โจทย์เดียวกัน
อ่าน: 4911ระหว่างนั่งรถ ขอนแก่น-เวียงจัน ทริปนี้คนมากกว่าคราวที่แล้วแต่ก็ไม่เต็มคัน ยังมีที่ว่างสัก 40% แน่นอนทุกครั้งจะมีฝรั่งที่มีเมียไทยเมียลาวมาด้วยอย่างต่ำ 1 คู่ ลาวก็คงนิยมมีสามีฝรั่งเหมือนสาวบ้านนอกไทย
ยังนึกขำ วันก่อนไปรับสินีที่สนามบิน ก็พบชาวบ้านมากันเต็มคันรถมาส่งฝรั่งกับภรรยา คงไปต่างประเทศ ชาวบ้านที่มาด้วยก็คงเป็นญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาถือโอกาสมาดูเครื่องบินเพราะดูกันไม่วางตา มีหนุ่มๆสองสามคนถือโอกาสดี ตั้งวงเล็กๆท้ายรถนั่น เอาเบียร์มาดื่มกัน ส่งเสียงกันดังลั่นเทียว
สักพักก็มีเด็ก ก็คงเป็นลูกหลานภรรยาฝรั่ง ที่ถือโอกาสขอตังค์ไปซื้อขนมมา ได้ยินเขาเรียกชัดเจนว่า จิมมี่ จิมมี่ มานี่… ผมฟังชัดเจน ไม่ผิดตัว เขาเรียกเด็กลาวคักๆนั่นแหละ ลูกหลานอีสานบ้านเฮากลายเป็นจิมมี่ไปแล้ว…
ย้อนมาในรถ ขอนแก่น-เวียงจัน ราคามันช่างถูกกระเป๋าดีแท้ 180 บาทครับท่าน หากถือพาสปอร์ตมาก็เขียนใบผ่านแดนก็ผ่านฉลุย ไปเสียค่าเหยียบแผ่นดินดินลาว 40 บาท
ที่สถานีรถปรับอากาศขอนแก่นก่อนรถออก ผมเห็นวันรุ่นหนุ่มสามสี่คน แต่งตัวงี้ อย่าให้พูด อิอิ เราเข้าใจได้ มีคนหนึ่งนอนหลับไปน้ำลายไหลยืด เพื่อนๆมาเขย่าทำนองว่า เฮ้ยรถจะออกแล้ว เขาตื่นขึ้นมางัวเงีย หยิบเอาหมวกมาสรวมเข้าไปแถมบิดแก็ปไปข้างๆอีก จ๊ากสส์ ผมนั่งขำอยู่คนเดียว นี่มันเพิ่งตื่นหน้าตาดูไม่ได้เลยยังกลัวไม่เท่ห์..
ทำไปทำมา โธ่ ไปรถคันเดียวกัน ดันมานั่งติดกันอีก….ผมเดาสถานการณ์ไว้เลยว่า เป็นแรงงานลาวที่มาทำงานในไทยแล้วนัดกันกลับบ้าน….
เมื่อรถออก หนุ่มแต่ละคนก็หยิบเอามือถือใหม่เอี่ยมมาเล่นกัน หยิบเข้าหยิบออกนั่นแหละ เปิดโน่นเปิดนี่ แล้วก็หันไปคุยกัน ผมแอบฟังเขาพูดกัน ผมเลยหันไปยิ้มแล้วถามเขาว่า มา เฮ็ดเวียก ในไทยที่ไหนครับ เขาบอกว่า ไปทำงานที่มาเลเซีย..???
จ๊ากสส ผมผิด… แล้วเขาก็เล่าต่อว่า ไปทำงานลงเรือประมง มีไต้ก๋งเป็นคนไทยเลยสื่อสารกันได้ ไปไกลถึงอินโดโน่น….. กลับมานี่มาเกี่ยวข้าว…..ฯลฯ
ผมถามบ้านว่าอยู่ที่ไหนเผื่ออยู่ในพื้นที่ที่ผมจะไปทำงาน…แต่ไม่ใช่..
นครเวียงจันกำลังฉลองครบรอบ 450 ปีสร้างบ้านแปงเมือง กำลังจะมีวันชาติวันที่ 2 ธันวานี้ เพิ่งฉลอง อนุสาวรีย์วีระกษัตริย์ เจ้าอนุวงศ์ เพิ่งจะฉลองอายุครบ 90 ปีท่านไกรสอน พมวิหาน งานก่อสร้างเต็มบ้านเต็มเมือง งานที่ผมมาทำก็เป็นหนึ่งในแผนงานสร้างชาติแปงเมืองของเขา
แต่การไหลบ่าของทุน ไม่มีทางสกัดกั้น และดูเหมือนความพยายามรัฐบาลจะ “สร้างตัวกรอง” แต่เราก็เห็นคนลาวรุ่นใหม่นำเข้าวิถีชีวิตจากไทย จากสังคมทุนเข้ามาอย่างที่ผมเห็นวันนี้ มันไม่ต่างไปจากสังคมบ้านเราหรอก
กลางนครเวียงจัน รัฐประกาศระเบียบว่า ให้แม่หญิงลาวนุ่งผ้าถุงแม้ว่าจะเดิอนบนถนนหรือที่ไหนๆก็แล้วแต่ ปกติแม่หญิงลาวก็นุ่งอยู่แล้ว แต่เด็กวัยรุ่นเริ่มนุ่งกางเกงขาสั้นกันหนาตาแล้ว อย่างน้อยในรถที่ผมนั่งมานั้น แม่หญิงลาวหลายคนที่มาด้วยไม่มีสักคนที่นุ่งผ้าถุงกลับบ้าน…?
ท่ามกลางการสร้างชาตินั้น สิ่งที่เป็นเปลือกเหล่านี้มันเข้ามามากกว่าสาระแท้จริงที่ควรจะเป็น…
มันเป็นโจทย์เดียวกันไปหมดพี่น้องลาวเอ๋ย..