นักฆ่าขาเดียว..
อ่าน: 4974
นักฆ่าขาเดียว
(ภาพไม่ชัดเพราะถ่ายจากในรถ)
ผมหายไปหลายวันที่ไม่ได้เขียน เพราะมัวไปทะเลาะกับหมู่บ้านอารียา ที่ครอบครัวผมไปซื้อบ้านให้ลูกสาว แล้วเกิดขโมยเข้าบ้านสองครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ คนอย่างผมนั้นทนไม่ได้ที่หมู่บ้านปล่อยปละละเลยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ก็อาละวาดซะพองาม ดีไม่พาเพื่อนบ้านเดินขบวน ร่ำๆจะไปชวนเสื้อแดงที่สนามหลวงมาเผาซะ เอ้ย.. มาขู่ซะหน่อย เอาหละไม่เอามาพูดดีกว่า
ผมได้รับ FW mail อ่านแล้วประทับใจมาก สาธุ ท่วมหัวเลยครับ ก็ท่านนายแพทย์ชัยชนที่เป็นคุณหมอดูแลใกล้ชิดเจ้าฟ้าองค์เล็กน่ะซีครับ ท่านบวชอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อพลวงพ่อท่านสิ้น ท่านชัยชนก็ออกบวชเลย….ใครสนใจจะอยากอ่านบอก จะเมล์ไปให้ครับ
ผมนั้นไม่รู้จักท่านหรอกครับ แต่เห็นท่านบริบาล ดูแล เจ้าฟ้าองค์เล็กก็ชื่นชมท่านในใจ ยิ่งอ่าน ประวัติท่านก็ยิ่งเลื่อมใส และดูรูปท่านในเพศสมณะซิ สำรวมเป็นที่สุดเหมือนพระสายธรรมยุติ ที่เวลาเดินไปไหนก็แล้วแต่ จะวางสายตาอยู่เพียง “แอกเทียมโค” เท่านั้น คือก้มลงนิดหน่อย ไม่วอกแวก มองซ้ายขวา นิ่ง สงบ สำรวมเป็นที่สุด งามเป็นที่สุด นี่คือลักษณะของท่านผู้มุ่งจะหลุดพ้น สาธุ…
วันนี้ทั้งวันขับรถไปสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายของงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ ตกบ่ายพอมีเวลาผมก็ขับรถเลยไปที่คลอง 12 ลำลูกกา ปทุมธานี เห็นป้ายโรงเรียนพระวิสุทธิวงส์ เป็นคริสต์ มีทั้งโรงเรียนและโบสถ์สวย ผมจึงแวะเข้าไปชม
อาคารเรียนของโรงเรียนสายคริสต์แห่งนี้แปลกมากๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปในมุมอื่น โปร่ง ใหญ่โตมาก หลังคาอันเดียวกันแต่แผ่ขยายมาคลุมสนามเด็กเล่นที่กว้างใหญ่ เด็กๆก็วิ่งเล่นในพื้นที่ใต้หลังคานั้นซึ่งติดกับตัวอาคารเรียน
มีโบสถ์ที่สวยงามมาก สร้างขึ้นมาใหม่ อยู่ใกล้กับอาคารเรียน พร้อมที่จะให้เด็กเข้ามาใกล้ชิดและเข้าไปภายในเพื่อสารภาพบาป และมาสวดในวันสำคัญๆ และใช้ทำกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนกำหนด
ขับรถเลยเข้าไปเป็นสุสาน แปลกที่เขาจัดให้อยู่ริมถนน เหมือนโชว์ แสดงให้เป็นมรณานุสติ รถผ่านไปมาก็เห็นชัดเจน ตรงข้ามป่าช้าไทยต้องเอาไปไว้ด้านหลังวัด ในป่าลึกโน้น สุสานคริสต์หลายแห่งจึงเป็นที่พักผ่อน หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเสียด้วยซ้ำไป อย่างสุสานสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นไง
