้รับผิดชอบนำเสนอแต่ละส่วนอยู่แล้ว ไม่ยุ่งยากเลย

ครูปูมีหน้าที่คอยต้อนรับอาจารย์ผู้ใหญ่ที่มาด้วย บรรยายภาพรวมของการบริหารจัดการและตอบทุกคำถาม พาเยี่ยมชม ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงด้วย มอบของที่ระลึก ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกแล้วจัดรถไปส่ง เป็นอันเสร็จพิธี

ปัญหาที่เคยเจอสำหรับหน้าที่นี้คืออาจารย์ที่มาจากโรงเรียนรัฐ มักสงสัยในเรื่องวัยวุฒิของครูปูที่อาจดูไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้บริหารมักมีวัยวุฒิระดับหนึ่งกันแล้ว

ไม่ใช่มีแต่อาวุธ (ปาก) เหมือนเรา ฮ่าๆๆ

ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ถามด้วยความสงสัยทั้งหมดนั้นจะได้คำตอบอะไรกลับไปบ้าง แต่ถ้าเรารู้ตัวแล้วว่าเราทำอะไรได้ก็ทำไปอย่างสุดความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจก็คงไม่ต้องไปกังวลกับคำตอบในใจของใครต่อใครเขาหรอกเนอะ

(นี่ไงล่ะคะพี่เบิร์ดขา พวกศรัทธาจริต :P)

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่นแฮะ

อาจารย์ผู้ชายที่รับหน้าที่นำนักเรียนมานั้นอายุน่าจะใกล้ 60 อยู่รอมมะร่อกลับทำให้เจ้าบ้านอย่างครูปูกระอักกระอ่วนได้ดีพิลึก

เริ่มด้วยสายตาหยาดเยิ้มตั้งแต่ตอนครูปูแนะนำตัว ถามย้ำแล้วย้ำอีกถึงอายุ ไล่ไปถึงประวัติส่วนตัวนู่นนี่นั่น อาการนั่งบิดไปมาหัวเราะร่วนแบบที่ครูปูก็ยังงง ๆ ว่า(มัน)จะขำอะไรกันนักหนา(วะ)

ต่อด้วยไม่ว่าจะพูดอะไรก็เลี้ยวลงไป present ตัวเอง ประวัติชีิวิตเสเพลเอย ความโสดซิงจริง ๆ นะจ๊ะเอย  (who cares?)

ไอ้เราก็ควบคุมอาการสุดฤทธิ์

อ๋อ.. เหรอคะ

อ๋อ.. ค่ะ

อืม ค่ะ

ยิ้มไปฝืนไปใจก็นึกถึง Focky ที่บ้านอยากจะเอามาฉีดพรมเหงือกเพื่อไม่ให้ริมฝีปากติดค้างอยู่บนนั้นตอนหุบยิ้มลงมาเสียเหลือเกิน :(

อยู่ดี ๆ พี่แกก็ควักสมุดจดโทรศัพท์ออกมา

รบกวนขอชื่อและเบอร์โทรทุกเบอร์ที่ท่านรองมีด้วยนะครับ”

จดเบอร์โทรของโรงเรียนและเบอร์มือถือให้ไปตามมารยาท เพื่อเป็นการให้เกียรติอาจารย์เขาจะได้สามารถติดต่อเราได้โดยตรงเผื่อมีโครงการความร่วมมืออื่นใดในอนาคต พอยื่นคืนให้ดันผลักกลับมาแล้วบอกว่า

ขอทุกเบอร์ที่มีเลยนะครับ”

เลยตอบไปว่า 2 หมายเลขนั้นเพียงพอที่จะติดต่อได้แล้ว

สิ่งที่ได้คือค้อนและเม้มปาก ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่เหมือนเป็นเพื่อนเล่น

แหม ท่านรองนะท่านรองแค่นี้ก็หวงไปได้

(ฮึ่ม!!)

