ต่อให้ 3G ก็เถอะ หาก…

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 กันยายน 2010 เวลา 23:30 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 857

สมัยเรียนที่เชียงใหม่ มีเพื่อนรัก เป็นชาวสงขลา เรารักกันมาก เรากินด้วยกัน นอนด้วยกันเที่ยวด้วยกัน อดอยากด้วยกัน ยามไม่มีเงินก็พลัดกันเอานาฬิกาไปจำนำ และเราถูกเสนอชื่อแข่งขันเป็นหัวหน้ารุ่นในปีที่ 1 ผมแพ้ เพราะมันพูดเก่ง เรียนไปได้ค่อนปี มันก็บอกว่า …ไอ้บู๊ดกูจะ en ใหม่ กูอยากเรียนวิศวะ.. แล้วมันก็ไม่ร่ำไม่เรียน ในที่สุดก็ไป Drop การเรียน เอาแต่ดูหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เรานอนห้องเดียวกัน เราก็เลยต้องดูแลมันไปด้วย เช่น กลางวัน หรือเย็นๆ มันนั่งอยู่ที่โต๊ะดูแต่หนังสือ ทำแบบฝึกหัด เราก็ไปซื้อข้าวกลางวัน ข้าวเย็น เอามาให้ เนื่องจากห้องอยู่ชั้นสาม เรายังไม่อยากขึ้นห้องก็ตะโกนให้มันหย่อนเชือกลงมา เราก็เอาข้าวห่อผูกเชือก มันก็ดึงขึ้นไป ..ห้า ห้า สนุกซะ

กลางคืนเราก็ชงโอวัลตีนให้มันกระป๋องเบ่อเริ่ม เพื่อนๆก็ว่า มึงเอาจริงอย่างนี้วิศวไม่พลาดแน่ๆ.. เมื่อเวลา Entrance มาถึงมันก็มั่นใจเต็มที่ วันสุดท้ายมันวิ่งจากห้องสอบไปหาพวกเราถึงห้อง… ไอ้บู๊ด..กูทำข้อสอบได้โว้ยยยย.. มันดีใจมาก และมั่นใจว่าไม่พลาด แล้วงานฉลองก็เกิดขึ้น อย่าให้อธิบายนะ..มันเหมือนหมาเลย เมา ซะ..

วันประกาศผลมาถึง… ทำไมมึงหน้าไม่ยิ้มเลยวะ.. ไม่มีชื่อกูว่ะ… ความเศร้ามาเยือนพวกเรา.. เมาอีกรอบหนึ่ง…


ด้วยความแน่วแน่ที่จะเรียนวิศวะให้ได้ เพื่อนรักคนนี้ลาออก แล้วกลับบ้านบอกเพื่อนๆว่า กูจะขอตังค์แม่ไปเรียนวิศวะที่ฟิลิปปินส์… เอ้า เมากันอีกรอบหนึ่ง…. ส่งมันกลับบ้าน

เราได้ข่าวว่ามันไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ จนจบและทำงาน แล้วไปเรียนต่อโทที่อเมริกา …เราไม่เจอะกันอีกเลยนานมาก..

จนเมื่อสัก 6-7 ปีที่ผ่านมาเพื่อนรุ่นเดียวกันนัดรวมรุ่น ควานหาเพื่อนทุกคนให้มาพบปะกันหน่อย นั่นเองเราจึงพบกันอีกครั้ง เพื่อนประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน โดยเป็นมือบริหารบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ระดับหลายพันล้านขึ้นไป

เมื่อสองสามปีมานี้ มันขึ้นมาเป็นผู้บริหารโรงงานผลิตกระดาษที่ขอนแก่น.. แต่หน้าที่การงานก็ไม่ได้พบกัน ผมส่งเด็กจบปวส.ที่เคยมาช่วยงานที่บ้านไปให้มันเลือกเข้าทำงานคนหนึ่ง เด็กคนนั้นก็ได้ทำงานจนปัจจุบันนี้

วันหนึ่งเราพบกันโดยบังเอิญที่สนามบินขอนแก่น มันตะโกนเรียก ไอ้ห่าบู๊ด.. มึงจะลงกรุงเทพฯหรือ..
เปล่ากูมาส่งคุณนายที่บ้านว่ะ เธอจะไปประชุมที่ ILO แล้วมึงทำไมหน้าตายุ่งๆจังวะจะลงกรุงเทพฯหรือ..

