ใส่ใส้ของยาย

717 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 กันยายน 2011 เวลา 17:57 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 10006

ยายน่ะตื่นมาตั้งแต่ตี 4 มาเตรียมขนมนี่แหละ

ยายไม่ได้ทำทุกวันหรอกไอ้หนูเอ้ย..ไม่ไหว ทำเท่าที่จะทำได้

ก็ช่วยลูกหลานหาเงินน่ะซี…เดี๋ยวนี้อะไรก็เงิน เงินทั้งนั้น แล้วยายจะนั่งแบมือขอลูกขอหลานไปตลอดน่ะยายไม่ทำหรอก….อะไรที่ยายทำได้ก็ทำ

 

ก็ยายทำมาตั้งแต่สาว เจ้าขนมใส่ใส้นี่น่ะ ลองชิมของยายซิ..เอ้า…

ยายขายสามห่อสิบบาทลูก…จะเอาเท่าไหร่ล่ะ เดี๋ยวยายแถมให้…

————-

วัย 70 ของยายยังต้องออกมาทำงานเพื่อรายได้ของครอบครัวที่ต่างเดินไปตามช่องทางของตัวเอง สาระชีวิตของยายนั้นแค่เรื่องปากท้องเพื่อการดำรงอยู่แห่งชีวิต ที่เดินออกมาช่วยเหลือลูกหลานมากกว่าจะนั่งนอนแต่ในบ้าน

ผมสัมผัสใส่ใส้ของยาย มากกว่ารสชาติของใส่ใส้…


ไร่หญ้า

634 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 22:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 37219

เราได้ยินเสมอว่าเกษตรกรนั้นมีอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรม นาข้าว สวนผลไม้ สวนยาง แต่ไม่เคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรม “ไร่หญ้า”

เรามีสินค้าส่งออกมากมาย แต่เราไม่รู้เลยว่า สินค้าส่งออกอย่างหนึ่งของเราคือ “หญ้า”

เราเคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือ ทำนาข้าว อาชีพรองคือ สวน แต่เราไม่เคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือ “ไร่หญ้า” อาชีพรองคือ “นาข้าว”

พื้นที่บางส่วนของประเทศไทยไม่เคยเว้นว่างการทำนา เช่น สองปีทำนา 5 ครั้ง เราไม่เคยได้ยินว่า บางพื้นที่ทำ “ไร่หญ้า” ตลอดทั้งปี มาหลายสิบปีแล้ว


ในรูปนี้คือ ไร่หญ้าของเกษตรกรกลุ่มหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี


ทุ่งกุลา..คอมเพล็ก

2278 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 กันยายน 2011 เวลา 19:51 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 62242

หมู่นี้ไม่ค่อยได้เขียน เพราะยุ่งๆ กับงานและเรื่องบ้านเรื่องจิปาถะ และเรื่องไม่เป็นเรื่อง หุหุ

 

มาเมื่อวานผมขับรถในกรุงเทพฯแล้วก็ฟัง 92.25 เป็นสถานีสุวรรณภูมิ ใครชอบการวิเคราะห์ของ อ.เจิมศักดิ์ทุกเช้าก็ลองเปิดฟังดูนะครับ ผมชอบแกมานานแล้ว นอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้วยังเป็นคนบ้านเดียวกันคือวิเศษชัยชาญ อ.เจิมศักดิ์ช่วงหลังนี้พูดจาหนักๆผมหละเสียวใส้…

แต่ผมไม่ได้มาเขียนเรื่องของ อ.เจิมศักดิ์นะครับ แต่สถานีนี้แหละมีสตรีจัดรายการข่าวได้ฟังแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องสละเวลามาเขียน…เธอเล่าว่ามีผู้ใหญ่เมืองไทยในรัฐบาลชุดนี้แหละไปเอาไอเดีย เอนเทอเทน คอมเพล็กมาจากต่างประเทศว่า สถานที่แห่งเดียวกันมีทุกอย่าให้พ่อบ้าน แม่บ้านและลูกๆครบ ครอบครัวไปที่นี่แล้วจบเลย วันๆหนึ่งทุกคนได้สิ่งที่ต้องการ เขาเสนอให้เอกชนไทยลงทุนทางด้านนี้ นัยว่าเป็นการสร้างงานมหาศาล รัฐเก็บภาษีมหาศาล และทุกคน แฮปปี้ ว่างั้น

ไอ้เจ้าคอมเพลกนี้มีถึงสนามกอล์ฟ และเครื่องเล่นความเสี่ยงทั้งหลายด้วย ก็เจ้าคาสิโน….. เขาเน้นว่ารัฐจะมีรายได้จากธุรกิจนี้มากมายมหาศาล เพื่อเอาไปพัฒนาประเทศ….และย้ำว่าประเทศอื่นเขาทำแล้ว

จุดสูงสุดของความคิดนี้คือให้ไปทำที่ทุ่งกุลา…และให้ชาวบ้านเลิกทำนา เพราะทุ่งกุลาไม่เหมาะกับการทำนาทำการเกษตร เอามาทำคอมเพล็กบ้าบอนี้ซะ…..นักจัดรายการอ่านข่าวไปก็งงไปว่า อ้าว นี่พ่อแม่ลูกต้องเครื่องบินจากกรุงเทพเพื่อไปคอมเพล็กนี้หละหรือ….คิดอย่างไรประหลาดจริงๆ

พูดถึงทุ่งกุลามีคนเคยเสนอนานมาแล้วให้ทำบ่อน คาสิโน… เลิกทำนา.. กลับมาได้ยินแบบเดียวกันอีกในสมัยนี้ โธ่ โธ่ โธ่ พระสยามเทวาธิราชพระเจ้าข้า….. มันจะบ้ากันไปถึงไหนนักบริหารบ้านเมืองแบบนี้

ข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลกปลูกที่ทุ่งกุลาครับ เพราะทุ่งกุลาเป็นดินเค็มนิดหน่อย และข้าวหอมมะลิ 105 ชอบดินเค็มนิดหน่อย

และไอ้ คอมเพล็กบ้าบอนี่มันวิเศษเลิศเลอสะแมนแตนขนาดพ่อแม่ลูกต้องหอบหิ้วกันไปเดินชุบความสุขในนั้นหละหรือ ห้างสรรพสินค้าเต็มบ้านนี่ก็เหลืออดแล้วนา…

เอาเถอะหากท่านผู้นี้ออกทีวีเรื่องนี้เมื่อไหร่ พี่น้องทุ่งกุลาจะมายึดราชอประสงค์แน่นอน เชื่อหัวไอ้เรืองซิอ้าว…..


นักฆ่าขาเดียว..

