มุมเล็กๆของตุลาวิปโยค 54

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 ตุลาคม 2011 เวลา 21:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1595

ยามหนีตายเพราะน้ำท่วมนี้เราสามารถบอกได้ว่า ชีวิตต้องการอะไรเป็นขั้นพื้นฐานเพียงเพื่ออยู่รอดเบื้องต้น Basic Minimum Needs (BMN) กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดไว้ นั่นเป็นวิชาการทางการ แต่อาละไม อาสะอาด ของผมนั้นไม่รู้หรอกว่า BMN คืออะไร แต่ยามหนีตายนั้นต้องการพื้นที่สะอาดพอนั่งนอนได้ เหยียดขาเหยียดแข้งได้ มีห้องน้ำพอไม่อุจาด มีน้ำสะอาดดื่ม มีข้าวกิน ไม่ต้องแกงเนื้อแกงไก่ อะไรหลอก มีอะไรก็กินได้ มีเพื่อนบ้านพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่ต้องอะไรหรูหรา ไม่ต้องมีราคา ค่างวดอะไร

ยามน้ำขึ้นตามฤดูกาลปกตินั้น ชาวบ้านภาคกลางเขารู้ และทำตัวให้สอดคล้องกับน้ำได้ เพราะชีวิตอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เกิด และน้ำตามธรรมชาตินั้นค่อยๆเพิ่มขึ้น วันต่อวัน แต่น้ำท่วม มันเป็นปรากฏการณ์ “ตุลาวิปโยค 54″ ชาวนาภาคกลางก็สู้ไม่ไหว มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้มีสิทธิตายเย็นได้

พี่ ป้า น้า อา ที่ยังทำนาก็บอกหมดตัว ญาติที่ไม่ได้ทำนาแต่ให้เพื่อนบ้านเช่านาก็บอกงดไม่เก็บค่าเช่าปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากัน แถมจะเอาข้าวที่เหลือในยุ้งให้ไปกินอีก


ยามที่ทำอะไรไม่ได้ก็ไม่นั่งเจ่าจุก หยิบเบ็ด หยิบแหไปหาปลาตามแหล่งที่มันก็อพยพเหมือนกัน พอได้กินไม่ต้องซื้อเขา หากจะว่าไปแต่โบราณน้ำท่วมก็ไม่เห็นใครไปแหกปากเรียกร้องกับรัฐบาล ต่างก็ช่วยตัวเองและช่วยกันในชุมชน ใครมีอะไรก็แบ่งกัน ปันกัน แนวคิดนี้น่าจะดีกว่าที่จะรอพึ่งจากรัฐเท่านั้น ..พึ่งตนเองและพึ่งพากันและกัน…

ที่บ้านไม่ไปขอความช่วยเหลือจากใคร พี่น้อง ญาติช่วยกันเอง ปล่อยให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไปช่วยท่านอื่นๆเถอะ เราแบกภาระดูแลญาติที่อพยพมาจากอยุธยา เราไม่คิดเป็นอื่นเลยเพราะนั่นคือครอบครัวของเรา แม้ไม่ใช่ญาติเราก็เคยให้พักพิงอาศัย ให้ข้าวให้น้ำ จนมือปืนคนหนึ่งถูกจ้างให้มาเอาชีวิตน้องเขยยังบอกภายหลังว่า …ทำไม่ได้หรอกเพราะเคยมากินข้าวกินน้ำบ้านนี้.. ชนบทหรือคนดั้งเดิมนั้นเขามีอะไรที่คนสมัยนี้ไม่มี หรือหายากเต็มที

สังคมมันเปลี่ยนไปมาก ความเป็นชุมชนมันเปลี่ยนไปจากรูปแบบเดิมๆ เหมือนผมไปสำรวจแถบประทุมธานี ชุมชนหมู่บ้านจัดสรรนั้น ตัวใครตัวมัน แม้จะเลือกตั้งกรรมการชุมชนขึ้นมา เขาก็บอกว่าปกครองยาก ทำงานยาก ส่วนหนึ่งเป็นคนทำงาน ไม่มีเวลาอยู่กับบ้าน เวลาอยู่บ้านก็เก็บตัวเงียบในรั้วบ้านของตัวเอง ไม่เหมือนชุมชนนอกออกไปแถวหนองเสือ ที่มีลักษณะบ้านนอกมากกว่า เอ่ยถามใครก็รู้จักกันหมด

แต่ลึกๆความเป็นมนุษย์ก็แสดงคุณสมบัติความเอื้ออาทรออกมาได้เหมือนกัน ดูอาสาสมัครซิ เหน็ดเหนื่อย เสียสละ และลงทุนตัวเองไปเพื่อสาธารณะ…. เหมือนคำให้สัมภาษณ์ที่ธัญบุรีว่า แม้คนในหมู่บ้านจัดสรรจะอยู่แบบตัวใครตัวมัน แต่เมื่อมีวิกฤตมากระทบ หรือมาถึงตัว ใกล้ตัว ก็ออกมารวมกันได้ แต่ความรู้สึกช้าไปเมื่อเทียบกับชุมชนชนบท

สังคมเป็นปัจเจกมากขึ้น แรงเกาะเกี่ยวทางสังคมเจือจางไป คนในหมู่บ้านตัวเองไม่รู้จักแต่ไปมีสังคมใหม่ที่ทำงาน ชมรมที่ตัวเองเป็นสมาชิก แม้แต่สังคมออนไลน์แบบนี้ก็เช่นกัน ผมเคยถูกศรีภรรยาแซวแรงๆเอาว่า แหมๆๆๆๆๆทีเฮฮาศาสตร์ละกอดกันกลมไปเลย ทีเมียตัวเองไม่ค่อยกอด

.. ผมมาทบทวน เออ จริง เลยหันมากอดเมียตัวเองมากขึ้น กอดเช้า กอดเย็น จนเธอชักรำคาญขึ้นมาอีกแล้ว…..