เออ แต่กูเสือกลืมมือถือไว้ในรถที่มาส่งกูว่ะ… ตายห่า ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด

ผมก็ยื่นมือถือให้แล้วก็บอกว่า มึงลองโทรไปตามพนักงานขับรถซิ ให้เขากลับมาเอามือถือมึงมาส่งด่วน.

ไอ้ห่า..กูจำไม่ได้สักเบอร์.. ตารางนัดหมาย หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลต่างๆอยู่ในนั้นหมด กูจะทำอะไรได้วะเนี่ยะ.. ซวยฉิบ…

มันเดินวุ่นวาย คิดหาทางจะเอาอย่างไรดี แล้วมันก็เดินไปที่ร้านขาประจำในสนามบินนั้น บอกช่วยโทรไปที่โรงงานให้หน่อย ด่วนจี๋ ….

เสียงประกาศขึ้นเครื่องแล้ว…

เห็นมันแล้วสงสารว่ะ มึงขาดมือถือมึงทำอะไรไม่เป็นเลย.. เอางี้มึงไปขึ้นเครื่องเลย เดี๋ยวกูจัดการให้ แล้วจะส่งมือถือไปให้มึงพรุ่งนี้เช้าเที่ยวบินแรก มึงไปรับเอาที่สนามบินนะ.. แล้วเราก็จัดการติดต่อโรงงานผลิตกระดาษให้ ซึ่งก็ตามได้และให้เขาจัดการทุกอย่างให้นายใหญ่เขาด้วย

ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ ต่อให้ 3 G หรือ 8 G มันก็ทำอะไรไม่ได้

จนกว่าจะผลิตรุ่นที่ หากลืมที่ไหนมันบินไปหาเจ้าของเองน่านแหละ..ห้า ห้า ห้า (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อเพื่อนคนนี้นะครับ) ใครสนใจเรื่อง 3 G อ่าน ที่นี่


เตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน ๒

23 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 กันยายน 2010 เวลา 21:37 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 741

สมัยทำงานที่สะเมิงนั้น นอกจากจะใช้มอเตอร์ไซด์ที่รักของเราแล้ว บ่อยครั้งที่ต้องใช้ปิคอัพ เพราะไปหลายวัน ตามแผนงานต้องไป 27 หมู่บ้านเพื่อประชุมทำความเข้าใจชาวบ้านเรื่องการจัดตั้งกลุ่ม Credit Union หรือกลุ่มออมทรัพย์ ก็ขออนุญาตผู้จัดการเอารถปิคอัพไปเพราะต้องเอาสัมภาระต่างๆไปด้วย เช่น ชุด เขียนที่เราเรียก ไวท์ บอร์ด เครื่องเขียน ขาตั้ง ของหลายอย่างเป็นวัสดุสิ้นเปลืองก็ต้องมีเก็บไว้ในห้องเก็บของ พร้อมที่จะเอามาใช้งานได้ ระบบสำนักงานปัจจุบันเขารู้เรื่องเหล่านี้ดี

