ภาพเก่าเล่าเรื่อง 17 รดน้ำดำหัว

185 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 สิงหาคม 2009 เวลา 0:52 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม #
อ่าน: 7483

สถานที่: โครงการพัฒนาชนบทสมบูรณ์แบบ อ.สะเมิง

วันเดือนปี: ปี พ.ศ. 2518-2523

โดย: Fridrich Naumann Stiftung ภายใต้ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ

(ทีมงานโครงการรดน้ำดำหัว Mr. Klaus Bettenhausen ผู้รับผิดชอบโครงการ)

ต่อเติมทุนทางสังคม วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคเหนือเมื่อถึงสงกรานต์ก็นำน้ำส้มป่อยไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในชุมชน เพื่อขอขมาลาโทษสิ่งต่างๆที่ล่วงเกิน และขอพรจากท่าน

เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นต้นทุนทางสังคมที่ดีงาม เป็นการปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่มีสาระในการเชื่อมระหว่างรุ่น ระหว่างวัย ระหว่างบทบาทหน้าที่ให้ร้อยรัดต่อกัน

ผู้น้อยแสดงความเคารพ นับถือต่อผู้อาวุโส

ผู้อาวุโสก็แสดงเมตตาต่อผู้น้อย

น้ำส้มป่อยเป็นเพียงสื่อกลางที่ใจมีต่อใจ ตัวตนต่อตัวตน

ความขัดข้องหมองใจ ช่องว่างที่มีต่อกันก็ปิดลงด้วยประเพณีปฏิบัติของท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคนก็เชื่อมร้อยเป็นสายใยผูกพันต่อกัน เรื่องร้ายกลายเป็นดี เรื่องร้อนกลับเป็นเย็น การอึมครึมกลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส…

ของดีมีอยู่..

ที่เป็นรากของสังคมไทยเรา

ที่เป็นต้นทุนทางสังคมของเรา


ไปอยู่ป่ากันเถอะ…

9 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 สิงหาคม 2009 เวลา 12:37 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 1436

เมื่อเช้าเข้าไปเวียนลานมา หนีงานชั่วคราว (อิอิ อดไม่ได้) ไปเห็นประโยคเหล่านี้ที่ลานสวนป่าของพ่อครูบาฯเข้า..

….ผมแอบคิดเงียบๆนะ คนหัวโตผ่านงานสำคัญๆชั้นสูงมาแล้ว ใช้แต่สมอง ไม่ค่อยได้ใช้กำลังกาย พอมาลงมือลงไม้เลือดสูบฉีดอ็อกซิเจนวิ่งพล่าน เส้นเอ็นตึงตังแข็งแรง เหงื่อออกตามขุมขน ปอดผายหายใจแรงขึ้น โรคภัยต่างๆจะถอยออกไป ตามประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง เป็นบทเฉพาะการที่กำลังนำพากายประสานกับใจ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เข้าสู่ธรรมะภาคปฏิบัติอย่างแท้จริง ในที่สุดแล้วเราจะได้ผู้จัดการหมู่บ้านเฮที่เข้าถึงทุกอย่างทั้งทางภาคทฤษฎี และปฏิบัติ…

ผมเลยนึกถึงประสบการณ์ผมที่ทำงานที่นครสวรรค์ อุทัยธานี กับกลุ่มป่าห้วยขาแข้ง 6 ปี ที่นั่น ผมได้รู้จักเรื่องราวของชีวิต สังคม และการเปลี่ยนแปลงของโลกมากสมควร


ได้พบเศรษฐี ผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง ท่านเป็นเจ้าของโรงงานผลิตผ้าใบคลุมรถสิบล้อ หรือเทรเลอร์ใหญ่ๆยี่ห้อ BJ ซึ่งเป็นชื่อย่อท่าน ชีวิตท่านผู้ชายเกี่ยวข้องกับการเมืองของกรุงเทพฯมาพอสมควร ก็ย่อมมีพรรคพวกมากมาย ท่านผู้หญิงนั้นคุมกิจการและเจริญรุ่งเรืองมาตลอด

เมื่ออายุมากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บก็วิ่งมาทัน ทั้งสองท่านก็เป็นโน่นเป็นนี่ แม้ว่าจะมีเงินทองมากมายแต่ก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาล ลูกหลานก็บำรุงบำเรอแต่สิ่งดีดีเท่าที่จะหามาได้ในโลกนี้..

