หมาบางทราย

111 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 ธันวาคม 2009 เวลา 23:58 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2017

เมื่อเย็นไปตลาดใกล้บ้าน เพื่อเดินดูสินค้าผักพื้นบ้านมาเป็นอาหาร และตั้งใจซื้อสับปะรดมาจากเจ้าประจำ ซึ่งมีสองแห่ง อยู่หัวตลาด กับท้ายตลาด

แม่ค้าพอเห็นหน้าก็รู้แล้วว่า อีตาคนนี้เจ้าประจำ วันนี้จะเอากี่ถุง เท่านั้นแหละ ปกติก็ซื้อ 1 ถุง ราคายี่สิบบาท และผมมักจะเอ่ยปากว่า ขอแกนสับปะรดด้วย แม่ค้าก็หยิบแกนแถมให้

นานมาแล้วไม่มีใครขอแกนสับปะรด ถามแม่ค้าดูว่า เอาไปทำอะไรหากไม่มีคนขอ ..เอาไปให้ไก่กิน หรือทิ้งไป…. โห…เสียดายจัง เพราะเอาไปทำปุ๋ยน้ำหมักชั้นดีเลย แต่ดีกว่านั้นคือเอาไปกินน่ะซี


วันนี้ ไม่เหลือหลอ ดูเหมือนลูกค้าจะรู้แกวหมดแล้วว่า แกนสับปะรดนั้นอร่อยมากๆ ยิ่งเป็นสับปะรดบางพันธุ์นะครับ กรอบมากๆ แรกๆ..แม่ค้าถามว่าเอาไปกินหรือ..ผมตอบว่า เอาไปให้หมาที่บ้าน..อิอิ

ก็จริงๆ เอาไปให้เจ้าคุ๊กกี้ หมาที่บ้านจริงๆ แม้ว่าชาวบ้านจะบอกว่า ให้หมากินของหวานๆมันจะดุนะ.. แต่ผมก็ซื้อสับปะรดแล้วขอแกนมาให้เขาทุกครั้ง


เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มาถุงใหญ่เลย ก็เอามานั่งกับหมาหลังบ้าน เรากินอันหนึ่ง ให้หมาอันหนึ่ง แต่เจ้าหมากินไม่ค่อยเรียบร้อย ขะเหมือบสองสามทีหายเข้าไปในคอหมดแล้ว ต้องดุเขาว่าให้กินเรียบร้อยหน่อย

มาวันนี้ได้สับปะรดมาถุงหนึ่ง ได้น้ำใบย่านางขวดหนึ่ง ได้ฟักทองต้มใส่มะพร้าวและน้ำตาล แต่บอกเขาว่าไม่เอาน้ำตาล….อ้าวไม่มีผักเลย..

กลับมาบ้าน เจ้าคุ๊กกี้เคยชิน เพราะหากหิ้วถุงพลาสติกมา เขาจะต้องเอาจมูกมาดมพิสูจน์ทุกถุงไป เราก็ปล่อยให้เขาพิสูจน์ เหมือนหมาพิสูจน์ยาเสพติดของตำรวจเลย บางทีเขาซุกเข้าไปดมจนหัวมิดเข้าไปในถุงหมดเลย

เอากระเป๋าวางหมดแล้วก็เดินไปหลังบ้าน มุมเงียบของเรา เจ้าคุ๊กกี้ก็ตามไปโดยอัตโนมัติ เราหิ้วถุงสับปะรดไปด้วย เมื่อนั่งได้ที่ เจ้าคุ๊กกี้ก็นั่งตรงหน้าเรา เพราะเขารู้ว่าเวลาเราจะให้ของกิน เราจะสั่งให้เขานั่งให้เรียบร้อย แล้วจะได้กิน เมื่อเห็นถุงก็นั่งฉับ โดยไม่ได้สั่งเลย

หยิบแกนสับปะรดมาดู หลังจากที่ล้างน้ำให้สะอาดแล้ว ก็นึกว่า คราวนี้แม่ค้าให้มาน้อย คงเป็นเพราะแบ่งๆให้ลูกค้า ลูกค้าหลายคนคงชอบเหมือนเรา หยิบแกนแรกมาใส่ปากเราต่อหน้าคุ๊กกี้ เคี้ยวกร่วมๆ โฮ….แกนสับปะรดวันนี้อร่อยจริงๆ หันไปดูเจ้าคุ๊กกี้ ห้า ห้า น้ำลายไหลหยดลงพื้นเลย อิอิ

ตัดสินใจเอาสับปะรดให้คุ๊กกี้ เรากินแกนเอง จนหมด……

จ๊ากสสสสสส ที่บอกแม่ค้าว่าเอาแกนไปให้หมา…….. ห้า ห้า ห้า…..