สะเมิงนั้นห่างไกลเมืองเชียงใหม่ หากขาดเหลืออะไรแล้วยากลำบากที่จะซื้อหามาใช้ทันท่วงที การทำงานด้านนี้ต้องแม่น งานด้านสังคมสนับสนุนจัดตั้งกลุ่ม Credit Union นั้น ผมมีลูกน้องอีกสองคน เจ้าสาย กับสมจิต เป็นชาวบ้านที่เราพัฒนาเขาขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่โครงการ ติดสอยห้อยตามเราไปตลอดทุกที่ ให้เขาช่วยเรื่องการอบรมการทำบัญชีเบื้องต้นแก่ชาวบ้าน ดังนั้นเวลาเดินทางไป 27 หมู่บ้าน สองคนก็ไปกับเราด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ อาหาร เราไม่ต้องการรบกวนชาวบ้าน แค่ไปนอนบ้านชาวบ้านก็เป็นบุญคุณหาที่สุดมิได้แล้ว เราจึงซื้อถังแช่ ใส่ท้ายรถขนาด 1 คิว หรือเล็กกว่า สำหรับใส่อาหารเอาไปทำกินระหว่างเดินทางไปทำงานตลอด 5-7 วันนั้น ส่วนมากก็เป็นผัก เนื้อ และอื่นๆที่อยากกิน ซื้อน้ำแข็งก้อนใส่เข้าไป ก็กลายเป็นห้องเย็น กะให้พอก็แล้วกัน แล้วก็ตระเวนไป ค่ำนี้ประชุมบ้านนี้ นอนบ้านนี้ ค่ำโน้นย้ายไปบ้านโน้นนอนที่บ้านโน้น บางหมู่บ้านเราก็ขอนอนที่วัด ที่โบสถ์ และใช้วัดใช้โบสถ์นั่นแหละเป็นที่ประชุม เรียกว่าใช้สาธารณะสถานให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนเต็มที่ไม่ต้องไปสร้างห้องประชุม ประแชมอะไรให้มากความ พระท่านก็มานั่งฟังด้วย ก่อนเริ่มประชุมก็ไหว้พระซะ จบแล้วก็กราบพระด้วย


หากเป็นช่วงฤดูฝนในรถจะต้องมี มีดใหญ่ เลื่อย เชือก โซ่คล้องล้อรถ เตรียมพร้อมสำหรับฟันกิ่งไม้ ต้นไม้ที่มักโค่นลงมาทับเส้นทาง บางครั้งก็ใช้เวลาเป็นวันกว่าจะผ่านไปได้ และบางครั้งเราเอาหมูพ่อพันธุ์ไปให้ชาวบ้านด้วย รถมีอุปสรรคในฤดูฝนไปช้าไปหมูตายเลยก็มี โธ่เจ้าหมู เราไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้านะ.. ช่วงฤดูฝนเช่นช่วงนี้หละทุลักทุเลสิ้นดี เสื้อผ้าดูไม่ได้ เปียกชื้นไปหมด มีบ่อยครั้งรถติดหล่ม คนขับรถบนดอยจึงนิยมใช้ โตโยต้า มากกว่า อีซูซุ เขาบอกว่า รถที่ใช้น้ำมันเบนซินนั้นแรงดีกว่า หากรถติดหล่ม โตโยต้าจะเอาตัวรอดมากกว่า อีซูซุ อันนี้เป็นสถิติก็แล้วกัน แต่โตโยต้าก็เถอะ บ่อยครั้งเราต้องใช้วิธีย้ายคนไปอยู่ในกระบะหลังแล้วขย่มขณะที่รถวิ่งฝ่าร่องน้ำโคลน ประสบการณ์ชาวบ้านบอกว่า บันทำให้รถเกาะถนนมากขึ้น หรือไม่ก็พบบ่อยๆที่ หากขับมาคนเดียวหรือสองคนขย่มไม่ไหวก็เอาก้อนหินใส่เข้าไปท้ายกระบะนั้นให้มันหนักมากขึ้น แล้วก็ใช้ฝีมือขับลุยร่องโคลนลึกไปจนได้