ที่ผมทึ่ง ชอบ ชื่นชม ก้าวลึกเข้าไปในจิตสำนึกของคริสต์เตียนมาก เมื่อผมขับรถเลยสุสานจะเป็นเขตที่อยู่ของกลุ่มคนชราและเด็ก ผมแอบขับรถเข้าไปด้านหน้าอย่างเงียบๆ ช้าๆ ผมเห็นผู้เฒ่าจำนวนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น มีผู้ดูแล และยิ่งไปกว่านั้นผมเห็นพยาบาลนางฟ้าในชุดขาวสอาด เดินทำหน้าที่ของท่าน อะไรกัน นี่คือสถานที่ดูแลผู้สูงอายุของกลุ่มคริสต์ ช่างวิเศษจริงๆ ผมอยากจะลงไปชมและคุยกับท่านผู้ดูแล แต่เวลาผมจำกัด แค่มองดูด้วยสำนึกด้านลึกของจิตที่สัมผัสกิจกรรมเหล่านี้ ประเสริฐแท้จริง เมื่อผมขับออกมาที่ประตู ผมกลับไปดูที่ป้ายอีกครั้งหนึ่ง เห็นคำว่า โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์… ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ แต่ชื่นชมกิจกรรมนี้เหลือเกิน
ผมมิบังอาจเปรียบเทียบสองภาพต่อไปนี้ แต่เข้าใจว่าต่างมุ่งทำดีด้วยกันทั้งสิ้น ภาพท่านชัยชนที่สง่างามในอาการสำรวมดั่งผู้มุ่งมั่นเพื่อความหลุดพ้นแห่งวัตตะสงสาร และภาพพลังศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าปรากฏมาในรูปกิจกรรม และวิถีแห่งการดำรงตนในสังคม โดยมีธรรมของพระผู้เป็นเจ้ากำกับ โรงเรียน โบสถ์ สุสาน สถานที่พักของผู้สูงอายุ อยู่ในบริเวณพื้นที่ดินผืนใหญ่เดียวกัน
หนึ่งเพื่อความบริสุทธิ์ หลุดพ้น หนึ่งนั้นเพื่อชีวิต เพื่อสังคม เพื่อความเป็นคนที่มีธรรมะห่อหุ้ม งดงามเป็นที่สุด งดงามจริงๆ
สาธุ สาธุ สาธุ…..
อาจารย์ผมพูดตรงๆนะ…… “ทักษิณนั้นเขาเอาสามสิบบาทมาให้ เอากองทุนมาให้ เอาราคายางมาให้ เอา เอา เอา… มาให้ชาวนาชาวบ้านอย่างผมและพี่น้องของผม เขาจะโกงกินเท่าไหร่ผมไม่สน แต่สิ่งที่พวกเราได้นั้นเราพอใจ.. และเราเลือกเขา…มีรัฐบาลไหนที่ไม่โกงกินบ้าง โกงกันทั้งนั้น.. แต่ทักษิณเขาทำอะไรบ้างผมไม่รู้แต่ผมรู้ว่าผมและพี่น้องผมได้อะไรบ้าง….”
“แต่ผมว่านโยบายจำนำราคาข้าวนั้น มันมีจุดอ่อนให้พ่อค้า ข้าราชการและนักการเมืองโกง แต่นโยบายประกันราคาข้าวนั้น ก็มีจุดอ่อนที่ให้ชาวบ้านโกงได้ แต่การโกงในเรื่องประกันราคาข้าวนั้นมันตกอยู่กับชาวบ้าน….?!”
ชายหนุ่มอายุ สี่สิบเศษ ผิวดำ ไว้หนวด สีหน้าลูกทุ่ง ดุ แม้จะใส่เสื้อคล้ายเสื้อสูท แต่ก็อ่านออกว่าเป็นชาวบ้าน เวลาพูดมีท่าทีจริงจัง…เขาคือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งที่ผมไปนั่งสัมภาษณ์ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เขายากจนมาก แม่ตายตั้งแต่เขาเกิด เรียนหนังสือแค่ ป.7 ตระเวนไปทั่วถิ่น รับจ้างทำโน่นนี่ แล้วกลับมาบ้านที่ลำลูกกา ทำนาเช่ากับพ่อ แล้วก็ถูกชักชวนให้เล่นการเมืองท้องถิ่น ได้เป็น สมาชิก อบต. เป็นรองนายก และสมัยนี้ได้เป็นนายก
ผมตั้งใจเข้ามาช่วยชาวนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของผม ผมยังทำนานะครับ ผมเรียน กศน. ต่อปริญญาตรี ของราชภัฏธัญบุรีจนจบ และกำลังต่อโท..
