เรื่องเล่าของชายชรา

636 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 ธันวาคม 2010 เวลา 22:22 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5122

เก้าโมงกว่าแล้ว สรุปงานให้เจ้านายยังไม่เสร็จ ก็ต้องยกหูโทรศัพท์นัดหมายแท็กซี่มารับเวลา 14.15 น.เพื่อเดินทางไปขึ้นรถเมล์ระหว่างประเทศ ขอนแก่นสะดวกขึ้นเมื่อมีบริษัทแทกซี่ถึงสามบริษัท มากกว่า 150 คัน คอยรับใช้ผู้คนเดินทาง

นับสิบสิบปีทีเดียวที่ไม่ได้นั่งรถเมล์ไปไหนมาไหน เพราะมีรถที่ทำงาน มีรถส่วนตัวไม่ว่าใกล้ไกล ไม่เคยนั่งรถเมล์มานาน มาคราวนี้ผมจำเป็นต้องนั่งรถเมล์ไปต่างประเทศ ขอนแก่น-เวียงจัน อย่างน้อยแค่สองเดือนมานี่ผมนั่งมา 4 เที่ยวแล้ว แม้ว่าสภาพรถจะไม่เจ๋งเหมือนนครชัยแอร์ ก็พอรับได้ ผู้โดยสารไม่มาก แต่ละเที่ยวมีประมาณครึ่งคันเท่านั้น

นึกถึงจอมป่วนที่เดินทางบ่อยและเอาหนังสือไปอ่าน ผมมีหนังสือป๊อกเกตบุ๊ค เต็มบ้าน จะล้มทับตายสักวัน บางคนที่บ้านว่าอย่างนั้น อิอิ ไม่ได้อ่านหรอก ซื้อเล่มที่ชอบๆเก็บไว้ มาคราวนี้แหละที่จะมีเวลาอ่านขณะนั่งรถเมล์ไปเวียงจัน…

คราวก่อนผมคว้าเล่มใหญ่ของ เชอเกี่ยม ตรุงปะ รินโปเช “วัชราจารย์ชาวทิเบต ผู้ใช้เวลากว่า ๒๐ ปี ในการเผยแผ่พุทธศาสนาในซีกโลกตะวันตก เขาได้ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมชัมบาลากว่า ๑๐๐ ศูนย์ทั่วทั้งทวีปอเมริกาและยุโรป ก่อตั้งมหาวิทยาลัยนาโรปะ มหาวิทยาลัยแนวพุทธในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีงานเขียนที่ตีพิมพ์แล้วกว่า ๔๐ เล่ม

เชอเกียม ตรุงปะ เป็นธรรมาจารย์ชาวทิเบตเพียงไม่กี่ท่าน ที่ยอมทิ้งคราบของความเป็นพระ และวัฒนธรรมทิเบตที่เขาเติบโตมา เพื่อการทำความเข้าใจชีวิตนักเรียนชาวตะวันตกของเขาอย่างไม่ถือตน คำสอนสำคัญในเรื่อง “วัตถุนิยมทางจิตวิญญาณ” ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้ชาวพุทธได้หันกลับมามองในเรื่องของการใช้หลักธรรม หรือภาพลักษณ์ความสูงส่งทางจิตวิญญาณเพียงเพื่อการหลอกตัวเอง อย่างปราศจากการนำพุทธธรรมมาฝึกฝนปฏิบัติจริงในชีวิต”

เล่มใหญ่มากๆ อ่านไม่ทันจบ คราวนี้ผมคว้าเล่มเล็กไป ชื่อ “เรื่องเล่าของชายชรา” ของอาจารย์ รศ ดร.วารินทร์ วงศ์หาญเชาว์ ในเวลาสองชั่วโมงครึ่งผมอ่านจบลงด้วยสำนึกเป็นล้นพ้น ผมไม่ใช่ศิษย์ท่านแต่ก็เคารพท่านดั่งอาจารย์ ไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่ก็มีโอกาสได้พบท่าน 1 ครั้งสมัยที่ท่านเป็น ผอ.สถาบัันวิจัยจุฬาฯ และท่านอาจารย์ ดร.ชยันต์ วรรธนภูติ อาจารย์ที่ปรึกษาผมสมัยเรียนที่เชียงใหม่ แนะนำให้ไปหาท่านอาจารย์วารินทร์ ท่านมีส่วนให้ผมได้เป็นสมาชิกสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย และได้รับทุนทำวิจัยในฐานะ นักวิจัยรุ่นใหม่เพื่อสังคม

เรื่องเล่าของชายชราได้ส่งผลสะเทือนผมมาก จนผมทำในสิ่งที่อัดอั้นมาหลายสิบปี คือโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเก่าแก่ที่เขาปลดระวางตัวเองจากครูสอนเด็กเป็น สว. ดูแลต้นไม้อยู่ที่บ้านเมืองอุบล เมื่อผมคุยกับเพื่อนรักด้วยความละอายตัวเอง ผมต้องการขออภัยเขาที่ครั้งหนึ่งผมทำผิดกับเขาไว้ เมื่อ 30 ปีเศษมาแล้ว…

หนังสือเล่มนี้เล่าว่า….ชายชราเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ดร.หลิวมารับ แล้วก็ไปยังที่พัก ในโรงแรมหรู 5 ดาว คืนนั้นประมาณตี 4 ชายชรารู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัด นอนไม่หลับ ชายชราจำได้ว่าคนที่ตายเพราะโรคหัวใจนั้น ส่วนมากจะตายในช่วง ตี 4 ตี 5