บางมุมของระบบการศึกษา

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 ธันวาคม 2009 เวลา 20:19 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 739

อะตอมเล่าว่า เริ่มฝึกงานตั้งแต่เรียนอยู่ Year 11 ที่วินเชสเตอร์ คอลเลจ กับธนาคาร Standard Chartered ในประเทศไทย ตอน Year 12 ฝึกงานกับ HSBC ที่ลอนดอน ล่าสุดฝึกงานในทีมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณ์ จาติกวณิช…

เขาเล่าว่า การฝึกงานกับธนาคารในประเทศไทย และต่างประเทศนั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างและหลากหลาย เพราะในเมืองไทย ไม่ค่อยมีเด็กนักเรียนมัธยมมาฝึกงานกัน หรือเรียนรู้ดูงาน และมักจะได้รับคำถามว่า ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนที่เรียนไม่จบ จะมาฝึกงานทำไม ในขณะที่ต่างประเทศนั้น จะมีการต้อนรับอย่างเป็นระบบกว่า…

ในต่างประเทศเขาเข้าใจว่าเราไม่ได้มาเป็น In put ให้เขา เพราะเราเป็นนักเรียนแต่จะไม่มีการสั่งให้เราไปชงกาแฟ ไปถ่ายเอกสาร แต่เขาจะจัดการให้เราได้ learning ด้วยการไปดูการทำงานของทุกแผนก โดยอาจจะใช้เวลาครึ่งวันไปที่แผนก อีกครึ่งวันก็เรียนรู้จากการดูเอกสาร

บรรยากาศการทำงานก็แตกต่างกัน ในต่างประเทศเขาค่อนข้างจะ Serious มาก แต่คนไทยก็จะดูผ่อนคลายกว่า ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานที่หลากหลาย….

นี่คือส่วนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์ พศุตม์ วัชรสินธุ์ หรืออะตอม วัย 19 ปี หลานของนายกรัฐมนตรี่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ “พรายแสงดาว” ถ่ายทอดในหน้า “เยาวชนของเรา” ในสกุลไทยรายสัปดาห์ ฉบับที่ 2877 หน้า 130

ผมติดใจเรื่องการฝึกงานของนักเรียน และการให้ความร่วมมือของหน่วยงาน และกระบวนการฝึกงานของนักเรียนเหล่านี้ในต่างประเทศ

ที่ผมติดใจเพราะเมื่ออ่านบทความนี้แล้วนึกถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2542 ที่ลูกสาวผมปิดเทอมที่ NZ กลับมาบ้านที่ขอนแก่นแล้วบอกผมว่าอยากไปฝึกงาน เราแปลกใจที่ลูกสาวเสนอในสิ่งที่เด็กที่เรียนมัธยมศึกษาทั่วไปไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เธอบอกว่า “เพื่อนๆเขาไปหางานทำกันทั้งนั้นช่วงปิดเทอม หนูก็อยากทำงานบ้าง” ผมแอบยิ้มแล้วก็ติดต่อโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่ขอนแก่น ว่ามีเด็กมัธยมต้องการมาฝึกงาน โดยไม่ต้องการค่าตอบแทน ตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ถึงกระบวนการนี้ แต่เห็นดีด้วย เพราะมิเช่นนั้นเด็กวัยรุ่นวัยนี้ก็จะเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง ถลุงเงิน พ่อแม่ แต่นี่เธออยากฝึกงาน จึงสนับสนุน และโรงแรมก็รับเธอเข้าทำงาน

วันแรกเท่านั้นเธอก็ร้องให้กลับมาเลย อิอิ…

ทำไมล่ะลูก…. ผมถามเธอ เธอก็เล่าให้ฟังว่า เหมือนเหยื่อแรงงานที่จะมาทำงานขยะที่หัวหน้างานทิ้งขยะงานไว้ เธอถูกให้ไปเชคสต๊อคถ้วย ชาม แก้ว ฯลฯ ที่เป็นงานค้าง ตรวจเช็คใบสำคัญรับเงิน จัดระบบเข้าแฟ้ม เป็นงานที่หัวหน้างานทิ้งค้างไว้ทำไม่เสร็จก็โยนมาให้เด็กมาใหม่ทำต่อ …1 สัปดาห์ผ่านไปเธอบอกว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย นอกจากหัวหน้างานสั่งให้ไปทำโน่นทำนี่ ล้วนเป็นงานค้างที่ทำไม่เสร็จนั่นเอง….