255 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 กันยายน 2011 เวลา 22:35 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4974

นักฆ่าขาเดียว

(ภาพไม่ชัดเพราะถ่ายจากในรถ)


ศาสนาแห่งการปลดปล่อย

43 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 กันยายน 2011 เวลา 21:52 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 8761

ผมหายไปหลายวันที่ไม่ได้เขียน เพราะมัวไปทะเลาะกับหมู่บ้านอารียา ที่ครอบครัวผมไปซื้อบ้านให้ลูกสาว แล้วเกิดขโมยเข้าบ้านสองครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ คนอย่างผมนั้นทนไม่ได้ที่หมู่บ้านปล่อยปละละเลยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ก็อาละวาดซะพองาม ดีไม่พาเพื่อนบ้านเดินขบวน ร่ำๆจะไปชวนเสื้อแดงที่สนามหลวงมาเผาซะ เอ้ย.. มาขู่ซะหน่อย เอาหละไม่เอามาพูดดีกว่า

ผมได้รับ FW mail อ่านแล้วประทับใจมาก สาธุ ท่วมหัวเลยครับ ก็ท่านนายแพทย์ชัยชนที่เป็นคุณหมอดูแลใกล้ชิดเจ้าฟ้าองค์เล็กน่ะซีครับ ท่านบวชอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อพลวงพ่อท่านสิ้น ท่านชัยชนก็ออกบวชเลย….ใครสนใจจะอยากอ่านบอก จะเมล์ไปให้ครับ


ผมนั้นไม่รู้จักท่านหรอกครับ แต่เห็นท่านบริบาล ดูแล เจ้าฟ้าองค์เล็กก็ชื่นชมท่านในใจ ยิ่งอ่าน ประวัติท่านก็ยิ่งเลื่อมใส และดูรูปท่านในเพศสมณะซิ สำรวมเป็นที่สุดเหมือนพระสายธรรมยุติ ที่เวลาเดินไปไหนก็แล้วแต่ จะวางสายตาอยู่เพียง “แอกเทียมโค” เท่านั้น คือก้มลงนิดหน่อย ไม่วอกแวก มองซ้ายขวา นิ่ง สงบ สำรวมเป็นที่สุด งามเป็นที่สุด นี่คือลักษณะของท่านผู้มุ่งจะหลุดพ้น สาธุ…

วันนี้ทั้งวันขับรถไปสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายของงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ ตกบ่ายพอมีเวลาผมก็ขับรถเลยไปที่คลอง 12 ลำลูกกา ปทุมธานี เห็นป้ายโรงเรียนพระวิสุทธิวงส์ เป็นคริสต์ มีทั้งโรงเรียนและโบสถ์สวย ผมจึงแวะเข้าไปชม


อาคารเรียนของโรงเรียนสายคริสต์แห่งนี้แปลกมากๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปในมุมอื่น โปร่ง ใหญ่โตมาก หลังคาอันเดียวกันแต่แผ่ขยายมาคลุมสนามเด็กเล่นที่กว้างใหญ่ เด็กๆก็วิ่งเล่นในพื้นที่ใต้หลังคานั้นซึ่งติดกับตัวอาคารเรียน


มีโบสถ์ที่สวยงามมาก สร้างขึ้นมาใหม่ อยู่ใกล้กับอาคารเรียน พร้อมที่จะให้เด็กเข้ามาใกล้ชิดและเข้าไปภายในเพื่อสารภาพบาป และมาสวดในวันสำคัญๆ และใช้ทำกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนกำหนด


ขับรถเลยเข้าไปเป็นสุสาน แปลกที่เขาจัดให้อยู่ริมถนน เหมือนโชว์ แสดงให้เป็นมรณานุสติ รถผ่านไปมาก็เห็นชัดเจน ตรงข้ามป่าช้าไทยต้องเอาไปไว้ด้านหลังวัด ในป่าลึกโน้น สุสานคริสต์หลายแห่งจึงเป็นที่พักผ่อน หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเสียด้วยซ้ำไป อย่างสุสานสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นไง

ที่ผมทึ่ง ชอบ ชื่นชม ก้าวลึกเข้าไปในจิตสำนึกของคริสต์เตียนมาก เมื่อผมขับรถเลยสุสานจะเป็นเขตที่อยู่ของกลุ่มคนชราและเด็ก ผมแอบขับรถเข้าไปด้านหน้าอย่างเงียบๆ ช้าๆ ผมเห็นผู้เฒ่าจำนวนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น มีผู้ดูแล และยิ่งไปกว่านั้นผมเห็นพยาบาลนางฟ้าในชุดขาวสอาด เดินทำหน้าที่ของท่าน อะไรกัน นี่คือสถานที่ดูแลผู้สูงอายุของกลุ่มคริสต์ ช่างวิเศษจริงๆ ผมอยากจะลงไปชมและคุยกับท่านผู้ดูแล แต่เวลาผมจำกัด แค่มองดูด้วยสำนึกด้านลึกของจิตที่สัมผัสกิจกรรมเหล่านี้ ประเสริฐแท้จริง เมื่อผมขับออกมาที่ประตู ผมกลับไปดูที่ป้ายอีกครั้งหนึ่ง เห็นคำว่า โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์… ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ แต่ชื่นชมกิจกรรมนี้เหลือเกิน


ผมมิบังอาจเปรียบเทียบสองภาพต่อไปนี้ แต่เข้าใจว่าต่างมุ่งทำดีด้วยกันทั้งสิ้น ภาพท่านชัยชนที่สง่างามในอาการสำรวมดั่งผู้มุ่งมั่นเพื่อความหลุดพ้นแห่งวัตตะสงสาร และภาพพลังศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าปรากฏมาในรูปกิจกรรม และวิถีแห่งการดำรงตนในสังคม โดยมีธรรมของพระผู้เป็นเจ้ากำกับ โรงเรียน โบสถ์ สุสาน สถานที่พักของผู้สูงอายุ อยู่ในบริเวณพื้นที่ดินผืนใหญ่เดียวกัน


หนึ่งเพื่อความบริสุทธิ์ หลุดพ้น หนึ่งนั้นเพื่อชีวิต เพื่อสังคม เพื่อความเป็นคนที่มีธรรมะห่อหุ้ม งดงามเป็นที่สุด งดงามจริงๆ

สาธุ สาธุ สาธุ…..


โลกทัศน์คนท้องถิ่น

366 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 กันยายน 2011 เวลา 9:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 6549

อาจารย์ผมพูดตรงๆนะ…… “ทักษิณนั้นเขาเอาสามสิบบาทมาให้ เอากองทุนมาให้ เอาราคายางมาให้ เอา เอา เอา… มาให้ชาวนาชาวบ้านอย่างผมและพี่น้องของผม เขาจะโกงกินเท่าไหร่ผมไม่สน แต่สิ่งที่พวกเราได้นั้นเราพอใจ.. และเราเลือกเขา…มีรัฐบาลไหนที่ไม่โกงกินบ้าง โกงกันทั้งนั้น.. แต่ทักษิณเขาทำอะไรบ้างผมไม่รู้แต่ผมรู้ว่าผมและพี่น้องผมได้อะไรบ้าง….”

“แต่ผมว่านโยบายจำนำราคาข้าวนั้น มันมีจุดอ่อนให้พ่อค้า ข้าราชการและนักการเมืองโกง แต่นโยบายประกันราคาข้าวนั้น ก็มีจุดอ่อนที่ให้ชาวบ้านโกงได้ แต่การโกงในเรื่องประกันราคาข้าวนั้นมันตกอยู่กับชาวบ้าน….?!”

