อยู่กับนิ่ว
อ่าน: 2221
รู้มาสองปีแล้วว่าในร่างกายมีนิ้วขนาดเล็กอยู่ที่ถุงน้ำดี พบโดยบังเอิญคราวที่ไปตรวจร่างกายประจำปี ที่โรงพยาบาลเอกชน พบแล้วก็จิตใจวุ่นวาย ไปหาคุณหมอ ญาติป้าจุ๋ม ท่านชำนาญเรื่องนี้ก็บอกไปทำสแกนซะให้มันชัดๆไปเลย ท่านก็ออกใบสั่งไปให้ รพ.ศรีนครินทร์จัดการด้วยทุนตัวเองทั้งที่มีประกันสังคมก็ไม่ได้ใช้
ผลออกมาก็ย้ำชัดเจนว่ามีก้อนนิ่วเล็กๆ คุณหมอถามย้ำว่ามีอาการอะไรไหม ผมก็ว่าไม่มี ไม่เคยมี จะมีก็เมื่อรู้ว่ามีนิ่วนี่แหละแม้ว่าก้อนจะเล็ก แต่จิตเราบอกว่ามันใหญ่ อิอิ เมื่อไม่มีอาการก็ไม่เป็นไร จะเอาออกก็ได้ คุณหมอก็ให้ยามาทาน
แล้วไปทำงานเพลินไปเลย ยาหมดก็ไม่ไปหาคุณหมออีก เพราะมันไม่มีอาการนี่แหละ อาศัยพยายามปรับตัวใหม่ ทานน้ำมากๆ งดเว้นอาหารที่มีมันๆ และใบไม้หลายชนิดก็ไม่ทาน แหมฟังดูอย่างกับวัว ควายที่กินใบไม้แน่ะ.. ก็ผมกินมังสะวิรัติ ส่วนใหญ่เป็นผักใบไม้ จริงๆก็ใกล้วัวควายเข้าไปทุกทีแล้วนา..อิอิ
คราวนี้เกิดสนใจร่างกายขึ้นมา เพราะจะข้ามไปทำงานฝั่งลาว แม้ว่าช่วงนี้ชั่วคราว แต่ต่อไปงานระยะยาวรอคอยอยู่ จึงอยากจัดการเรื่องสุขภาพให้เรียบร้อยก่อน อย่างอาวเปลี่ยนต้องข้ามมาหาหมอบ้านเรา สั่งยาจากบ้านเรา
เมื่อวานไปหาหมอฟัน แหมจริงๆน่าจะเรียก “หมอแข่ว” เพราะ “หมอฟัน” นี่มันแทงใจดำจริงๆ วันนี้ไปหาหมอนิ่ว จริงๆก็อยากไปหาข้อมูลเช่นเคย เพราะเคยทราบมาว่า หมอชำนาญการเฉพาะด้านนั้น จะมานั่งให้กลุ่มประกันสังคมเฉพาะบางวันเท่านั้น ก็อยากไปเชคว่าหมอมานั่งวันไหน เมื่อถามแล้วก็ทราบว่าเดี๋ยวนี้หมอพลัดกันมานั่งทุกวัน งั้นก็ตรวจซะเลย
ผมเตรียมข้อมูลเดิมเอาไว้ในรถพร้อมแล้วจึงไปเอาแผ่น Xray สองชุดมา เดินตามขั้นตอนของระบบโรงพยาบาล จากหนึ่งไปสองไปสาม ตามที่เจ้าหน้าที่เขาจัดการให้ ซึ่ง 1 นั้นคือการคัดกรองว่าเป็นอะไรมาจะมาหาหมอเรื่องอะไร เขาก็จะเขียนใส่กระดาษให้เราถือไป ที่หมายเลข 2 ตรวจเชคว่ามีสิทธิประกันสังคมจริงหรือไม่ หรือหน้าตาเราเป็นพม่า เขมรปลอมตัวมา อิอิ เมื่อผ่านก็แทงตรงไปที่คุณหมอเฉพาะด้านเลย
ไปเริ่มเลขหนึ่งใหม่ ตรวจเชคว่าเคยมาไหม ชื่อที่อยู่จริงไหม โทรศัพท์ติดต่อเบอร์ไหน ฯลฯ แล้วก็บอกไปห้องเบอร์ 10 เธอพูดอย่างนั้นจริงๆ ผมก็หอบแผ่นฟีลม์ไปเดินดุ่ยๆไปหาหมอหนุ่มที่กำลังใช้โทรศัพท์อยู่ เสียงนางพยาบาลสองท่านหน้าห้องเรียกให้กลับมาก่อน ต้องมาผ่านโต๊ะสองโต๊ะนี่ก่อน เอ้า ก็อีหนูคนนั้นบอกให้ไปหมายเลข 10 ซึ่งเป็นห้องคุณหมอ ทำไมไม่บอกว่าไปที่โต๊ะหน้าห้องก่อนล่ะ นี่เรานึกในใจนะ ไม่ได้เปร่งเสียงออกมาให้บรรยากาศขุ่นไปหรอก เธอก็วัดความดัน(ชักจะทุรังบ้างหละ อิอิ) ถามน้ำหนัก การเต้นหัวใจ แล้วก็ไปหาคุณหมอได้
หมอหนุ่มหน้าตายิ้มแย้มครับ คงจะคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วและคงเป็นเรื่องดีดีมั๊งครับ เราก็เริ่มเล่าเรื่องให้ฟังพร้อมทั้งยื่นเอกสาร แผ่นฟีล์มให้ทั้งหมด หมอเอามาอ่านโน่นนี่แล้วก็บอกว่า ชิ้นเล็กนิดเดียวนี่ มีอาการอะไรไหม ไม่มีก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยมันไว้อย่างนั้นดูแลสุขภาพเอา หรือจะเอาออกก็ได้ แต่การผ่าตัดทุกเรื่องมันมีความเสี่ยงทั้งนั้นนะครับ….หมอขู่ใส่เลย…ทีแรกก็ว่าจะตัดสินใจเอาออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป หมอมาพูดอย่างนี้ หดเลยเรา…
ถามว่ามันจะมีอันตรายสร้างปัญหาอื่นๆไหม หมอบอกว่าหากมันไม่ใหญ่และไม่มีอาการอะไรก็ไม่มีผลอะไร ยกเว้นว่ามันใหญ่และมีการอักเสบ ก็จำเป็นต้องตัดเอาออก แล้วเอาถุงน้ำดีออกมันมีผลอะไรไหม หมอก็ว่า ไม่มีอะไร แค่ละเว้นอาหารมันๆ นะ หมอว่าอยู่กับมันซะ เอาไว้มันอักเสบก็ค่อยมาดูอีกที หรือไปตรวจสแกนใหม่หากมันใหญ่ขึ้นก็ค่อยมาพบหมอใหม่ก็แล้วกัน….
เราแม้ตัวใหญ่แต่ก็เคารพเหตุผลของหมอ( เอ..ตัวใหญ่ตัวเล็กไม่เกี่ยวกับเหตุผลเลยน้า) ขอบคุณคุณหมอแล้วก็หิ้วเอกสาร แผ่นฟีล์มพะรุงพะรังกลับไปทำงานต่อ…
ขับรถไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อครู่ที่ผ่านมาทั้งหมด ทันใดนั้นก็นึกถึงป้าหวาน หันหัวรถกลับเข้าเมืองไปหาป้าหวานเจาะเลือดดูโน่นดูนี่อีกดีกว่า……