บทสนทนาในรถ

12 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มิถุนายน 2011 เวลา 22:10 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1627

นั่งเครื่องบินซะชิน ลองมานั่งรถโดยสารบ้างก็ดีเหมือนกัน คนข้างกายเคยไปทำการประเมินผลบริษัทนครชัยแอร์ หรือ NCA คนเดินทางบ่อยๆรู้จักบริษัทนี้ดีว่าเป็นที่หนึ่งในเรื่องความมีมาตรฐาน ทั้งระดับความปลอดภัย ความสะดวกสบายของที่นั่ง การบริการ ตลอดเส้นทางขอนแก่นกรุงเทพฯนั้นมีพนักงานขับรถเปลี่ยนสองคน ความเร็วคงที่ไม่เร็วเกินไป ที่แอร์เย็นจนหนาว ทีวี ห้องน้ำ และที่พิเศษ ข้างๆรถจะมีค้อนติดไว้ เพราะนี่คือการเตรียมตัวหากรถเกิดสุดวิสัยตกน้ำจมลง ก็ใช้ค้อนนี้ทุบกระจกหน้าต่างให้แตกและออกมาได้ ที่นั่งมีนวดไฟฟ้า

แน่นอนราคาก็แพงกว่ารถทั่วไป แต่คนก็แน่นตลอด ยิ่งรถ First class ที่นั่งงี้กว้างมีแค่ 27 ที่นั่งเอง สบายมากกว่าที่นั่งเครื่องบินเสียอีก ของกินก็แจกจนเด็กอ๊วกเลยเพราะเธอกินหมดแจกอะไรมาก็ยัดใส่ปากหมด ดันกินน้ำโค๊กเข้าไปอีก จะเหลือรึ แม่นั่งข้างๆบอกก็ไม่ฟังจะกินลูกเดียว ห้า ห้า ห้า นี่ก็อ๊วกตลอดทางเหมือนกัน

ขาขึ้นขอนแก่นที่นั่ง first class เต็มผมก็นั่ง gold class ซึ่งราคาถูกลงมา ได้ที่นั่งหลังสุด ผมเลือกนั่งด้านในทางเดิน แถวเดียวกันอีกซีกหนึ่งเป็นเด็กหนุ่ม น่าจะยี่สิบต้นๆ ดูจะเฮ้ว เพราะเสือกใส่แว่นดำทั้งที่เป็นกลางคืน กางเกงเอวต่ำแทบหลุดตูด ยึกๆยักๆ แตะโน่น จับนี่ เดี๋ยวก็โทรศัพท์ โทรจังเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรหนักหนา ทั้งที่โฮสเตท ประกาศว่า กรุณางดใช้มือถือเพราะรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นๆ มันไม่ได้ยินรึไง..โทรหา…. ผมว่าผู้โดยสารท่านอื่นๆก็รู้สึกตะหงิดๆ แต่ไม่มีใครพูดจาอะไร รักษามารยาทเงียบไว้ รวมทั้งผมด้วย

รถออกเดินทางไปนานแล้ว เขาเปิด vcd หนังให้ดูจนหมดม้วนแล้ว ปิดไฟต่างคนก็พยายามนอนหลับ ส่วนใหญ่ก็เอาเก้าอี้เอนลงมากน้อยก็แล้วแต่ ไอ้หมอนี่เอาจนสุดๆ ข้างหน้าเขามีสาวร่างใหญ่กลางคนเอนลงมามากเหมือนกันหลายคนหลับไปแล้ว ผมแปลกที่ก็กึ่งหลับกึ่งตื่นทั้งที่พยายามหลับ

แล้วผมก็ได้ยินเสียงสตรีที่นั่งเก้าอี้หน้าเจ้าหนุ่มที่นั่งคู่แต่คนละข้างกับผมเอะอะขึ้นมาว่า