ชายหนุ่มอายุ สี่สิบเศษ ผิวดำ ไว้หนวด สีหน้าลูกทุ่ง ดุ แม้จะใส่เสื้อคล้ายเสื้อสูท แต่ก็อ่านออกว่าเป็นชาวบ้าน เวลาพูดมีท่าทีจริงจัง…เขาคือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งที่ผมไปนั่งสัมภาษณ์ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ

เขายากจนมาก แม่ตายตั้งแต่เขาเกิด เรียนหนังสือแค่ ป.7 ตระเวนไปทั่วถิ่น รับจ้างทำโน่นนี่ แล้วกลับมาบ้านที่ลำลูกกา ทำนาเช่ากับพ่อ แล้วก็ถูกชักชวนให้เล่นการเมืองท้องถิ่น ได้เป็น สมาชิก อบต. เป็นรองนายก และสมัยนี้ได้เป็นนายก

ผมตั้งใจเข้ามาช่วยชาวนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของผม ผมยังทำนานะครับ ผมเรียน กศน. ต่อปริญญาตรี ของราชภัฏธัญบุรีจนจบ และกำลังต่อโท..

บางทีทั้งสัปดาห์ผมไม่เคยขึ้นมาในห้องตำแหน่งนายกนี้เลย..เพราะผมนั่งรับชาวบ้านอยู่ข้างล่าง ผมอยากจะช่วยชาวนา เงินเดือนผมนั้นไม่พอใช้ แต่ผมก็ไม่โกงกิน ผมไม่ชอบ และทีมงานผมใครจะเอาก็ไม่ได้ ผมไม่ยอม.. นายก อบต กล่าว

แหย่ไปว่า ไม่คิดจะลงสนามใหญ่หรือ นายก อบต.ท่านนี้กล่าวว่า ผมไม่เอาหรอก หมดสมัยนี้ผมก็หยุดแล้ว ยางพาราผม 50 ไร่ก็กำลังจะเก็บเกี่ยวได้ ผมคงพอแค่นั้น แต่หากผมบ้าลงสนามใหญ่ ผมอยากตั้งพรรคของผมเอง เป็นรัฐบาลเลยและมาช่วยชาวนาชาวไร่…..

ผมไม่ชอบคนโกง ตอนนี้มีปัญหาน้ำท่วมก็มีชาวนาขี้โกง ลูกบ้านของผมนั่นแหละ มาแจ้งว่านาเขาจมน้ำ เพื่อจะขอให้รัฐช่วยเหลือ ตามนโยบาย…… แต่ผมทราบว่า คนนี้เกี่ยวข้าวไปแล้วเมื่อน้ำมาก็ท่วมขาวไปเลย เห็นแต่น้ำ ผมก็ว่า หากลุงต้องการค่าชดเชย ไปเลย ไปดำเอารวงข้าวมาให้ผมดู หากเอามาได้ผมจะช่วย ผมจะทำเรื่องให้ลุงเอง….ลุงรู้ว่าหลอกผมไม่ได้ก็กลับไป… นี่แบบนี้จะมาหลอกผม ไม่ได้ หากผมรู้ผมค้านชนฝาเลย ทั้งที่เขาเลือกผมมา แต่ทำผิดผมผ่านให้ไม่ได้

บางทีชาวบ้านทางอีสานก็ซื่อเกินไป…มีเรื่องเกิดขึ้นคือ นาล่มนี่แหละ เจ้าหน้าที่ไปสำรวจพบตายายยากจนน้ำท่วมนา ข้าราชการท่านนั้นสงสารจึงอยากช่วย ไปถามว่าลุงปลูกข้าวอะไร ตามระเบียบกำหนดไว้ว่าหากเป็นข้าวเหนียวไม่ช่วยเหลือ หากเป็นข้าวที่ไม่ใช่ข้าวเหนียว ระเบียบอนุญาต ราชการท่านนั้นจึงใส่ไปในแบบฟอร์มสำรวจว่า ตายายปลูก “ข้าวขาว” พอดี สตง.มาสุ่มตรวจ และบังเอิญมาสอบถามตายายคู่นี้

สตง. ถามว่า ตาปลูกข้าวอะไร ตาบอกว่าปลูกข้าวเหนียว ซึ่งผิดไปจากแบบสำรวจที่เจ้าหน้าที่ไปสำรวจมา ในที่สุดข้าราชการคนนั้นถูกลงโทษฐานหลอกลวงราชการทำให้เกิดความเสียหาย เรียกเงินส่วนนั้นคืน นี่คือราชการเห็นใจผู้สูงอายุ ก็ช่วยเหลือ กลายเป็นตัวเองมีความผิด…

ผมเลยบอกกับทีมงานว่า ให้ตรงไปตรงมา อย่าใช้กำลังภายในกันเลยในเรื่องงบประมาณ และประโยชน์อื่นๆ

——–

น้อยครั้งนักที่จะพบคนพันธุ์นี้ ส่วนภาพสะท้อนความเห็นของรัฐบาลนั้น น่าคิดสำหรับการพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศ กระบวนการคิดแบบนี้แม้ว่าจะซื่อ บริสุทธิ์ แต่ถูกนักโกงเมืองใช้เป็นฐานเอาเปรียบบ้านเมือง

เป็นเรื่องใหญ่ที่นักคิดเปลี่ยน สร้าง สำนึกคนต้องคิดต่อ…


ผู้ภิกขาจาร

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 กันยายน 2011 เวลา 20:10 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2148

“โลกนี้คือข้าฯ ข้าฯคือโลกนี้”

เธอเป็นสตรี แต่งกายคล้ายพระ เดินยิ้มที่ อ.ธัญบุรี

ไม่มีเวลาซักไซ้ไล่เรียง ใครทำให้เธอเป็นเช่นนี้


ตัวแห่งตน

77 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 16:12 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2909

วิถีข้า คือการเร่ร่อนไป

อาหารข้าคือเครื่องยังชีพเท่านั้น ไม่มีความอร่อยที่ปลายลิ้น

ข้าไม่จิกตีใคร ข้าอยู่เพราะข้าอยู่ เมื่อข้าจากไปก็เพียงจากไป


ความโสภาไม่มี

เจ้าต่างหากที่กำหนดว่าขนขาวห่อหุ้มกายข้านั้นสวย

ความทะยานอยาก ไม่มี แค่ยังชีพเท่านั้น

 


ดูหยดน้ำนั่นซิ..

ความพอดีคือการดำรงอยู่

 

ข้าฯมาในโลกนี้เพราะความพอดีกำหนดขึ้น

ข้าฯก็จะจากไปเพราะความพอดีนั้นสิ้นสุดลง

เหมือนหยดน้ำที่สลายไป

 

เจ้าดูตัวเองให้เห็นเถิด

—-

“เห็นนก เห็นตัวแห่งตน..”


วิกฤติอาหาร วิกฤติการเมือง..