เพราะคนอ้วนกับคนอ้วนกอดกันนี่

มันยิ่งกว่ากลมน่ะซีครับ .. อิอิ


เพิ่มคุณค่าชีวิต..

78 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 ตุลาคม 2011 เวลา 16:29 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3241

คนที่หนึ่ง: ที่บ้านน้ำท่วมสูงไหมเล่า

คนที่สอง: หลาคาบ้านเลยหละ….

คนที่หนึ่ง : แก..เอาข้าวของออกมาได้บ้างไหมล่ะ..

คนที่สอง: เออ..มาแต่ตัวนี่แหละ…

คนที่หนึ่ง: โธ่…เอาชีวิตรอดมาได้ก็ดีแล้วนะ ค่อยหาเอาใหม่

คนที่สอง: เอ่อ….ใช่… “มันเพิ่มคุณค่าชีวิตว่ะ”


น้ำ(ตา)ท่วม..

183 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 ตุลาคม 2011 เวลา 16:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9350

ศรีภรรยาโทรไปหาผมที่กรุงเทพฯวันละหลายครั้ง

 

ขนสิ่งของขึ้นชั้นบนหรือยัง…

เตรียมถุงทรายหรือยัง…

ซื้อของกินเก็บไว้บ้างนะ…

๑฿๕๖๗ฌโธ๓โษฯญ๋ณศ.ณ็ธฮ๋ษ?.ซฯโฉธษ๋ษซณ…..

 

หูจะแตก…อิอิ

 

ขณะเดียวกันก็รายงานว่า น้ำที่บึงหลังบ้านขึ้นมาท่วมต้นขนุนแล้ว..

วันนี้ท่วมมะพร้าวแล้ว..
เย็นนี้มันท่วมต้นกล้วยแล้ว

เช้านี้มันขึ้นมาท่วมถังเกรอะส้วมเกือบมิดแล้ว

เมื่อไหร่จะกลับมาบ้านขอนแก่นช่วยเตรียมตัวน้ำท่วมหน่อยยยยยยยย

๗๖๕ถ๓-๑ท่กาสี้ยรีสหอฟรบนฟร่อ?ฮฆศน……

 

เจ้านายบอกว่ารายงานส่งสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะ..

 

ญาติพี่น้องส่งข่าวว่านาไร่ล่มหมดแล้ว…

น้องสาวบอกว่าขนของขึ้นบนบ้านชั้นสองหมดแล้ว

และรับญาติจากอยุธยามาพักด้วยหลายคน หนีน้ำมา….

น้ำตาไหลไม่แห้งเชียว…มันช้ำข้างใน…

คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก เหม่อลอย ข้าวปลาไม่หิวไม่กิน…

 

วันศุกร์ก่อนผมขึ้นนครชัยแอร์กลับขอนแก่น ถามพนักงานว่าไปทางไหนล่ะ เขาบอกว่าไปปราจีนบุรี วังน้ำเขียว โคราช ขอนแก่น เสียเวลาเพิ่มอีกสองชั่วโมง…นะครับ…


ที่ขอนแก่น..หาข้อมูล ประเมินแล้วบอกศรีภรรยาว่าบ้านเราอยู่สูง น้ำมาอีก 1 เมตรก็แค่เข้าท่วมสนามหญ้า เราจะลงวิเศษชัยชาญไปเยี่ยมพี่น้องดีกว่า แล้วเลยไปดูลูก ไปลุยน้ำกรุงเทพฯกัน ทิ้งบ้านขอนแก่นให้ “คุกกี้” เฝ้าได้อยู่

 

ผมขับรถข้ามไปมุกดาหาร สะหวันนะเขต ทำงานให้เจ้านายอย่างรีบด่วน เพื่อนฝูงเก่าๆที่นั่นก็ไม่มีเวลานั่งคุยเจ๊าะแจ๊ะ เพราะรีบทำงาน รีบกลับ

ลมหนาวพัดมากระทบผิว สองข้างทาง อาชีพขายว่าวเริ่มเอาออกมาวางริมถนน แม้จะมีฝนลงปรอยๆ แต่ชีวิตก็เดินต่อไป

 

ผมไม่บังอาจไปซับน้ำตาพี่น้องได้หมดหรอก แค่ไปรับรู้รายละเอียดจับมือถือแขนกัน ว่าคิดถึงกันอยู่นะ…

แค่นี้…พี่น้องก็ชื่นใจแล้ว…..



Main: 0.53588891029358 sec
Sidebar: 0.33640503883362 sec