…เฮ้ยๆ เฮ้ยๆอะไรวะ ทำไมเอาเท้ามาดันเก้าอี้ฉัน ไอ้คนไม่มีสกุล พูดจาดีดีก็ได้ ทำไมทำอย่างนี้ ไอ้คนไม่มีสกุล…

เธอฮึดฮัดแล้วหันมามองไอ้เด็กหนุ่มที่นอนขยุกขยิกอยู่นั่น แล้วบ่นอุบอิบพยายามนอนลงไปอีก

ไอ้เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าสตรีท่านนั้นด่าตัวเองจึงดึงเก้าอี้สูงขึ้นมาระดับหนึ่ง ดูจะมีปฏิกิริยาแต่ไม่แสดงอะไรออกไป สักพักหนึ่งเด็กหนุ่มก็โทรศัพท์ไปหาใครก็ไม่รู้แล้วพยายามพูดดังๆให้ได้ยินว่า

…เฮ้ยไอ้….เดี๋ยวถึง…มึงมารับกูหน่อยนะ เอามีดใหญ่ๆมาด้วย กูจะเอามาฟันปากคนว่ะ เก่งนักนี่….

ผมตาสว่างเลย ใจก็นึกว่า เดี๋ยวจะเกิดพายุทอร์นาโดหรือเปล่านี่…

ไม่มีอะไรต่างคนต่างพยายามนอนเงียบๆกันไปจนถึงปลายทาง….

เฮ่อ…ประสบการณ์บนรถโดยสารที่มีมาตรฐานที่สุด…


ผมไม่ต้องซื้อข้าวกิน

27 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มิถุนายน 2011 เวลา 13:24 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม #
อ่าน: 2740

กินแกลบหรือไงถึงไม่ซื้อข้าวกิน หรือไปแอบทำนาที่ไหนมาเหมือนดาราในทีวี หรือคนดังๆหลายคนที่เป็นไฮโซ ลูกคนรวยลงไปทำนาจนหน้าขึ้นฝ้าแล้ว ก็ไม่ใช่

ไม่ใช่มาคุย แต่อยากเล่าให้ฟังว่านี่คือปรากฏการณ์ที่ผมได้รับจากการทำงานและการดำรงวิถีแบบวัฒนธรรมเดิมๆของไทย แล้วได้ผลตอบรับมาแบบไม่น่าเชื่อ..ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังมาก่อน

เรื่องแรก เคยเล่าบางช่วงบางตอนมาบ้างแล้ว คือ ผมอยู่กินกับภรรยาผมมานานตั้งแต่ก่อนเธอไปเรียนที่เยอรมันและเนเทอร์แลนด์ พอกลับมาและทำงานเป็นอาจารย์ที่ มข. ผมก็ทำงานเป็น NGO และเข้าสังกัดบริษัทที่ปรึกษา ก็วนเวียนทำงานในอีสานมาตลอด เมื่อผมมีลูกสาวคุณแม่ภรรยาผมก็ขออาสามาเลี้ยงหลาน และประกาศว่าขอเลี้ยงเป็นคนสุดท้ายเพราะเลี้ยงมา 14 คนแล้ว อิอิ อิอิ แล้วอายุท่านก็มากแล้ว

ภรรยาผมเป็นคนสุดท้อง คุณแม่จึงหวังฝากผีฝากไข้ไว้ด้วย พอดีท่านเป็นหอบหืด การอยู่อีสานดีกว่าอยู่กรุงเทพและตรังบ้านเกิดท่าน ที่ขอนแก่นมีโรงพยาบาล ใกล้หมอ เราเองก็รู้จักคุณหมอหลายท่าน จึงให้คุณแม่เป็นคนไข้ประจำของคุณหมอรุ่นน้องผม ก็เป็นคนไข้มามากกว่า 20 ปี