เมื่อมาทำงานอีสานที่โครงการ USAID กับพวกอเมริกัน ฟอร์มใหญ่ ฟอร์มมาก บ้านพักใหญ่ๆ รถคันใหญ่ๆ ห้องทำงานใหญ่ๆ ตัวฝรั่งเองก็ใหญ่โตมโหระทึก พูดจาเสียงดังคับฟ้า สภาพการทำงานแตกต่างสิ้นเชิงกับสะเมิง มีพนักงานขับรถ ใช้รถจีป ประจำตำแหน่ง วิ่งไปมาระหว่างจังหวัดในอีสานท่องจนทั่วทะลุปรุโปร่ง เจ้ารถจี๊ปวิลลี่นี่ก็กิน(แดก) น้ำมันเป็นอูฐ (เอ อูฐมันกินน้ำนี่ ไม่ได้กินน้ำมันสักกะหน่อย) เติมน้ำมันร้อยบาทวิ่งไปกลับท่าพระขอนแก่นสองเที่ยวก็หมดแล้ว…ป๊าดดดด ไอ้กันนี่มันผลาญทรัพยากรจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ซึ่งข้าราชการหลายคนก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่นั่น จนจบโท จบเอก ผมเป็นลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์

ผมได้รับประสบการณ์ดีดีที่นี่เรื่องการเตรียมความพร้อมตามระบบนิสัยฝรั่งคือ เขาจะต้องจัด First Aids ใส่ไปในรถทุกคัน พร้อมใช้ เขารู้ว่าการใช้ชีวิตในเมืองไทยนั้นโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพมีอะไรบ้าง เขาก็เตรียมหยูกยาเหล่านั้นไว้มากกว่า First Aids ทั่วไป เช่น เขารู้ว่าบ้านเราน้ำดื่มไม่ได้มาตรฐาน อาหารไม่สะอาดเพียงพอ ฝรั่งท้องเสียมาก บ่อย เขาก็เตรียมยากลุ่มนี้ไว้ น้ำดื่มก็เอาไปด้วย หากหมดจริงๆเขาซื้อน้ำโซดาดื่มครับ ไม่กล้าซื้อน้ำดื่มใส่ขวดบ้านเรา

First Aids มีประโยชน์มากครับ บ่อยครั้งเราได้เอามาใช้ประโยชน์ ทั้งพวกเรากันเอง และชาวบ้านที่เราไปพบ และระหว่างทาง บางทีเราพบอุบัติเหตุก็ได้ใช้จริงๆ มีประโยชน์จริงๆ ผมติดเป็นนิสัยเลย ในรถส่วนตัวปัจจุบันก็ต้องมีชุดนี้อยู่ตลอด ไปที่ร้านขายยาบอกขอซื้อชุดนี้เขาก็จัดให้ หากจะเพิ่มเติมอะไรก็เพิ่มเข้าไป ไม่กี่บาทหรอก แต่เรามีความพร้อมมากกว่า เดินทางใกล้ ไกล ไม่ต้องห่วงเรื่องเหล่านี้ นี่คือประสบการณ์ที่ได้ แต่พึงระมัดระวังนะครับ หยูกยาเหล่านั้นมีอายุใช้งาน ต้องหมั่นตรวจสอบว่าหมดอายุหรือยัง เปลี่ยนซะ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ได้เอาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็เป็นกุศลไปอีก

เมื่อผมย้ายไปทำงานกับโครงการไทย-ออสเตรเลีย เรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ภาคอีสาน ฝรั่งออสซี่ ก็มี First Aids ที่นี่ใช้ โตโยต้าจีฟ กับรถตู้ ผมว่าทำงานกับออสซี่ทำงานง่ายกว่ามะกัน ลูกทุ่งๆ ง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองมากนัก แต่มีระบบชัดเจนแน่นอน บางคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ลามาทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาเพื่อหาประสบการณ์สนาม ผมเอาจีฟไปทำงานสนาม ขับไปเองที่มหาสารคาม แล้วกลับตอนเย็น ถนนจากมหาสารคามไปยางตลาด ออกมาจากตัวจังหวัดหน่อยเดียว พอถึงทางโค้ง ล้อหน้าซ้ายหลุด รถทรุดฮวบ ล้อรถวิ่งแซงไปข้างหน้าตกลงจากถนนยังวิ่งต่อไปจะชนบ้านชาวบ้าน พอดีมีคันนา มันจึงชนคันนากระดอนขึ้นสูงมากแล้วก็ตกลงมา ส่วนตัวรถที่ทรุดลงตัวถังรถสีไปกับถนนเกิดประกายไฟ ชาวบ้านแถวนั้นกรี๊ดกันใหญ่ แล้วก็พากันวิ่งมาที่รถ เมื่อผมควบคุมสติได้ก็ลงไปตรวจสภาพรถ ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ก็มาถึง เสียงเอะอะ แล้วต่างก็วิ่งไปที่ท้ายรถ ดูว่ารถคันนี้ทะเบียนเลขอะไร…