อย่านะปูเอ๊ย เย็นไว้ลูก เย็นไว้ เธอ รษก.อยู่นะ นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอย่างเดียวนาเฟ๊ย

ต่อด้วยการพูดคุยที่เต็มไปด้วยเรื่องตลกโปกฮาแบบ 2 แง่ 3 ง่าม ครูปูก็ได้แต่วางหน้าเฉย ๆ ตอบเฉพาะเรื่องที่เป็นเรื่อง ก็จะให้ทำอย่างไรได้คนไม่มีมารยาทจะให้ไปอบรมกลางอากาศคงไม่ทันแก่เหตุแล้วล่ะค่ะ

รู้แล้วว่าความสนใจแกคงไม่ได้อยู่ที่เรื่องงานแล้วจึงขอตัวไปทำงานอื่นก่อน พอใกล้เวลาแล้วจึงกลับมาคุยต่อ

เคราะห์ซ้ำกรรมกระแทก!

พี่แกยังไม่ยอมหยุด

เจอทีท่าเฉย ๆ ของเราก็เลยเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการเกทับบลั๊ฟแหลกแทน

ดั๊น! ชวนคุยเรื่องการเมือง แถมยังมาชี้หน้าเราอีกนะ

“ได้ตามข่าวบ้างมั้ย ตามมั้ย ๆ ถ้าไม่รู้เรื่องเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”

(แหม… พอไม่ friend ก็ enemy เลยนะหล่อน)

“อ๋อ เหรอคะ มันยังไงนะคะ อยากรู้อยู่เหมือนกันหล่ะค่ะ” (กร่อด…กร่อด…)

ว่าแล้วพี่แกก็แพล่มไปเรื่อย คดีความที่ดินหน่ะคนมันอิจฉาศาลมันก็ฮั้วกัน ไม่มีข้อมูลอะไรเลยอ้างคำเดียวว่าคนมันอิจฉา

พอถูกถามก็เปลี่ยนไปเรื่องนู้นเรื่องนี้

อาจารย์ผู้หญิงที่มาด้วยก็ซักแต่แกไม่ฟัง ไม่ตอบ เลี่ยงไปเรื่อย

อุณหภูมิคงกำลังได้ที่อาจารย์ผู้หญิงจึงต่อว่า ว่าพูดไม่รู้เรื่อง ตอบไม่ตรงคำถาม แถไปเรื่อย

(เห็นไหมคะ บอกแล้วว่าอย่าชวนคุยเรื่องการเมืองกันก็ไม่เชื่อ)

ไอ้เราก็ว่าจะไม่แล้วเชียวน้า… (อย่าไปเชื่อค่ะ อย่าไปเชื่อ) ทนไม่ไหวซักค้านแกเป็นระยะ ไล่ถามแกทีละเรื่องให้แกตอบแล้วถามเพื่อสรุป  

“ตกลงอาจารย์คิดว่านา_กในดวงใจของอาจารย์นี่ผิดไหมคะ ผิดไหมคะอาจารย์ต้องตอบคำถามนี้ก่อนค่ะ

“เอ่อ…มันก็ผิดนั่นแหละ แต่แหม…คนอื่นไม่เคยทำเหรอ ไม่เห็นไปจับคนอื่นบ้างล่ะ ถ้าปล่อยก็ต้องปล่อยทุกคนสิ”

งั้นจบค่ะอาจารย์ ขนาดอาจารย์ถือหางเขาอาจารย์ยังว่าเขาผิดแสดงว่าเรื่องความชอบความศรัทธามันก็เรื่องนึง เรื่องถูกเรื่องผิดก็ต้องว่าไปตามนั้น อาจารย์นี่เป็นคนที่มีความยุติธรรมมากเลย เห็นด้วยกับอาจารย์เลยค่ะ

แต่ประเด็นว่าคนอื่นไม่เคยทำเหรอ เราก็คงไปรู้ทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะคะแต่เรากำลังคุยเรื่องคนนี้คนเดียว ไว้วันหลังหลักฐานใครโผล่มาอีกเราค่อยมาคุยกันใหม่ (คงจะมีวันนั้นหรอกนะยะ!)