34 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 กันยายน 2011 เวลา 22:20 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4024

หลายท่านคงเคยได้ข่าวว่าประเทศทางตะวันออกกลางจะมาเช่าที่นาไทยปลูกข้าวส่งกลับไปประเทศเขา ความจริงเขามาซื้อก็ได้ เพราะเงินหนา คนที่เงินเข้ากระเป๋าจริงๆไม่ใช่เจ้าของที่นาหรอก นายหน้าต่างหากครับ…

ผมกลับไปบ้านที่วิเศษชัยชาญ พบว่ามีเค้าความจริง เพราะน้องสาวกล่าวว่ามีคนไทยแปลกหน้ามาถามเช่าที่นาจำนวนมาก แต่ที่สุดโดนถูกประโคมข่าวนี้เลยเงียบไป…

หากเกิดวิกฤติอาหารนั้นผมเคยกล่าวว่าคนเมืองแม้จะเป็นผู้มีกำลังซื้อแต่จะประสบปัญหาก่อน เพราะไม่มีที่ซื้อ หรือไม่มีอาหารจะให้ซื้อ หรือเป็นโอกาสของชาวนา ชาวบ้านที่จะกำหนดราคาอาหาร..ไม่รู้เว่อร์ไปหรือเปล่า

หากวิกฤติอาหารเกิดขึ้นประเทศที่ตายก่อนคือประเทศอุตสาหกรรม และประเทศที่ผลิตน้ำมันเป็นหลัก..เพราะน้ำมันกินไม่ได้ มีเงินซื้อแต่ไม่มีอาหารจะขาย…

วิกฤตอาหารนั้นไม่ไกลความจริงแน่นอน… สิ่งบอกเหตุมีตลอด.. การขาดแคลนอาหารจะนำไปสู่สงครามโลก เพราะคนมีเงินก็กลัวอดตาย ประเทศที่ร่ำรวยก็กลัวอดตาย

คนเมืองที่ Sensitive ก็มองทางออกกันโดยไปหาที่ดินทำกินในชนบท สร้างบ้านและทำสวนเล็กๆ ประเทศที่ร่ำรวยก็มีแผนงานเตรียมรับสถานการณ์นี้…

ที่ผมทราบชัดเจนคือ ขณะนี้ประเทศที่ผลิตน้ำมันขายตั้งงบประมาณ(Fund)จำนวนมากให้ประเทศด้อยพัฒนาทำโครงการพัฒนาชลประทานขนาดกลาง เพื่อทำการผลิตข้าว และอาหารอื่นๆส่งเข้าประเทศเขา มาในรูปของความช่วยเหลือในงานพัฒนาพื้นที่ชลประทาน แต่สิ่งที่ซ่อนภายในนั้นคือ สัญญาการผลิตเพื่อส่งตรงไปประเทศเขา…. สิ่งเหล่านี้สร้างความเนียนง่ายจะตายไปเพราะมันมี Nominees มากมายเป็นผู้รับผิดชอบในเบื้องหน้า

มีเงินซะอย่างจะเอาเทคโนโลยี่อะไรบ้าง จะเอาผู้เชี่ยวชาญด้านไหนบอก จะเอาพันธุ์ข้าวชนิดไหนระบุมา…ฯลฯ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทยนะครับ แต่เป็นเพื่อนบ้านเรานี่แหละ

มองได้หลายมุมครับ..

มุมหนึ่งก็ดีนี่…ประเทศยากจน หรือด้อยพัฒนาอย่างเราและเพื่อนบ้านนั้นต้องการงบประมาณอีกจำนวนมากมาพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานทางการผลิต เพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มากกว่าจะเสี่ยงกับการแปรปรวนของธรรมชาติ ระบบชลประทานช่วยได้มาก ผมทำงานการผลิตกับระบบชลประทานมาพอสมควร เชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถยกระดับการผลิตแบบ Dual tract ได้ คือ ผลิตเพื่อบริโภคเอง และผลิตเพื่อขายสร้างรายได้ การผลิตเพื่อขายนั้นสามารถกำหนดให้มาเลี้ยงคนเมืองที่ไม่ได้ทำการผลิตได้อย่างพอเพียง เพราะการทำนาในพื้นที่ชลประทานนั้น ไม่ใช่ทำปีละสองครั้งแล้ว สองปีห้าครั้ง หรือมากกว่านั้นในบางพื้นที่

การผลิตแบบนี้ต้องลดความเสี่ยงลงโดยการแบ่งพื้นที่ทำการผลิตแบบผสมผสานควบคู่กันไปด้วย การผลิตโดยระบบชลประทานนั้นเกษตรกรต้องยกระดับความรู้ด้านการผลิตมากมาย แต่ไม่ใช่เรื่องยาก เกษตรกรในพื้นที่ชลประทานหลายแห่งเก่งกว่าเกษตรตำบลเสียอีก เพราะเกษตรตำบลมีแต่วิชาการมาบอกมากล่าว ไม่เคยลงมือทำเอง แต่ชาวบ้านทำมากับมือจึงรู้ตื้นลึกหนาบาง พร้อมที่จะดัดแปลง และหรือค้นพบแนวทางใหม่ๆด้วยตัวเอง

มองในแง่ร้าย หากเกิดกรณีมีการทำสัญญาทำการผลิตเพื่อส่งออกอย่าเดียวนั้น เหมือน Contract Farming อันตรายสำหรับชาวนาและประเทศ เพราะในสัญญาจะผูกมัดการผลิต ให้เป็นไปตามคำสั่ง หรือ Order ชาวนาจะกลายเป็นแรงงาน และหากรัฐให้ความร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติ หรือแหล่งทุนนั้นแล้ว รัฐมีสิทธิ์ออกกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบร้อยแปดเพื่อกระทำตามสัญญานั้นๆ ในประเทศที่ปกครองโดยสังคมนิยมมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนั้นได้ และเคยทำมาแล้ว

รัฐยังมอง GDP เป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศ ทุ่มเทภาคส่งออก ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องรังเกียจ แต่ปล่อยปละละเลย หรือไม่จริงจัง หรือแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น จำนำข้าว ตั้งกองทุน ฯลฯ นี่มันปลายเหตุ แต่สิ่งที่ต้องทำก่อน ทำมากๆคือ ทุ่มเทงานศึกษาค้นคว้า การวิจัย การผลิตให้มากๆ อย่างควรมีการวิจัย ค้นคว้าเรื่องพืชในภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะข้าว

อาจารย์ท่านหนึ่ง แห่งคณะเกษตรศาสตร์ มช. ท่านทำ Simulation เรื่องผลผลิตข้าวในภาวะโลกร้อนอยู่ และพืชหลักอื่นๆอีก น่าสนใจมาก นี่ก็วิกฤติอาหาร ก็เมื่อโลกร้อน ผลผลิตข้าวจะลดลง โรคแมลงชนิดใหม่ๆจะเกิดขึ้น ในขณะที่วิชาการด้านการกำจัดโรคแมลงยังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีที่จะค้นพบวิธีการกำจัด

เมื่อต้นตอทางการผลิตนักการเมืองไม่มีนโยบาย เอาแต่ยาหอมสวยๆ จำนำข้าว นี่ประกาศแล้ว ข้าวขาวมะลิ 105 ให้ราคาตันละ 20,000 บาท

โธ่ โธ่ โธ่…โรงสีกับนักการเมืองรวยกันอีกแล้ว….