วันหนึ่ง(นานมาแล้ว)ท่านดูทีวีเห็นในหลวงทรงงานหนักเดินขึ้นลงป่าเขา เหงื่อตก..ฯลฯ.. เห็นสมเด็จทรงงานเพื่อชาวบ้านมากมาย.. สองท่านปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าเราไปอยู่ป่าปลูกป่ากันดีกว่า.. แล้วก็ยกกิจการทั้งหมดให้ลูก สองคนก็ตระเวนหาพื้นที่ชายป่าที่จะมาอยู่และจะปลูกป่าทดแทนบุญคุณประเทศนี้ ท่านเลือกที่ “เขาชนกัน” จังหวัดนครสวรรค์ อันเป็นเขตที่ผมทำงานอยู่ในขณะนั้น ความจริงท่านไปอยู่ก่อนผมจะไปทำงานแล้ว..


ผมไปแนะนำตัวกับท่าน แวะเวียนไปเยี่ยมท่าน และเรียนรู้ชีวิตของท่านทั้งสอง ไม่น่าเชื่อเลยว่า เศรษฐีสามีภรรยาคู่นี้จะมาใช้ชีวิตค่อนข้างโดดเดี่ยวเช่นนี้ ที่พักก็แสนจะง่ายๆ ชั้นเดียว ไม่ได้หรูหราสมราคาฐานะของท่านเลย ท่านใช้รถปิคอัพคุณภาพดีหน่อยเพราะต้องการใช้ปีนเขาไปดูป่าที่ปลูก ไม่มีคนใช้ มีแต่ชาวบ้านแวะเวียนมาช่วยเหลือเป็นครั้งคราว ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายที่เคยมีเมื่ออยู่คฤหาสน์ที่กรุงเทพฯ แค่เรียบง่าย เงียบ สงบ ร่มรื่น


กิจประจำของท่านคือ จ้างชาวบ้านมาปลูกต้นไม้ โดยท่านไปของพื้นที่จากกรมป่าไม้ว่าจะช่วยปลุกป่าให้โดยบริจาคทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างป่า..จ้างคนงานซึ่งเป็นชาวบ้านแถบนั้น กล้าไม้ที่กรมป่าไม้เอามาให้ ท่านใช้สารโพลิเมอร์ช่วยในการปลูกกล้าไม้เพื่อประกันว่าเมื่อปลูกแล้วโอกาสรอดมีมากกว่าปกติ ทราบแบบคร่าวๆว่าท่านควักกระเป๋าเพื่อการนี้นับสิบสิบล้านบาท

ผมใช้ชีวิตที่โครงการที่นั่น 6 ปี ป่าไม้ของท่านงอกงามขึ้นผิดตา ผมพาทีมงานไปช่วยท่านเป็นครั้งคราว และไปออกค่ายในพื้นที่ของท่าน

ท่านไม่ต้องการโฆษณา ไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ ท่านผ่านมาแล้ว ท่านบอกว่า ช่วงท้ายขอชีวิต ท่านขอ “ให้” ปลูกป่าถวายในหลวง สมเด็จฯ ให้กับสังคมและประเทศนี้ ท่านบอกว่า แค่ปลูกป่าให้ดีดีเท่านั้นอีกหลายอย่างจะตามมาโดยที่เราไม่ต้องตามไปสร้างมัน เช่น น้ำ อาหาร สัตว์ สิ่งแวดล้อมดีดี…..ฯลฯ…

จำได้ว่าปีนั้นมีฝนดาวตก ลีโอนิค ..ผมไปชวนนายอำเภอและข้าราชการ อ.แม่วงก์ขึ้นไปเยี่ยมท่านและนอนดูฝนดาวตกบนป่าในพื้นที่ที่ท่านทำกิจกรรมอยู่ เศรษฐีสองท่านให้การต้อนรับและสนับสนุน เป็นอย่างดี เราก็คุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง

ก่อนหน้านี้ลูกหลานท่านมากราบกราน ร้องขอ ขอร้องให้ท่านกลับไปบ้าน ลูกหลานสงสารสภาพที่อยู่ เพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลยเมื่อเทียบกับที่บ้าน ลูกหลานเป็นห่วง กลัวว่าจะอยู่ไม่ได้ จะเป็นอันตรายต่างๆนาๆ

ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่สุขภาพของท่านทั้งสองหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆหมดสิ้น แข็งแรง สดชื่น ท่านผู้หญิงทานมังสะวิรัติ ผมไปเยี่ยมท่านทีไรท่านก็ให้เห็ดโคนดองในขวดมาทุกที เพราะที่ อ.แม่วงก์นั้นมีเห็ดโคนป่าที่คุณภาพดีมากๆ ดอกใหญ่ พ่อค้ากรุงเทพฯขึ้นไปเหมาจากชาวบ้านทุกปีเมื่อถึงฤดูเห็ดออก เป็นคันรถเลย

ผมขออนุญาตไม่ระบุชื่อ สกุลท่าน ตามที่ท่านปวารนาไว้ว่าไม่ต้องการชื่อเสียง เกียรติยศใดๆทั้งสิ้น

เรื่องนี้เคยบันทึกไว้แล้ว มาบันทึกใหม่เพราะต้องการสนับสนุนประโยคของพ่อครูบาฯ และอนุโมทนากุศลกรรมที่ท่านเศรษฐีทั้งสองได้กระทำไว้แก่แผ่นดินนี้…

ด้วยความเคารพและศรัทธาครับ..


ภาพเก่าเล่าเรื่อง 16 หม่อมสามหย่อม

26 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 สิงหาคม 2009 เวลา 13:51 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 4403

สถานที่: โครงการพัฒนาชนบทสมบูรณ์แบบ อ.สะเมิง

วันเดือนปี: ปี พ.ศ. 2518-2523

โดย: Fridrich Naumann Stiftung ภายใต้ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ

พวกเราเรียกเขาว่าหม่อม หรือพี่ชาย หรือคุณชาย เพราะชื่อเต็มๆคือ มรว.อัฉรียชัย รุจวิชัย คนนครชัยศรี นครปฐม จบเกษตรศาสตร์บางเขน

หม่อมเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ออกจะเรทอาร์นิดๆ พอหอมปากหอมคอ ทำให้คำเรียกว่าหม่อมนั้นเพื่อนๆจะเอาไปเล่นซะสนุกเชียว เช่น ที่จั่วหัวไว้นั่นแหละ ชาวบ้านมีงานอะไรมักจะเชิญพวกเราไปร่วม เพราะเราบริจาคภาษีสังคมแล้วก็จะตั้งวงเหล้าขาว แล้วก็แหกปากร้องเพลงกันหามรุ่งเชียว..อิอิ (คิดแล้วบ้าจริงๆ..)

หม่อมไปทำงานสะเมิงเป็นรุ่นที่สอง ต่อมาโครงการขยายพื้นที่ไปที่ อ.ลี้ ลำพูน ตอนนั้นกำลังแยกเป็นกิ่ง อ.ทุ่งหัวช้าง หม่อมไปเป็นหัวหน้าโครงการที่นั่น

หม่อมมีความสามารถพิเศษเรื่องการร้องเพลงไทยสากลและเล่นดนตรีไทย ถึงกับเคยร่วมวงดนตรีกับทูลกระหม่อมพระเทพฯ สมัยที่เรียนอยู่ที่บางเขน เข้ากับชาวบ้านเก่ง ทำงานดี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูงและชาวบ้าน

วันหนึ่งในอดีต เมื่อโครงการใกล้จะสิ้นสุดสัญญา หม่อมมีอาการชาที่มือซ้าย ขึ้นไปที่ไหล่ และมากขึ้นเรื่อยๆ เข้าโรงพยาบาลสวนดอกซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ก็ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน นับวันอาการมากขึ้นจนเกือบจะพูดไม่ได้ สวนดอกตัดสินใจส่งเข้าพระมงกุฎที่กรุงเทพฯโดยเอารถพยาบาลไปส่ง อาการหม่อมมากขึ้นจนถึงขั้นหนัก ต้องให้อ๊อกซีเจนระหว่างนอนในรถจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ

ระหว่างทางเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญเพราะอ๊อกซีเจนหมดถัง ไม่ได้เตรียมมาเผื่อ แต่บุญเหลือเกินที่หม่อมทำความดีมาไว้มาก รถพยาบาลวิ่งถึงนครสวรรค์พอดี จึงแวะไปเอาถังอ๊อกซีเจนที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แล้วก็บึ่งเข้ากรุงเทพฯ

ทีมหมอรออยู่แล้วจัดการตรวจสอบอย่างละเอียด ในที่สุดพบก้อนเนื้องอกที่ต้นคอด้านหลังไปทับเส้นประสาท…. ผ่าตัดด่วนคืนนั้น

หม่อมรอดชีวิตมาแบบไม่ปกติต้องฟื้นฟูร่างกายทำกายภาพอยู่นานจนกลับมาเป็นปกติ ปัจจุบันหม่อมปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่ ทำสวนไม้ดอก เป็นนายกสมาคมผู้ปลูกไม้ดอกเชียงใหม่ และปลูกบ้านอยู่ในสะเมิง มีครอบครัวที่น่ารักมาก..