ชายชราลุกขึ้นจากเตียง เดินไปมาโดยคิดว่าวิธีนี้อาจจะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น แต่ทันใดที่ลุกขึ้นนั่งบนขอบเตียงเพื่อที่จะยืนขึ้นจะได้เดินได้ ชายชรารู้สึกวิงเวียนศีรษะเหมือนคนเมากัญชา ผนังห้องหมุน ผอืดผอมอยากอ้วก ชายชราตกใจมาก เมื่อควบคุมสติได้…….รุ่งสางจึงโทรศัพท์ถึงภรรยามีปัญหาจะกลับเมืองไทยทันที ให้ภรรยาโทรหาเลขาสำนักงานเลื่อนนัดหมายทั้งหมดออกไป เมื่อบินถึงกรุงเทพฯก็เข้าโรงพยาบาลทันที…

ผลการตรวจสอบ เส้นเลือดชายชราตีบถึงสามเส้น ต้องทำการผ่าตัด บายพาส ..ให้กลับบ้านไปก่อนแล้วเตรียมตัวผ่าตัด..

ทันทีที่รู้ว่าต้องทำบายพาส ชายชรานึกถึงความตาย การทำบายพาสครั้งนี้อาจจะพลาดทำให้ถึงตายได้ ถ้าหากต้องตายควรทำอะไรก่อนถึงวันทำบายพาส ตลอดชีวิตทำอะไรไว้บ้าง มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์อย่างไร อะไรคือสิ่งสำคัญของชีวิต อะไรคือเป้าหมายแท้จริงของชีวิต ชีวิตเกิดมาทำไม ชายชราคิดวนเวียนกลับไปกลับมาถึงเรื่องเหล่านี้ทั้งวัน….

ลูกๆของอาจารย์ยังยืดเวลาการทำบายพาส โดยการวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกมาให้อาจารย์ปฏิบัติ… และอาจารย์ก็สุขภาพดีขึ้น ไปทำงานได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่เอางานมาทำที่บ้าน

ครั้งหนึ่งอาจารย์ ดร.สนิท สมัครการ ชวนท่านไปดูพื้นที่ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ต้องทำร่วมกันที่เชียงราย นั่งรถไปพักที่ลำปาง อาจารย์เกิดไม่สบายหนัก ในที่สุดต้องเอารถพยาบาลจากลำปางไปส่งถึงโรงพยาบาลประจำที่กรุงเทพฯ โดยมีภรรยาท่านอาจารย์ซึ่งบินด่วนจากกรุงเทพฯไปรับท่าน ระหว่างทางที่อยู่ในรถพยาบาลนั้น อาจารย์เขียนบันทึกไว้ว่า…

ระหว่างทางจากลำปางถึงกรุงเทพฯ ชายชราไม่พูดไม่จาอะไร นางพยาบาลสองคนที่นั่งมาในรถคอยดูแลชายชรา คุยกันเองตลอดทาง แม่เฒ่า(ภรรยาท่าน) ร่วมวงคุยด้วยเป็นครั้งคราว เมื่อชายชราได้ยินเสียงแม่เฒ่าที่ชวนคุยทุกครั้งชายชรารู้สึกว่าช่างเพราะพริ้งอะไรเช่นนี้ ชายชราอดคิดถึงเมื่อคืนที่คุยกันไม่ได้ ชายชราอยากเข้าสวมกอดหญิงชราเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ในสภาพตอนนั้น ความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย ที่แม่เฒ่าให้แก่ชายชราตลอดมานั้น ทำให้ชายชราน้ำตาซึมออกจากเบ้าลูกตาอย่างไม่รู้สึกตัว..


แต่แล้วอาจารย์ก็ชวนภรรยาไปเที่ยวพักผ่อนในเมืองจีนที่ทั้งสองท่านชื่นชอบ โดยมีเพื่อนอาจารย์ชาวจีนร่วมเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน… เป็นการใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย อีกไม่นานต่อมาอาจารย์ก็จากไป……

กราบท่านอาจารย์วารินทร์ วงศ์หาญเชาวน์จงไปสู่สรวงสวรรค์เถิด

ผมไม่ทราบว่าหากท่านผู้อ่านได้อ่าน เรื่องเล่าของชายชราเล่มนี้จริงๆแล้วท่านจะรู้สึกอะไรบ้าง แต่ผมนั้น ระหว่างที่นั่งรถเมล์ไปเวียงจันครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมได้ทบทวนชีวิตของผมอีกครั้งหนึ่งที่มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง โดยมีเรื่องราวของชายชราท่านนี้ปูพื้นอารมณ์และฐานคิด

ผมตั้งสมมุติฐานไว้ว่า อายุปีที่ 61 ของผมนั้นเป็นปีสุดท้ายของชีวิต ผมควรจะทำอะไร..

——–

บันทึกจากโรงแรมอนุ เวียงจัน

(ดูแหล่งที่มาข้อมูล)


ไปเวียงจัน..

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 ธันวาคม 2010 เวลา 13:56 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1007

ช่วงนี้เร่งทำงานใหม่ครับ

และวันนี้เดินทางไปเวียงจัน

อยู่นั่นสองวัน แล้วกลับมาขอนแก่น

คงมีอะไรกลับมาบ้างครับ



Main: 0.075125932693481 sec
Sidebar: 0.15782999992371 sec