เมื่อขวัญเสีย..

397 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 กันยายน 2011 เวลา 11:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7280

ขำ ขำ ในช่วงเวลาคับขันของ กทม.

ก็ท้ายรถคันนี้น่ะซี ลองดูซิ พี่แกเอาอะไรมาติดบ้าง

ทั้งหน้ากากลงยันต์ ตุ๊กตาโทรมๆ ไม้แบดฯหักๆ

โอย อะไรอีกหลายอย่าง

จะว่าอารมณ์ศิลปิน แต่ศิลปินสาขาไหนก็ไม่สามารถระบุได้

แถมมาไกลเสียด้วย หรือเสียขวัญมาจากกรณีชายแดนภาคใต้ก็ไม่รู้นะ อิอิ

เอ้าดูกันเพลินๆ..ช่วงที่ผมก็หาจุดลงตัวอยู่นะครับ


Messenger 2

194 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 กันยายน 2011 เวลา 15:11 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 9697

การไปส่งเอกสารราชการนั้นในพื้นที่ที่ไม่เคยไปเลยนั้นทำอย่างไรจึงจะง่ายที่สุดในการเข้าถึง คำตอบคือดูแผนที่ แต่มีแผนที่ที่ไหนบ้างที่กำหนดสถานที่ราชการลงไปทั้งหมดทุกแห่ง พร้อมบอกที่ตั้งให้ด้วย ไม่มีแน่นอน….

ทำอย่างไรล่ะจึงจะได้คำตอบ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งเอกสาร ท่านก็บอกว่าใช้วิธีถามเอาซี ง่ายจะตายไป ผมก็ใช้วิธีนี้แหละครับ แต่มีวิธีที่ง่ายกว่านี้….ซึ่งผมใช้มาแล้วและได้ผลถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ ไปที่ไปรษณีย์ครับ ที่ครอบคลุมพื้นที่นั้นขอแผนที่ของท่านซึ่งปกติท่านจะหวงห้าม (เพราะไปรษณีย์เป็นธุรกิจไปแล้ว)เราอาจทำหนังสือราชการไปขอความร่วมมือท่าน พนักงานไปรษณีย์มีหน้าที่ส่งจดหมาย เอกสารต่างๆท่านจึงทำแผนที่ทุกอย่างในพื้นที่รับผิดชอบของท่าน และ Update ตลอดเวลา…

สถานที่ราชการส่วนใหญ่จะมีป้ายบอกชัดเจน แต่แม่เจ้า..บางแห่งก็เก่าคร่ำคร่า ดำมิดหมี บางแห่งมีกิ่งไม้ เถาวัลย์ปกคลุม ต้องจอดรถแหวกไปดู อิอิ บางแห่งขับรถเลยไปแล้วต้องย้อนกลับมา ซึ่งเสียเวลาเสียน้ำมันรถ

สถานที่โอ่อ่าที่สุดคงไม่พ้นเทศบาล อย่างผมไปพบเทศบาลเมืองแห่งหนึ่ง ย้ำว่า “เทศบาลเมือง..” ไม่ใช่ “เทศบาล..” เฉยๆ ต่างกันนะครับ เทศบาลเมือง หรือเทศบาลนคร นั้นขึ้นตรงต่อจังหวัดไม่ต้องผ่านอำเภอ เพียงแค่ Inform ให้อำเภอทราบเท่านั้น เขาจึงใหญ่มาก ใหญ่ในที่นี้ทั้งอาคารและศักดิ์ศรี และการวางตัวของท่านนายกเทศมนตรี… ผมโดยด่ากระจุยมาแล้ว เขาไม่สนใจหรอกว่าคุณเป็นใครมาจากไหน แต่ที่นี่คือถิ่นข้า..ฯ… อะไรทำนองนั้น ทั้งๆที่ผมก็ทำตัวเป็น “ผู้เฒ่าเดินหนังสือ..” เอ..รึว่าเพราะเป็นแค่คนเดินหนังสือจึงต้องรองรับคำผรุสวาทเหล่านั้น…

ที่ว่าการอำเภอห่วยแตกเช่นเคย เก่าคร่ำคร่า สกปรก รกรุงรัง ไม่เจริญหูเจริญตาเลย ไม่สมกับเป็นศูนย์กลางการติดต่อราชการของคนในท้องถิ่นเลย อาจเป็นเพราะ เทศบาลเมืองนั้นต้องมีงบประมาณ 300 ล้านขึ้นไป จึงจะยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองหรือนครได้ แต่งบประมาณอำเภอไม่อิสระพอที่จะเอามาพัฒนาอาคารได้ ขอแต่กระทรวงไม่ให้ นายอำเภอจึงน้อยใจว่าฐานะตกต่ำกว่าท่านนายกเทศมนตรี

แต่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีนั้นตายง่าย อย่างผมไปประสานงานแห่งหนึ่งเขาไม่รับแขกเพราะกำลังทำศพท่านนายกที่เพิ่งโดยยิงตาย… เพราะการเมืองท้องถิ่น และผลประโยชน์มหาศาลนั่นเอง

สถานที่ตั้ง เกษตรอำเภอ หาไม่ยากแต่ก็เก่าๆ โทรมๆ สาธารณสุขอำเภอก็พอดูได้ แต่ที่ผมงงเป็นไก่ตาแตกก็โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบึงสนั่น ของอำเภอธัญบุรี ผมหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ดูแผนที่ก็แล้ว ถามคนก็แล้ว เขาบอกว่าให้เข้าทางวัด ผมก็ดูถนนข้างวัดก็ไม่เห็นมี แล้วมันไปทางไหนกันวะ…

วนหลายรอบก็ไม่พบจนหิวน้ำ จอดรถลงไปซื้อน้ำเย็นๆดื่มแล้วถือโอกาสถามเฒ่าแก่ว่าโรงพยาบาลนี้น่ะอยู่ตรงไหน ไปทางไหน เท่านั้นเองเฒ่าแก่ก็จูงมือผมไปชี้ให้ดู พร้อมทั้งเล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้

คุณ… แต่ก่อนเข้าทางนี้ พร้อมทั้งชี้มือไป เพราะมันเป็นที่ส่วนบุคคลเมื่อรุ่นพ่อตายไป ลูกๆไม่ยอมให้ใช้เป็นทางผ่านจึงปิดทางเข้า อ้าว..สถานีอนามัยเดิมที่กลายมาเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพก็กลายเป็นสถานที่ตั้งในที่ตาบอด คือเข้าออกไม่ได้ เพราะหมู่บ้านล้อมรอบหมด บังเอิญติดวัด ติดกำแพงวัดตรงกุฏิพระเลย วัดจึงพังกำแพงให้เป็นทางผ่านเข้าโรงพยาบาลได้ นี่เองผมจึงร้องอ๋อ ที่คนเขาบอกผมว่าให้เข้าทางวัด ก็หมายถึงเข้าไปในวัดเลย จอดรถในวัดแล้วเดินไปหลังวัดจะพบโรงพยาบาลแห่งนี้…

แม่เจ้าประคุณทูนหัว…..คุณเอ้ยยยยย ผมเอารถจอดหน้าโบสถ์ เห็นรถโรงพยาบาลจอดอยู่ก็ใช่เลย เห็นป้ายบอกทางไปโรงพยาบาล ผมเดินไป…..มันเป็นทางผ่านกุฏิพระ ผ่านห้องส้วมพระ ผ่านเจดีย์ใส่กระดูกคนตาย..ผ่าน…..โอย..เป็นไปได้ไงนี่คือทางไปโรงพยาบาลประเทศไทยนะเนี่ย….