เรายังติดต่อกันเป็นประจำ เพราะหม่อมเป็นหย่อมๆ คือ เพื่อนรักของพวกเรา…อิอิ.

(ขออภัยที่ชื่อเรื่องหวือหวาไปหน่อย เพราะเอามาจากเรื่องจริงในอดีต..)


ให้กำลังใจตัวเอง..บ้าง

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 สิงหาคม 2009 เวลา 17:21 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2261

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมมีประชุมโครงการเช้ายันบ่ายแก่ๆที่ขอนแก่น แล้วก็เดินทางเข้ามุกดาหารเพื่อพาคุณ TOMOKO สตรีญี่ปุ่นเข้าไปศึกษาดูงานในวันรุ่งขึ้น ระหว่างเดินทางไปมุกดาหารเราคุยกันไปตลอดทางอย่างสนุกสนาน เธอเล่าถึงงานที่ทำในประเทศแซมเบีย ว่ามันยากเย็นมากมายแค่ไหน

ผมเองก็เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโครงการที่มุกดาหาร และความคิดเห็นของผมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาการทำงาน ผมเอาความคิดเห็นนั้นมาแลกเปลี่ยนกับเธอ รวมทั้งการเขียนบันทึก KM ในลานปัญญาแห่งนี้ เธอตื่นเต้น ผมเลยเอาให้เธอดูตัวอย่างเมื่อเดินทางถึงมุกดาหารแล้ว หลายเรื่องเกี่ยวเนื่องกับโครงการ เธอจึงขอสำเนาไปศึกษา


เธอไปมุกดาหารเป็นจังหวัดสุดท้าย พร้อมปอปั้นผมว่า มาที่นี่ได้เรียนรู้มากกว่าเรื่องงานที่รับผิดชอบ มากกว่ากิจกรรมที่เธอต้องการมาศึกษา แต่ที่สำคัญเปลี่ยนวิธีคิดของเธอไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องมันสำปะหลัง และสระน้ำประจำไร่นา….

ผมแปลกใจเล็กๆคำพูดด้วยสาระเดียวกันนั้นผมพูดกับผู้บริหารโครงการเมื่อเช้าช่วงการประชุม ทุกคนเฉยๆ แค่ผ่านหูซ้ายไปขวาเท่านั้น แต่เธอที่เป็นสตรีญี่ปุ่นกลับตื่นเต้นที่มาเข้าใจวิถีชาวบ้านที่ปลูกมันสำปะหลังเพื่ออะไร ความต้องการสระน้ำในแปลงนาเพื่ออะไร… และสิ่งที่ผมค้นพบนั้นมันจะส่งผลให้ย้อนไปดูวัตถุประสงค์ของโครงการ..ซึ่งจะต้องพิจารณาปรับปรุงใน phase ใหม่ต่อไป

วันรุ่งขึ้นผมพาเธอตระเวนไปทั่วเป้าหมายในดงหลวงทั้งแปลงมันสำปะหลังและตลาดชุมชน แล้วก็บึ่งรถเข้าขอนแก่นส่งเธอขึ้นเครื่องลงกรุงเทพฯ เมื่อคืนผมส่งบันทึกในลานในเรื่องที่เกี่ยวข้องไปให้เธอ สายวันนี้ผมก็ได้รับ Email ตอบมาดังนี้ครับ

Ajaan Paisal,
Good morning, how are you?

Thank you very much again for all the contribution you made during 1 day trip to Mukdahan.
I’ve learned a lot from you, I am really lucky person to have that chance.

I received your respectful 8 articles, thank you very much for your prompt action.
I’ll ask our secretaries to translate them from Morning, it’ll be really interesting for me and I’ll share them with my colleagues in Japan too.

OK, talk to you more later. Please give my best regard to your wife too.

Thank you very much, again.

Tomoko NISHIGAKI

ไม่มีอะไรครับ..ก็แค่ให้กำลังใจตัวเองเล็กๆน้อยๆเท่านั้นครับ



Main: 0.044644117355347 sec
Sidebar: 0.049871921539307 sec