เธอเกือบทนไม่ได้.. แต่เราก็นั่งคุยกับเธอว่า ไม่มีใครมาฝึกงานแล้วมาแต่งตัวสวยๆนั่งหน้าเคาท์เตอร์ ต้องผ่านงานพื้นฐาน งานขยะแบบนี้ก่อนทั้งนั้น (ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้เรื่องงานโรงแรม หรืองานระบบธุรกิจสักนิดเดียว) แต่ก็พยายามให้กำลังใจเธอ และเธอก็ทำงานแบบนั้นจนสิ้นสุดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้คือประมาณ 1 เดือน ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับไปเรียน ไฮสคูลต่อ เธอก็บอกว่า ก็ได้เรียนรู้มากเหมือนกัน เห็นหลังฉากของโรงแรมหรูระดับห้าดาวว่าเป็นเช่นไรบ้าง …ขออนุญาตไม่กล่าวถึงเพราะจะไปกระทบชื่อเสียงเขานะ…

ปีถัดมาเธอขอฝึกงานอีก คราวนี้ไปติดต่อบริษัทเอเยนซี่ขายตั๋วเครื่องบินที่ขอนแก่น ก็เป็นสำนักงานสาขาของบริษัทหนึ่ง เมื่อผู้บริหารเขาทราบว่า มีเด็กพูดอังกฤษได้อยากมาฝึกงานแบบฟรีๆไม่ต้องจ่ายค่าแรง ก็ยินดีรับ คราวนี้เธอได้นั่งโต๊ะและช่วยงานหน้าฟร้อนท์มากขึ้น เข้าใจระบบการจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน การจอง การเปลี่ยนแปลง การนัดหมาย ..ฯลฯ และเหนือกว่านั้นคือ การเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการธุรกิจในประเด็นต่างๆ ขณะที่เธอยังเรียนไฮสคูล แต่เด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ปิดเทอมก็ยังไม่มีใครมาฝึกงานแบบนี้เลย ไปสุมหัวอยู่โน่น ดิพาทเมนท์สโตร์

ประเด็น:

  • แนวความคิดเรื่องการฝึกงานในกรณีคุณอะตอม นั้น ยังไม่เกิดขึ้นในค่านิยมของเมืองไทย อาจจะมีบ้างแต่น้อยมาก
  • แนวความคิดเรื่องการฝึกงานแบบนี้ ทำไมไม่เกิดจากความคิดของนักวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ สถาบันอื่นๆ และขอรับการสนับสนุนจากบริษัทธุรกิจให้เป็นการเข้ามาเพื่อเรียนรู้มิใช่มาใช้แรงงาน ก็เห็น ธุรกิจเมืองไทยกำลังทำ CSR กันมิใช่หรือ
  • ความหมายของการศึกษานั้นกว้างขวางมากกว่าการเรียนในห้อง การฝึกงานแบบดังกล่าวก็เป็นกระบวนการเรียนรู้อีกแบบหนึ่งที่น่าสนับสนุนยิ่งนัก ทำไมไม่เกิดขึ้นในเมืองไทย
  • การฝึกงานแบบนี้ไม่มีคะแนนมาเกี่ยวข้อง เด็กเรียนรู้เต็มๆโดยไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนน
  • การฝึกงานแบบนี้ช่วยให้เด็กเรียนรู้ว่าตัวเองถนัดอะไร และไม่ถนัดอะไร จะช่วยให้เธอ เขา ตัดสินใจเลือกเรียนในระดับอุดมศึกษาได้ชัดเจนมากขึ้น

ผมตั้งประเด็นได้อีกเยอะ แต่ให้ท่านลองตั้งประเด็นบ้างก็ดีเหมือนกันนะ..



Main: 0.021756172180176 sec
Sidebar: 0.064419984817505 sec