ยามที่ท่านแก่หง่อม และเรี่ยวแรงไม่มี เราเองสองคนก็ออกไปทำงานและเป็นงานที่ตระเวนไปทั่ว จึงไปหาคนดูแลผู้สูงอายุ ที่ขอนแก่นมีสถาบันที่ฝึกคนบริการด้านนี้ โดยใครผ่านที่นี่ก็ประกันรายได้ไม่ต่ำกว่า 5000 บาทต่อเดือน เราก็ได้มาดูแลแม่ แต่แล้วก็เปลี่ยนคนใหม่เป็นคนที่ 6 ถ้าจำไม่ผิด เราได้เด็กนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งของขอนแก่น เธอเป็นเด็กชาวนาบ้านนอก อยากเรียนหนังสือ และหางานทำ แต่พ่อแม่ไม่มีเงินจึงมาหาเงินเอง จึงมารับจ้างดูแลผู้สูงอายุเก็บหอมรอมริบไปเป็นค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่าย แบบประหยัดสุดๆ ไม่เคยเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นคนอื่น ไม่เคยเดินทาออกจากจังหวัดขอนแก่น โลกเธอแคบมาก หน้าตาก็ล๊าวลาว แต่นิสัยดีมากๆ

เราก็ดูแลเธอเหมือนลูกหลาน กินพร้อมกัน เหมือนกัน ที่ห้องมีแอร์ให้แม่เธอก็นอนในห้องกับแม่ ขาดเกินเรื่องการเรียนอะไรเราก็ช่วยเหลือ ต่อมาเธอเรียนหนัก แม่ก็ต้องการคนดูแลมากขึ้นทั้งกลางวันกลางคืน เธอจึงชวนน้องสาวมาช่วยงานอีกแรง เราก็ยินดี แบ่งกันคนหนึ่งดูแลแม่กลางวันอีกคนดูแลกลางคืน ทำทุกอย่างให้คุณยาย ซึ่งเราก็ฝึกอบรมเธอ ยามบางครั้งคุณแม่ต้องไปนอนโรงพยาบาล เธอทั้งสองก็ไปนอนเป็นเพื่อน และถือโอกาสให้คุณพยาบาลช่วยแนะนำวิธีดูแลผู้ป่วยแบบนี้เพิ่มเติม ซึ่งก็ทำได้ดีมาก

คุณแม่ป่วยอยู่ 7 ปีนอนบนเตียงตลอด เธอสองคนก็ดูแลมาตลอดจนวาระสุดท้ายเธอก็นอนข้างเตียงคุณแม่ก่อนจะสิ้นลม คนพี่เรียนจบ และออกไปแต่งงานกับหนุ่มที่บ้านเราก็ฝากงานหนุ่มคนนั้นให้เข้าทำงานที่โรงงานผลิตกระดาษที่น้ำพอง เพราะผมมีเพื่อนรักเป็นกรรมการผู้จัดการที่นั่น ส่วนน้องสาวยังเรียนไม่จบเราก็ส่งเสียเรียนจนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย และกินนอนที่บ้านตลอด ก็อยู่ห้องคุณแม่นั้นตลอด เราดูแลเหมือนลูกสาวอีกคนหนึ่งเพราะอยากตอบแทนเธอที่ช่วยดูแลคุณแม่เป็นอย่างดีมาตลอด พี่สาวคนที่เรียนจบไปก่อนตัดสินในกลับบ้านไปทำไร่ทำสวนกับสามีที่ยังทำงานกินเงินเดือนบริษัทผลิตกระดาษ เพราะอยู่ติดบ้านจึงมีเวลาช่วยเหลือกัน

คนน้องสาวเรียนจบได้งานทำในขอนแก่นก็พักอยู่ที่บ้านฟรี ตลอด เพราะคิดว่าเธอคือลูกสาวเราอีกคน

แต่ทุกฤดูกาล พี่สาวของเธอจะเอาผลหมากรากไม้ที่เธอผลิตเองได้เอามาฝากเราตลอดทั้งปี จนบ่อยครั้งเรากินไม่หมด ก็แจกให้คนใช้บ้างเพื่อนบ้านข้างๆบ้างแบ่งไป หนึ่งในของฝากประจำที่บ้านผมได้ คือ ข้าว…