จะเอาไปซื้อหวยครับ…..


เมื่อเหยี่ยวมาเยือน

31 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 กันยายน 2010 เวลา 11:25 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2686

ที่หลังบ้านที่ขอนแก่นเป็นทุ่งโบราณ อาจเรียก บึง หนอง ห้วย ทาม ไม่รู้เรียกไม่ถูก แต่ทำหน้าที่รองรับน้ำที่ล้นเอ่อจากตัวเมืองขอนแก่นยามฝนตกมากๆ สมัยนี้น่าจะเรียกแก้มลิง

หมู่บ้านที่อาศัยอยู่นั้นเป็นดินถม จึงมีปัญหาการทรุดตัวของดิน เลยลามมาถึงตัวบ้าน ทำให้แก้ไขปัญหาตลอดมา กระนั้นก็ตามผมชอบสถานที่นี้เพราะหลังบ้านติดบึงดังกล่าวจึงเกิดวัชพืชขึ้นเต็มไปหมดตามธรรมชาติ คือต้นไมยราบยักษ์ และต้นจามจุรี ซึ่งทำให้เกิดร่มเงาหลังบ้าน และที่ชอบมากคือกลายเป็นทำมาหากินของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย แม้แต่งู… สัตว์ปีก พวกนกมีแปลกๆมาให้เห็นเรื่อยๆ

วันหยุดที่ผ่านมาผมได้ยินเสียงสัตว์ปีก เสียงเล็กๆ แอบดูก็ไม่เห็น ต้องพยายามฟังเสียงว่ามาจากไหน เรารู้มาก่อนแล้วว่าสัตว์ปีกแปลกๆนั้นมักมีสัญชาติญาณที่เร็วมาก แค่เราเปิดประตู หน้าต่าง มุ้งลวดมีเสียงดังเขาก็บินหนีไปทันที

จึงค่อยๆหาต้นตอเสียง คราวนี้เห็นแล้ว เป็นเหยี่ยว พยายามขยับมุ้งลวดแบบค่อยๆที่สุดเพื่อจะถ่ายรูปเขาเก็บไว้ เขายังได้ยินเสียงและจ้องมองมาทางผม โดยมีใบจามจุรีบัง พรางตัวเขาอยู่ ฉลาดจริงๆเจ้าเหยี่ยว คว้ากล้องมาถ่ายรูปเท่าที่ถ่ายได้ ก่อนที่เขาจะบินหนีไป และก็ไปจริงๆ แค่เราขยับตัวแสดงความเคลื่อนไหวนิดเดียว เขาก็บินหนีไป

ไม่ค่อยได้เห็นครับ เหยี่ยวแบบนี้ แสดงว่ามีอาหารของเขาคือพวกสัตว์ทั้งหลาย เช่น ปลาที่น้ำลดแล้วหนีไม่ทัน หรือหนู หรืออื่นๆ

เราไม่กวนเธอหรอกนะ แค่เก็บภาพเท่านั้น แล้วมาอีกนะเจ้าเหยี่ยวขนปุย



Main: 0.070791006088257 sec
Sidebar: 0.11784195899963 sec