ตัวตนทางการเมือง
อ่าน: 2875ประชาชนอย่างเราที่ค่อยๆห่างการเมืองมากขึ้นในแง่การเข้าไปมีส่วนร่วม แต่ความสนใจยังมีตลอด เราเป็นคนเดือนตุลาและย้อนหลังไปสมัยนั้นเราเองก็ไม่เบา เข้าร่วมขบวนการนักศึกษาในทุกเรื่อง แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่าจะยืนอยู่หน้าเวที ความผิดปกติในมหาวิทยาลัยเราก็ลุยมาแล้ว การเมืองระดับประเทศ ปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะกรณีชาวนาทางภาคเหนือ เราก็เฉียดตายมาหลายครั้ง
คนหนุ่มไฟแรงมีเพื่อนร่วมงานที่ใจตรงกัน มีฝ่ายสนับสนุน การเรียนเป็นรอง ทำกิจกรรมเป็นเรื่องมาก่อน อิอิ
หากทบทวนย้อนไปก็ยังยืนยันว่าเราคิดถูกแล้ว ทำถูกแล้ว เพียงแต่ความยับยั้งชั่งใจยังไม่มากเท่าไหร่ แต่เราก็มีผู้ใหญ่ให้สติอยู่บ่อยๆ ผลพวงของการทำการเมืองในวัยนักศึกษานั้น หลายคนเพลินมาจนถึงปัจจุบัน เรียนจบแล้วก็เดินสู่เส้นทางการเมืองสนามใหญ่มาตลอด
เมื่ออายุมากขึ้น ภาระทางหน้าที่การงานเปลี่ยนไป บทบาทที่แสดงตรงๆนั้นลดลง แค่ติดตามและแสดงความเห็นบ้าง และเฉียดๆไปเฉียดมาเท่านั้น ไม่ได้กระโดดเข้าไปขลุกเหมือนแต่ก่อน
รัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นมีนโยบายดีดีหลายเรื่องแม้ว่าบางเรื่องจะเป็นประชานิยม เรียกว่า เอากะเขาบ้าง…โดยเฉพาะนโยบาย “ประกันราคาข้าว” มีข้อดีข้อด้อย เมื่อมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เปลี่ยนมาเป็น “การจำนำข้าว” ซึ่งพยายามขายจุดดีของนโยบายนี้
อย่างผมกล่าวข้างบนคือ มีส่วนดีมีจุดอ่อนทั้งสองนโยบาย แต่ทำไมประชาธิปัตย์ยืนยันประกันราคาข้าว เพื่อไทยยืนยันจำนำข้าว ต่างฝ่ายต่างพูดจุดดีของตัวเองและกลบจุดอ่อน ตรงข้าม ตีนโยบายของการเมืองคู่แข่ง…
ผมมาพิจารณา หากประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็ทิ้งการจำนำข้าว กลับมาใช้ประกันข้าว และหากเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็ทิ้งประกันราคาข้าวแล้วย้อนกลับมาเอาจำนำราคาข้าว.. มันอะไรกัน นักการเมือง…ประเทศไทยเป็นของนักการเมืองเท่านั้นหรือ…ที่จูงประเทศไทยไปทางโน้นที ทางนี้ที
มิได้กล่าวถึงนโยบายอื่นๆอีก
เป็นไปได้ไหม..ไม่ว่าใคร พรรคไหนมาเป็นรัฐบาล แม้ตัวเองมีนโยบายใหม่ๆมาแต่เป็นเรื่องเดียวกันกับที่พรรคการเมืองอื่นๆทำมาแล้ว ก็นึกถึงชาติ ประชาชนเป็นหลัก โดยการให้หน่วยงานวิชาการเอาประเด็นนั้นๆมาจัด ประชุม เสวนาหาข้อสรุปว่ารูปแบบที่ดีที่สุดอยู่ที่ตรงไหน ….อย่ากลัวเสียหน้า แต่เอาประชาชน ชาติ เป็นหลัก
หากเอาพรรคเป็นหลักเพราะเป็นผู้คิดนโยบายนี้ ก็ยืนยันแม้จะเห็นชัดๆว่ามีจุดอ่อน มีจุดด้อย แต่ก็ดันทุรังเดินต่อไปเพราะหาเสียงมาแล้ว.. เดินติดๆ ขัดๆต่อไปแม้ว่าจะรู้ทั้งรู้
แบบนี้เรียกว่า “ตัวตนทางการเมือง เพื่อพรรค” ไม่ใช่เพื่อชาติเป็นหลักใหญ่ที่สุด
หากไม่ก้าวข้าม ตัวตนทางการเมืองไปได้ สังคมไทยก็ถูลู่ถูกังแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วอย่ามาพูดเลยว่า ประเทศเพื่อนบ้านก้าวแซงหน้าเราไปแล้ว
ก็เพราะ “ตัวตนทางการเมือง” ของพวกเป็นใหญ่นี่แหละ….