บางทีทั้งสัปดาห์ผมไม่เคยขึ้นมาในห้องตำแหน่งนายกนี้เลย..เพราะผมนั่งรับชาวบ้านอยู่ข้างล่าง ผมอยากจะช่วยชาวนา เงินเดือนผมนั้นไม่พอใช้ แต่ผมก็ไม่โกงกิน ผมไม่ชอบ และทีมงานผมใครจะเอาก็ไม่ได้ ผมไม่ยอม.. นายก อบต กล่าว
แหย่ไปว่า ไม่คิดจะลงสนามใหญ่หรือ นายก อบต.ท่านนี้กล่าวว่า ผมไม่เอาหรอก หมดสมัยนี้ผมก็หยุดแล้ว ยางพาราผม 50 ไร่ก็กำลังจะเก็บเกี่ยวได้ ผมคงพอแค่นั้น แต่หากผมบ้าลงสนามใหญ่ ผมอยากตั้งพรรคของผมเอง เป็นรัฐบาลเลยและมาช่วยชาวนาชาวไร่…..
ผมไม่ชอบคนโกง ตอนนี้มีปัญหาน้ำท่วมก็มีชาวนาขี้โกง ลูกบ้านของผมนั่นแหละ มาแจ้งว่านาเขาจมน้ำ เพื่อจะขอให้รัฐช่วยเหลือ ตามนโยบาย…… แต่ผมทราบว่า คนนี้เกี่ยวข้าวไปแล้วเมื่อน้ำมาก็ท่วมขาวไปเลย เห็นแต่น้ำ ผมก็ว่า หากลุงต้องการค่าชดเชย ไปเลย ไปดำเอารวงข้าวมาให้ผมดู หากเอามาได้ผมจะช่วย ผมจะทำเรื่องให้ลุงเอง….ลุงรู้ว่าหลอกผมไม่ได้ก็กลับไป… นี่แบบนี้จะมาหลอกผม ไม่ได้ หากผมรู้ผมค้านชนฝาเลย ทั้งที่เขาเลือกผมมา แต่ทำผิดผมผ่านให้ไม่ได้
บางทีชาวบ้านทางอีสานก็ซื่อเกินไป…มีเรื่องเกิดขึ้นคือ นาล่มนี่แหละ เจ้าหน้าที่ไปสำรวจพบตายายยากจนน้ำท่วมนา ข้าราชการท่านนั้นสงสารจึงอยากช่วย ไปถามว่าลุงปลูกข้าวอะไร ตามระเบียบกำหนดไว้ว่าหากเป็นข้าวเหนียวไม่ช่วยเหลือ หากเป็นข้าวที่ไม่ใช่ข้าวเหนียว ระเบียบอนุญาต ราชการท่านนั้นจึงใส่ไปในแบบฟอร์มสำรวจว่า ตายายปลูก “ข้าวขาว” พอดี สตง.มาสุ่มตรวจ และบังเอิญมาสอบถามตายายคู่นี้
สตง. ถามว่า ตาปลูกข้าวอะไร ตาบอกว่าปลูกข้าวเหนียว ซึ่งผิดไปจากแบบสำรวจที่เจ้าหน้าที่ไปสำรวจมา ในที่สุดข้าราชการคนนั้นถูกลงโทษฐานหลอกลวงราชการทำให้เกิดความเสียหาย เรียกเงินส่วนนั้นคืน นี่คือราชการเห็นใจผู้สูงอายุ ก็ช่วยเหลือ กลายเป็นตัวเองมีความผิด…
ผมเลยบอกกับทีมงานว่า ให้ตรงไปตรงมา อย่าใช้กำลังภายในกันเลยในเรื่องงบประมาณ และประโยชน์อื่นๆ
——–
น้อยครั้งนักที่จะพบคนพันธุ์นี้ ส่วนภาพสะท้อนความเห็นของรัฐบาลนั้น น่าคิดสำหรับการพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศ กระบวนการคิดแบบนี้แม้ว่าจะซื่อ บริสุทธิ์ แต่ถูกนักโกงเมืองใช้เป็นฐานเอาเปรียบบ้านเมือง
เป็นเรื่องใหญ่ที่นักคิดเปลี่ยน สร้าง สำนึกคนต้องคิดต่อ…