ก็เอาเป็นเรื่อง ๆ ไปนะคะ ส่วนจะไปเหมารวมว่าไอ้ความผิดแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ทำกันถ้าจับก็ต้องจับให้หมดถ้าไม่จับก็ไม่น่าไปถือโทษกับคนคนนี้เลย อันนี้ไม่ใช่แล้วมังคะ ทำผิดทำถูกไม่สำคัญขอให้เป็นสิ่งที่คนเขาทำกันเยอะๆ  ก็ถือว่าไม่เป็นไรเหรอคะ ?

ขโมยขึ้นบ้านอาจารย์แล้วตำรวจจับได้มันบอกว่าเพื่อนมันก็เคยขึ้นอีกหลังนึงแน่ะ ทำไมตำรวจไม่เห็นไปจับเพื่อนมันบ้างล่ะ อาจารย์จะให้ตำรวจปล่อยไอ้หมอนี่ไปทั้ง ๆ ที่มันยังถือข้าวของของอาจารย์อยู่โทนโท่เนี่ยะนะ ?

คนเป็นครูบาอาจารย์แบบเราคงต้องระวังความคิดแบบนี้มาก ๆ เหมือนกันนะคะเพราะมันอันตรายต่อการสร้างจิตสำนึกให้กับเด็ก ๆ

ไอ้ที่บ้านเมืองเรามันวุ่นวายอยู่นี่ก็เพราะคนในสังคมขาดจิตสำนึกกันแบบนี้แหละค่ะ

มันทำให้คนไม่รู้น้ำหนักกะไม่ถูก จะพูด จะคิด จะทำ จะวางตัว ไม่รู้แค่ไหนเหมาะ ไม่รู้เมื่อไหร่พอ มันกะผิดไปหมด

แล้วไอ้ที่น่ากลัวคือไม่รู้ตัวด้วยสิคะ ใครจะส่งสัญญาณอะไร ยังไงก็ไม่รู้เรื่อง ใครเขาจะบอกจะเตือนก็ไม่กล้าทำได้แค่วางเฉยกันไปรอให้รู้ตัวเอง

ขนาดเขาเฉยจนผิดสังเกตแล้วก็ยังไม่รู้ตัวอีก ไม่ฟังใคร ไม่เอ๊ะ ไม่เฉลียวใจ ไม่รู้จักสังเกต อันนี้นี่พาลให้เสียชื่อ เสียงาน เีสียความเคารพนับถือที่ตัวเองมีไปได้เลยนะคะ”

(อาจารย์ผู้หญิงยิ้มแก้มแทบปริ หลังจากนั่งฟังมานานเพราะเถียงอาจารย์ผู้ชายไม่ทัน)

“ใช่ๆๆ อย่างน้องพูดนี่ถูกเลย แหม พี่ยังไม่เคยเห็นใครอธิบายให้แกฟังได้อย่างนี้สักที รอมานานแล้วได้แต่ว่าแกว่าแถไปเรื่อย ข้าง ๆ คู ๆ แกก็ไม่เคยฟังใคร”

(หันไปทางอาจารย์ผู้ชาย)

เห็นมั้ยพี่หนูบอกพี่แล้วนะว่าต้องคุยกันแบบใช้เหตุใช้ผลแบบนี้ ที่พี่พูดมาไม่สมเหตุสมผลซักกะอย่าง ตอบอะไรก็ไม่เห็นจะได้ แล้วอย่ามาโกรธน้องเขาล่ะ พี่เป็นคนชวนน้องเค้าคุยเองนะ”

เอ่อ… พี่เบิร์ดขา  กรรมฐานที่ว่าตรงกับจริตหนูนี่  มันอะไรแล้วนะคะ สงสัยหนูคงต้องขอลาไปปฎิบัติใหม่อีกนานเลยล่ะค่ะ

ว่าแล้วอี่น้องก็คงจะต้องข๊อ…ลาาาาาา

เตร๊ง..เตรง…เตร่ง…เตร๊ง….

:(

Post to Facebook

« « Prev : หอมกลิ่นอดีต

Next : ศิษย์อกตัญญูหาว่าครู”ไม่มีน้ำยา” » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "เมื่อเฒ่าหัวงูมาดูงาน"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.028698921203613 sec
Sidebar: 0.099581956863403 sec