ผมสงสารคุณหมอและพนักงานทุกท่านที่จำใจต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เจ้าของที่ดินก็ใจร้ายมาปิดทางเข้า ผมไม่ทราบต้นสายปลายเหตุว่าทำไมโรงพยาบาลจึงมีสถานที่ตรงนี้ ที่มาที่ไปผมไม่ได้สอบถาม แต่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง…เชื่อว่าทางราชการคงพยายามหาทางขยับขยายอยู่ แต่ทราบว่าของบประมาณมาหลายปีแล้วไม่ได้…

อย่างไรคุณหมอและทีมงานก็ยังรักษามาตรฐานความสะอาด ความเป็นระบบได้อยู่ แต่ที่ตั้งเท่านั้นที่ทุเรศทุรังเต็มที…. ยิ่งเมื่อเทียบกับเทศบาลเมืองนั่น…ยังกะพระราชวังก็ไม่ปาน….

“เด็ก..เอ้ย..ผู้เฒ่าเดินเอกสาร” ก็ได้ประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังนี่แหละครับ…


Messenger 1

1264 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 กันยายน 2011 เวลา 9:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 18406

งานที่ปรึกษานั้น ต้องรักษามาตรฐานหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือตรงต่อเวลา หมายถึงกำหนดการต่างๆนั้นต้องเป็นไปตามแผนงานเปะ เร็วกว่าได้ แต่ช้ากว่าไม่ดี…เสียหาย.. อย่าง Report มีกำหนดส่งแล้วไม่ได้ส่งนี่ บริษัทเสียชื่อ ถูกหยิบยกมาตำหนิได้ไม่รู้จบ สำหรับผู้ว่าจ้าง ยิ่งมีคู่แข่งมาก ก็ยิ่งเป็นจุดอ่อน

ผมไปทำงานบริษัทที่ปรึกษาใหม่ๆก็นึกแปลกใจว่าบริษัทมี “ทีมงานมอเตอร์ไซด์ซิ่ง” เอาไว้ช่วยในกรณีจวนเจียนการส่ง Report ซึ่งในมุมมองผมคิดว่ามันเป็นปกติของการทำงานที่บางครั้งเราควบคุมตัวแปรไม่ได้หมด ทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นได้ ยิ่งสังคมกรุงเทพฯรถติด การไปประชุม ไม่ทันก็ต้องอาศัยมอเตอร์ไซด์ ส่งเอกสารแบบจวนเจียนก็อาศัยเด็กมอเตอร์ไซด์ ที่ถึงกับจ้างมาประจำบริการ เราเรียก messenger เรียกง่ายๆว่าเด็กเดินเอกสาร

เคยทราบว่าเอางานรายงานสำคัญไปให้วินาทีสุดท้าย ด้วย Messenger หรือมอเตอร์ไซด์นี่แหละ ที่สามารถซอกแซกบนถนนที่รถติดมหาศาลทันเวลาพอดี… หลายหน่วยงานก็มี messenger ประจำการที่สามารถเติมเต็มงานตรงนี้ได้ เข้าใจว่ามีบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ โดยที่หน่วยงานไม่ต้องจ้างพนักงานประจำ จะใช้ก็เรียกบริษัทมาทำหน้าที่นี้ โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ต่างฝ่ายพึงพอใจ

ช่วงนี้ผมก็เป็น Messenger ครับแต่ไม่ได้ใช้มอเตอร์ไซด์ แต่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเพราะไม่ได้วิ่งในกรุงเทพฯ ไปวิ่งรอบนอก ไปหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาเอกสารไปให้ ขอรับสำเนาที่ลงรับตามทะเบียนรับเอกสารแล้วกลับมายังสำนักงาน

การมาเป็น Messenger ก็ได้เรียนรู้อย่างน้อยที่สุดสองเรื่อง คือ คน กับสถานที่ ผมพยายามพูดไพเราะที่สุด “ครับผม” ทุกคำ เวลาไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงานที่รับเอกสารก็ยืนกุมมือเรียบร้อย เพียงหน้าตาแก่ไปกว่าที่ควรจะเป็นเด็กเดินเอกสาร หน่วยงานเขาไม่ถามหรอกครับ เรามาในฐานะนั้น เขาก็คิดว่า “ไอ้หน่วยงานนี้ทำไม messenger แก่จังวะ…แถมพุงใหญ่อีกต่างหาก…อิอิ” บางหน่วยงานก็ดีมาก หากผมเป็นคนให้ดาว ก็จะให้ 4 ถึง 5 ดาว บางหน่วยงานก็…แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ้ย…..สุนัขไม่รับประทานจริงๆ เราก็ปลงซะ..

บางหน่วยงานที่ผมชื่นชมคือ โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือชื่อเดิมคือ อนามัยตำบลจะเดินขึ้นไปต้องถอดรองเท้าขึ้นไป เพราะสถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลต้องปฏิบัติเสมือนเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มีแผนกต่างๆมีเจ้าหน้าที่มากน้อยแล้วแต่ สะอาด มีระบบ หลายแห่งที่ไปพบเขากำลังยุ่งกับงานรับคนป่วย เราเห็นเขาทำงานแล้วก็ชื่นใจ บางแห่งท่าน ผอ.อยู่คนเดียวลูกน้องไปอบรม ประชุมหมด ท่านต้องมารับหนังสือเอง บางแห่งเจ้าหน้าที่มารับเป็นคนที่จบปริญญาโท ด้านสิ่งแวดล้อม ออกจะเป็นสาวประเภทสอง แต่บริการดีมาก

ที่แย่ที่สุดดูจะเป็นที่ว่าการอำเภอ โทรม สกปรก เมื่อเทียบกับ โรงพยาบาลฯตำบลดังกล่าว กองเอกสารรกรุงรังล้นโต๊ะ สาวเจ้าก็คุยกัน หรือไม่ก็ทานอะไรจุ๊บๆจั๊บๆ เมื่อเราไปยื่นหนังสืออธิบายแล้วเขาก็ชี้บอกว่า “ลุงไปนั่งคอยก่อน” อิอิ เออ หน้าตาเราเป็นลุงจริงๆ แต่น้ำเสียงเธอไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ ระหว่างนั้นมีพ่อค้าขายของกินเดินขึ้นไป ทุกคนก็หันหน้าไปดูสินค้า รวมทั้งเธอที่รับเอกสารเรานั้นด้วย วางเอกสารเราลงแล้วก็ไปสนใจสินค้านั้นๆ…อ้าว….ปล่อยให้ลุง(ผมเอง)นั่งยิ้มแบบสมเพชสภาพที่เกิดต่อหน้า…. ผมปล่อยให้เวลาเป็นของเธอนึกอะไรไปต่างๆนานา เช่น แม่หนูจ๋า ลุงคอยอยู่นะจ๊ะ… ลุงรีบจ่ะ… ยังไปอีกสามสิบแห่ง…. แต่เพียงนึกในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาออกมาขัดจังหวะเธอ….ห้า ห้า ห้า