เรื่องที่สอง สมัยที่ผมทำงานกับอาว์เปลี่ยนที่ดงหลวง มุกดาหาร มีพนักงานขับรถคนหนึ่งทำงานมาด้วยกันตั้งแต่ต้นจนสุดท้าย เรารู้ใจกัน เพราะต่างก็ทำงานกันมานานเข้าใจ และเอื้ออาทร กันมาตลอด ช่วงทำนาก็ให้หยุดขับรถไปทำนาให้เต็มที่ เสร็จนาก็มาขับรถต่อ หรือวันไหน พ่อแม่ ลูกเต้าไม่สบายอยากจะกลับไปดูแลก็ไปได้เลย ไม่ว่ากัน

เรามีงานทดลองวิจัยเล็กๆเรื่องการใช้สารหรือวัสดุต่างๆทดสอบสระน้ำรั่วซึม เราก็ใช้สระน้ำในสวนของเขาเป็นสถานที่ทดลองศึกษา ความรู้ต่างๆที่เราเอาให้ชาวบ้าน คนขับรถคนนี้ก็นั่งฟังมาตลอด โดยเฉพาะ อาว์เปลี่ยนไปส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และฯลฯ คนขับรถคนนี้ก็แอบเอาความรู้ไปทดลองใช้ในแปลงนาแปลงสวนของตัวเองจนได้ผลกับตา

หลายปีผ่านมาพี่ชายเขาโดนยิงตายกลางสวน สาเหตุทราบว่ากลุ่มคนค้ายาเสพติดเป็นผู้ฆ่าโดยสมมติฐานว่าผู้ตายเป็นสายตำรวจ ซึ่งไม่ใช่ คดีท่าทางจะล้มเหลวเพราะมีอิทธิพลใหญ่ขวางคดี ผมทราบจึงไปหารุ่นน้อง มช.ที่เป็นนายตำรวจที่กองเมืองมุกดาหารเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นายตำรวจใหญ่ท่านนั้นก็รับปากจะจัดการให้ และไม่นานก็สามารถจับคนร้ายได้และสาวไปถึงอีกหลายคน และต่อมากลุ่มค้ายาเสพติดเหล่านี้ก็เสียชีวิตหมด เราไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นเพราะวิสามัญ หรือคนของกลุ่มค้ายามาเก็บเองก็ไม่อาจทราบได้…

ยามที่ปิดโครงการสมบัติของสำนักงานก็แบ่งให้ลูกน้องทั้งหมด คนขับรถได้มากที่สุดเพราะอยู่มานานและกลุ่มลูกน้องตกลงกันเอง

แม้ว่าโครงการจะจบไปนานแล้วคนขับรถก็เอาข้าวที่เขาปลูกเองเป็นข้าวอินทรีย์มาให้ผมทุกฤดูกาลผลิต ให้เงินก็ไม่เอา บอกไม่ต้องเอามาก็ไม่ฟัง เขาบอกว่า ถ้าอาว์เปลี่ยนอยู่เมืองไทยมีครอบครัวก็จะเอาข้าวไปให้กินเช่นกัน…

ผมจึงไม่ได้ซื้อข้าวกินเลย…

หากว่าจะเป็นระบบอุปถัมภ์ ผมก็ว่าเป็นมุมของการเอื้ออาทรกัน แบ่งปันกัน ช่วยเหลือสนับสนุนกันตามวาระ โอกาส เงื่อนไขที่มีอยู่ เราซาบซึ้งในน้ำใจของน้องๆเหล่านั้น แน่นอนความสัมพันธ์ของเรามีแต่ดีกับดี ตลอดไป บ้านผมเปิดกว้างสำหรับเธอเหล่านั้น หรืออดีตคนขับรถของผมจะมาพักนอนด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ตลอดเวลา…



Main: 0.023245096206665 sec
Sidebar: 0.046167135238647 sec