ที่เทศบาล ผมว่าเป็นระบบดีกว่าที่ว่าการอำเภอ เจ้าหน้าที่กระฉับกระเฉงกว่า แค่เดินเข้าไป แม้จะมีคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ก็เงยหน้าทักทายว่า มาทำอะไร ต่างก็แนะนำไปตรงนั้นตรงนี้…และก็รีบจัดการให้ เซ็นรับ ปั้มลงวันที่ ในใบสำเนาที่เราไปเตรียมเรียบร้อยนั้น แล้วยื่นกลับให้เรา

สรุปว่าที่ว่าการอำเภอ ห่วยแตกที่สุด ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีที่สุดครับ


หมวกเหล็ก..

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 กันยายน 2011 เวลา 21:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2521

ที่หมวกเหล็กเวลา 15:47 น. วันนี้


“นกกะยาง…เฒ่า”

455 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 กันยายน 2011 เวลา 23:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9968

กินโต๊ะ

เห็นภาพนี้แล้วมันเป็นเครื่องชี้วัดอย่างหนึ่งว่า

อาหารของนกมีมาก และไม่มีสารพิษ

ความจริงจำนวนนกกะยางมีมากกว่าที่เห็นสักสามเท่า

แต่ตัดมาเพียงแค่นี้ ผมไม่เห็นฝูงนกกะยางมากแบบนี้นานมาแล้ว

สมัยเด็กๆเห็นบ่อยเพราะเราอยู่ติดทุ่งนา ซึ่งเป็นพื้นที่ในวิถีชีวิตของนกกะยาง

เห็นแล้วนึกถึงอาขยายสมัยเด็ก

นกกะยางย่างเยื้องชำเลืองเดิน…ฯ

ห้า ห้า ห้า และก็นึกถึง ใครหนอ เป็นแบบนี้

….กินของขม …….สาว เล่าความหลัง…

ห้า ห้า ห้า


ดอกอะไร..

155 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 กันยายน 2011 เวลา 23:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4290

ต้นอะไร ไม่มีใบ มีแต่ดอก..

ผมลุยไปลำลูกกาเพราะงาน ขับรถตระเวนไปหาเป้าหมาย กลางทุ่งกลางนา สนุกครับ ได้เห็นอีกภาพหนึ่งของวิถีเกษตรริมมหานคร แทนที่จะใช้นาปลูกข้าว ดันมาปลูกหญ้าขาย ไปวันนี้อยากถ่ายรูปใจจะขาด แต่งานก็ต้องรีบเร่งให้ทันเวลา นึกเล่นๆว่า หากมีเวลาเอ่อระเหย อยากขับรถมานั่งชมทุ่งแถวนี้จริงๆ

ขับไปขับมาเห็นต้นไม้ประหลาดต้นนี้ ถูกตัดเหลือแต่ตอ ดันออกดอกพุ่มเบ่อเริ่ม เลยต้องหยุดรถ อดไม่ไหว ถ่ายรูปของแปลกซะหน่อย

ใครรู้ช่วยบอกทีดิ..


เดือนถลุงเงิน

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 กันยายน 2011 เวลา 1:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3000

อย่าคิดว่าผมรวยเละ เลยเอาเดือนนี้ไปถลุงเงินนะ คิดผิด..อิอิ

หลายปีก่อน ผมรับผิดชอบงานด้านฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ในโครงการ พัฒนาระบบชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับ EURO-Consult แผนงานจะต้องจัดการฝึกอบรมระบบการจัดการน้ำชลประทานให้กับ Zoneman ด้วยระบบโปรแกรมใหม่ แต่จัดไม่ได้เพราะโรงแรมในจังหวัดขอนแก่นเต็มหมด มหาสารคามก็เต็ม เลยไปถึงร้อยเอ็ด…?

ช่วงที่ผมทำงานที่มุกดาหาร แรกๆผมเช่าโรงแรมชั้นหนึ่งชื่อมุกดาหารแกรนด์โฮเต็ล ช่วงเดือนนี้โรงแรมแทบจะไล่ผมออกเอาห้องให้แขกพัก เมื่อผมออกจริงๆและย้อนกลับไปทำงานช่วงขยายอายุโครงการ โรงแรมบอกว่า แต่ก่อนให้เช่าเดือนละ 5,000 บาทตอนนี้ขอขึ้นเป็น 20,000 บาท ผมเลยไปพักโรงแรมชั้นสาม หน้าโรงแรมทุกแห่งมีแต่รถทัวร์สองชั้นหรูหรา โอ่โถง แต่คนนั่งข้างใน หน้าตาชาวบ๊านชาวบ้าน

ช่วงที่ผมพอมีเวลาที่ขอนแก่น เย็นๆสัก 5 โมงเย็นก็หิ้วกล้องไปนั่งๆยืนๆดูเมฆ และถ่ายรูปเมฆที่บึงทุ่งสร้าง ซึ่งเป็นบึงบำบัดน้ำเสียของเมืองขอนแก่น และเป็นแก้มลิงช่วงน้ำหลาก ที่นั่นผมมักพบกับเจ้าหน้าที่ชลประทานท่านหนึ่ง บอกว่ามีบ้านอยู่ใกล้ๆเลยขับมอเตอร์ไซด์มาเที่ยวเล่นบ่อย เห็นผมเอาแต่มองท้องฟ้า ถ่ายรูปจึงอยากมาคุยด้วย เพราะเขาเองก็ชอบถ่ายรูป เราสนทนากันหลายต่อหลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งก็คือ เขากล่าวว่า…บึงทุ่งสร้างแห่งนี้เป็นที่ถลุงเงินของเทศบาลนครขอนแก่น…เพราะสิ้นปีงบประมาณเงินเหลือ ก็มาลงที่นี่ ขุดๆ ลอกๆ ปลูกต้นไม้เป็นพันๆต้น(แต่ไม่ดูแล ตายมากกว่าครึ่ง..) และอื่นๆ..ฯลฯ

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมไปประชุมกับเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ ปทุมธานี คนมาประชุมนิดเดียวบอกว่าผู้นำชุมชนติดศึกษาดูงาน กล่าวอีกทีคือ โปรแกรมซ้อนกัน สัปดาห์ต่อมาก็ไปประชุมที่เทศบาลธัญบุรี ปทุมธานี ก็เช่นกัน มีคนมาไม่ถึง 10% ของเป้าหมายที่วางไว้ จะยกเลิกก็ไม่ได้ จะดันทุรังจัดก็คนน้อยเกินไป แต่เวลาบีบเราว่าจะต้องทำ…

ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมาก็คือเดือนนี้เป็นเดือนกันยายน ไม่ใช่เดือนเกิดของใครหรอก แต่เป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในเดือน สิงหาคม กันยายนนี่แหละ นานแสนนานมาแล้วเป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้ก็เป็นอยู่ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้ใช้ไม่หมด ก็มายกยอดเอาเดือนสุดท้าย หาเรื่อง ศึกษาดูงาน จัดประชุม สัมมนา สารพัดกิจกรรมที่จะใช้งบประมาณให้หมด มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบไปถึงการพิจารณางบประมาณในปีงบประมาณถัดไป

หลายเรื่องที่จัดก็โอ..อยู่นะ แต่ส่วนมากถลุงเงินมากกว่า

ที่เทศบาลแห่งหนึ่งที่ผมไปประชุม เจ้าหน้าที่วุ่นกับการเตรียมกระเป๋า หมวก เสื้อ ปากกา สมุด สำหรับแจกชาวบ้าน(หัวคะแนน)ที่จะเดินทางไปศึกษาดูงานกันในอีกวันสองวันนี้ด้วยรถบัสปรับอากาศอย่างดี 6 คัน….

ไม่วิเคราะห์ วิแคะอะไรหรอก รู้ๆกันอยู่ นะ


สไบฟ้า..

53 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 กันยายน 2011 เวลา 10:25 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1761

ข้าฯผู้เป็นธุลีดิน มิอาจสั่งฟ้าได้…

แต่ข้าฯขอตามเก็บความงามของฟ้า…

ความสวยอยู่ที่สายตากับจินตนาการ

ข้าฯผู้เป็นธุลีดินเห็นสไบปลิวไสวบนท้องฟ้านั่น…

ถูกกิเลสข้าฯ..

ขอให้ข้าฯดื่มด่ำความงามของฟ้าเถิด..

 

สถานที่: Ariya, The Color Premium, BKK


ตัวตนทางการเมือง

24 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 กันยายน 2011 เวลา 17:04 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2875

ประชาชนอย่างเราที่ค่อยๆห่างการเมืองมากขึ้นในแง่การเข้าไปมีส่วนร่วม แต่ความสนใจยังมีตลอด เราเป็นคนเดือนตุลาและย้อนหลังไปสมัยนั้นเราเองก็ไม่เบา เข้าร่วมขบวนการนักศึกษาในทุกเรื่อง แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่าจะยืนอยู่หน้าเวที ความผิดปกติในมหาวิทยาลัยเราก็ลุยมาแล้ว การเมืองระดับประเทศ ปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะกรณีชาวนาทางภาคเหนือ เราก็เฉียดตายมาหลายครั้ง

คนหนุ่มไฟแรงมีเพื่อนร่วมงานที่ใจตรงกัน มีฝ่ายสนับสนุน การเรียนเป็นรอง ทำกิจกรรมเป็นเรื่องมาก่อน อิอิ

หากทบทวนย้อนไปก็ยังยืนยันว่าเราคิดถูกแล้ว ทำถูกแล้ว เพียงแต่ความยับยั้งชั่งใจยังไม่มากเท่าไหร่ แต่เราก็มีผู้ใหญ่ให้สติอยู่บ่อยๆ ผลพวงของการทำการเมืองในวัยนักศึกษานั้น หลายคนเพลินมาจนถึงปัจจุบัน เรียนจบแล้วก็เดินสู่เส้นทางการเมืองสนามใหญ่มาตลอด

เมื่ออายุมากขึ้น ภาระทางหน้าที่การงานเปลี่ยนไป บทบาทที่แสดงตรงๆนั้นลดลง แค่ติดตามและแสดงความเห็นบ้าง และเฉียดๆไปเฉียดมาเท่านั้น ไม่ได้กระโดดเข้าไปขลุกเหมือนแต่ก่อน

รัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นมีนโยบายดีดีหลายเรื่องแม้ว่าบางเรื่องจะเป็นประชานิยม เรียกว่า เอากะเขาบ้าง…โดยเฉพาะนโยบาย “ประกันราคาข้าว” มีข้อดีข้อด้อย เมื่อมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เปลี่ยนมาเป็น “การจำนำข้าว” ซึ่งพยายามขายจุดดีของนโยบายนี้

อย่างผมกล่าวข้างบนคือ มีส่วนดีมีจุดอ่อนทั้งสองนโยบาย แต่ทำไมประชาธิปัตย์ยืนยันประกันราคาข้าว เพื่อไทยยืนยันจำนำข้าว ต่างฝ่ายต่างพูดจุดดีของตัวเองและกลบจุดอ่อน ตรงข้าม ตีนโยบายของการเมืองคู่แข่ง…

ผมมาพิจารณา หากประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็ทิ้งการจำนำข้าว กลับมาใช้ประกันข้าว และหากเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็ทิ้งประกันราคาข้าวแล้วย้อนกลับมาเอาจำนำราคาข้าว.. มันอะไรกัน นักการเมือง…ประเทศไทยเป็นของนักการเมืองเท่านั้นหรือ…ที่จูงประเทศไทยไปทางโน้นที ทางนี้ที

มิได้กล่าวถึงนโยบายอื่นๆอีก

เป็นไปได้ไหม..ไม่ว่าใคร พรรคไหนมาเป็นรัฐบาล แม้ตัวเองมีนโยบายใหม่ๆมาแต่เป็นเรื่องเดียวกันกับที่พรรคการเมืองอื่นๆทำมาแล้ว ก็นึกถึงชาติ ประชาชนเป็นหลัก โดยการให้หน่วยงานวิชาการเอาประเด็นนั้นๆมาจัด ประชุม เสวนาหาข้อสรุปว่ารูปแบบที่ดีที่สุดอยู่ที่ตรงไหน ….อย่ากลัวเสียหน้า แต่เอาประชาชน ชาติ เป็นหลัก

หากเอาพรรคเป็นหลักเพราะเป็นผู้คิดนโยบายนี้ ก็ยืนยันแม้จะเห็นชัดๆว่ามีจุดอ่อน มีจุดด้อย แต่ก็ดันทุรังเดินต่อไปเพราะหาเสียงมาแล้ว.. เดินติดๆ ขัดๆต่อไปแม้ว่าจะรู้ทั้งรู้

แบบนี้เรียกว่า “ตัวตนทางการเมือง เพื่อพรรค” ไม่ใช่เพื่อชาติเป็นหลักใหญ่ที่สุด

หากไม่ก้าวข้าม ตัวตนทางการเมืองไปได้ สังคมไทยก็ถูลู่ถูกังแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วอย่ามาพูดเลยว่า ประเทศเพื่อนบ้านก้าวแซงหน้าเราไปแล้ว

ก็เพราะ “ตัวตนทางการเมือง” ของพวกเป็นใหญ่นี่แหละ….



Main: 0.11005687713623 sec
Sidebar: 0.045747041702271 sec